หรือที่ : http://www.mediafire.com/?8t3128r73v4cat5
...........

หม่อมหลวงปิ่นยังช่วยให้วังกลับมาควบคุมสงฆ์อย่างเบ็ดเสร็จได้อีกครั้ง ซึ่งเป็นกระบวนการที่มีการสำแดงอำนาจกษัตริย์ ชนิดที่หยาบและร้ายกาจที่สุดครั้งหนึ่งในยุคนั้นเลยทีเดียว แม้ว่าฝ่ายธรรมยุติจะรุกกลับคืนมาได้หลังสงคราม ในช่วงทศวรรษ 2490 ฝ่ายมหานิกายที่ได้รับการสนับสนุนจากจอมพลป. ยังคงยึดกุมตำแหน่งบริหารสำคัญๆในอาณาจักรสงฆ์อยู่

การกำจัดพระพิมลธรรม


โดยเฉพาะวัง ที่ต้องการใช้พระศาสนา และพระสงฆ์เป็นเครื่องมือ รับใช้ลัทธิเทิดทูนบูชาพระมหากษัตริย์อย่างไม่ลืมหูลืมตา



ความขัดแย้งรุนแรงที่เกิดขึ้นกับพระพิมลธรรม สืบเนื่องมาจากงานที่ท่านได้บุกเบิกไว้ในยุคนั้น สามด้าน คือ


ในปี 2493 ทางพม่าได้จัดส่งสมณฑูต พร้อมพระไตรปิฎกอีก 3 ชุด ในปี 2494 คณะสงฆ์แห่งประเทศไทย จัดส่งพระสมณฑูตพร้อมทั้งพระไตรปิฎกฉบับอักษรไทย ไปเยี่ยมตอบและมอบให้พม่า


แม้งานเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาพระพุทธศาสนาในประเทศไทยอย่างมาก แต่ยังมีคนไทยและพระภิกษุอีกไม่น้อยที่ยังมีอคติต่อพม่า จึงมีฆราวาสและพระเถระหลายรูปที่ไม่เห็นด้วย แต่ไม่กล้าออกมาต่อต้านขัดขวางโดยตรงในตอนนั้น






















และหากเราสามารถสอนพวกคอมมิวนิสต์ให้รู้ธรรมะ ให้เลื่อมใสในศาสนาได้ ก็จะเป็นการดี เป็นบุญกุศลด้วย ด้วยเหตุนี้ท่านจึงไม่กลัวคอมมิวนิสต์ และอยากเทศน์ให้คอมมิวนิสต์ฟังด้วย
เมื่อเหตุผลเป็นเช่นนี้ พล.ต.อ. เผ่า จึงกล่าวว่าเห็นด้วยกับท่าน และนำความไปกราบเรียนให้ท่านนายกทราบ เมื่อจอมพล ป. ได้รับทราบแล้ว ทางรัฐบาลก็ไม่ได้มีการขัดขวางในเรื่องนี้อีก


เรียน เจ้าคุณพระพิมลธรรม
เวลานี้ ผมมีความอึดอัดใจในปฏิปทาของเจ้าคุณเป็นอย่างยิ่ง





งานอื่นที่เจ้าคุณจะพึงกระทำก็ยังมีอีกมาก เช่น จัดวัดมหาธาตุให้แจ่มใส ปรับปรุงมหาวิทยาลัยให้เรียบร้อยรุ่งเรืองเจริญ ก็จะเป็นเกียรติแก่เจ้าคุณต่อไป
สมเด็จพระวันรัต (ปลด กิตติโสภโณ)
สังฆนายก
.......................................
หมายเหตุ

2.ที่กล่าวหาพระพิมลธรรมเน้นแต่ปริมาณคน โดยไม่เข้มงวดเรื่องพระวินัยก็เป็นเรื่องไม่จริง
3.เรื่องที่ว่าพระและผู้หญิงอยู่ปนกัน ก็ไม่เป็นความจริง

ตอนที่พระพิมลธรรมเป็นสังฆมนตรีว่าการองค์การปกครองนั้น สมเด็จสังฆนายกท่านดำรงตำแหน่งสังฆมนตรีว่าการองค์การศึกษาอีกตำแหน่งหนึ่ง ท่านมักมีความเห็นอยู่ว่า สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครองนั้น มีอำนาจมีอภินิหารมาก ท่านมีความใคร่จะดำรงตำแหน่งนี้มานานแล้ว ท่านเคยขอแลกเปลี่ยนกับพระพิมลธรรม แต่พระพิมลธรรมกราบเรียนท่าน โดยว่าตนไม่ถนัดในการศึกษาเท่าสมเด็จพระสังฆนายก ดังนี้เสมอมาทุกครั้งพระพิมลธรรมได้ตัดสินใจไปพบสมเด็จพระวันรัต (ปลด กิตฺติโสภณ) สังฆนายก เพื่อเรียนชี้แจงนานถึง 4 ชั่วโมง


5 พฤษภาคม 2503 สมเด็จพระวันรัต (ปลด กิตฺติโสภณมหาเถร) ซึ่งไม่ชอบพระพิมลธรรมได้รับแต่งตั้งเป็นสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก ฝ่ายวังที่มีหม่อมหลวงปิ่น และกรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากรเป็นตัวแทน ให้พระสังฆราชแช่แข็ง หรือเอาพระพิมลธรรมออกจากสังฆมนตรีและยกเลิกกฎหมายสงฆ์ปี 2484 และนำฉบับปี 2445 สมัยรัชกาลที่ 5 ของฝ่ายเจ้ากลับมาใช้

สมเด็จพระวันรัตก็ทำตามข้อตกลง โดยเสนอชื่อพระธรรมยุติ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ จวน อุฏฐายี วัดมกุฏกษัตริย์ เป็นสังฆนายก ซึ่งได้เสนอชื่อคณะสังฆมนตรีชุดใหม่ 9 รูปต่อสมเด็จพระสังฆราชฯ คือ

2. พระธรรมวราภรณ์ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นสังฆมนตรีช่วยปกครอง
3. พระธรรมคุณาภรณ์ วัดสามพระยา เป็นสังฆมนตรีศึกษา
4. พระธรรมปาโมกข์ วัดราชผาติการาม เป็นสังฆมนตรีช่วยศึกษา
5. พระธรรมวโรดม วัดพระเชตุพน เป็นสังฆมนตรีเผยแผ่
6. พระธรรมจินดาภรณ์ วัดราชบพิธ เป็นสังฆมนตรีช่วยเผยแผ่
7. พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ วัดราชบพิธ เป็นสังฆมนตรีว่าการสาธารณูปการ
8.พระธรรมทัศนาธร วัดชนะสงคราม เป็นสังฆมนตรีช่วยสาธารณูปการ
9. พระธรรมมหาีวีรานุวัตร วัดไตรมิตรวิทยาราม เป็นสังมนตรีลอย









ถูกจับกุม และ บังคับให้สึก



ค่ำวันเดียวกัน พระธรรมคุณาภรณ์ (ฟื้น ชุตินธโร หรือ ต่อมาคือสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ หรือ สมเด็จฟื้น วัดสามพระยา สังฆมนตรีศึกษา) เจ้าคณะจังหวัดพระนคร

แต่เจ้าคณะจังหวัดพระนครไม่สามารถยินยอมได้ตามลำพัง เนื่องจากท่านไม่มีอำนาจหน้าที่จะอนุญาตได้ ทั้งการจับสึกครั้งนี้เป็นคำสั่งโดยตรงจากสังฆนายกและสังฆมนตรี

ภิกษุอาจ อาสโภ จึงขอโอกาสเขียนคำร้องทุกข์ต่อผู้มีอำนาจทั้งสอง ให้ท่านได้มีโอกาสต่อสู้คดีในเพศบรรพชิต

แต่มีบันทึกที่ตอบกลับมาในคืนนั้น คือ คำสั่งเฉียบขาดจากสมเด็จสังฆนายก (จวน อุฏฺฐายีมหาเถร) ให้ทำการสึกท่านโดยไม่มีการลดหย่อนผ่อนผันแต่อย่างใด


จำพรรษาที่สันติปาลาราม



ศาลพิพากษาพิจารณาคดี
เมื่อตำรวจได้จับกุมพระพิมลธรรม (อาจ อาสโภ)มาแล้ว ก็พยายามหาหลักฐานเอาผิดท่าน ว่าท่านมีการกระทำอันเป็นคอมมูนิสต์ และกระทำผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ตามข้อหาที่ได้ยัดเยียดให้ท่าน












.....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น