หรือที่ : http://www.mediafire.com/?hvkccqc5t05qk4i
ตำนานๆ : 009008 เจ้า หรือ โจร


ถือเป็นการกวาดล้างทางการเมืองแบบนองเลือดมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย

มีรับสั่งโปรดเกล้าฯ ว่า อ้ายเมืองให้การถึงหม่อมเหม็น ทั้งนี้ยังเลื่อนลอยอยู่เห็นหาจริงไม่ แต่ทะว่าเป็นความแผ่นดิน จึงให้ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ตริตรองชำระเอาความจริง ตุลาการศาลยุติธรรมในเวลานั้นตริตรองแล้วก็ชำระความออกมา ด้วยการที่เจ้าฟ้าเหม็นทรงถูกถอดยศเป็น "หม่อมเหม็น" นำไปสำเร็จโทษที่วัดปทุมคงคา




มือที่มองไม่เห็น
คงไม่ใช่พลเอกเปรม


ความเป็นมาของพลเอกเปรม


พอพลเอกเปรมได้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็แต่งตั้งพล.อ.ประจวบ สุนทรางกูร ซึ่งออกคำสั่งจนนำไปสู่การนองเลือดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2516 เป็นรองนายกรัฐมนตรีควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย






ต่อต้านนโยบายประชานิยม ซึ่งก็คงมีประเทศไทยประเทศเดียวที่ต่อต้านในสิ่งที่เป็นความต้องการของคนส่วนใหญ่ในประเทศ และขับไล่และทำลายผู้นำที่มีผลงานมากที่สุดและเป็นที่ชื่นชอบได้รับความนิยมสูงสุดจากประชาชนทั่วประเทศ เป็นการจงใจกำจัดคนดีมีความสามารถให้พ้นทาง




ขบวนการโค่นล้มรัฐบาลทักษิณได้มีการนำร่องโดยนายเอกยุทธ อัญชันบุตร โผล่ขึ้นมาโหมโรงกลางท้องสนามหลวงโดยมีนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เจ้าพ่อทีพีไอซึ่งถูกหลอกว่าจะได้บริษัทคืนถ้าล้มรัฐบาลทักษิณสำเร็จ ได้เกณฑ์พนักงานมาเป็นกองเชียร์นับพันคน

หลังจากที่คุณทักษิณพอตั้งหลักได้ก็เลยหวนกลับคืนสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง นายสนธิก็ไม่อาจเอาชนะได้ ทั้งๆที่มีกลุ่มบุคคลหลากหลายสาขาอาชีพร่วมด้วย รวมทั้งการอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์โดยปราศจากการท้วงติงจากบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทำให้ประชาชนทั่วไปรู้สึกถึงความผิดปกติว่าคงเป็นการสมยอม แต่ก็ไม่มีใครกล้าวิจารณ์ด้วยติดเงื่อนไขทางกฎหมาย



ในทุกๆช่วงชีวิตของกษัตริย์ สามารถบันดาลผู้คนในทุกสาขาอาชีพให้เป็นบุคคลชั้นสูงได้เสมอ ตั้งแต่ช่างทำผม ช่างตัดเย็บ ช่างทำกระเป๋าและรองเท้า ล้วนมีสิทธิได้ครอบครองตำแหน่งคุณหญิงทั้งสิ้น ครั้นในหลวงและราชินีเข้าสู่วัยชราโรคภัยเริ่มถามหา ชีวิตเริ่มมีความจำเป็นต้องใกล้ชิดหมอ ตำแหน่งคุณหญิงก็เลยถูกกลุ่มบุคคลที่มีอาชีพเป็นหมอยึดไปครองเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นหมอตา หมอหัวใจเป็นต้น หมอที่เป็นแพทย์หญิงก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคุณหญิง ส่วนหมอผู้ชาย เมียของหมอก็เป็นคุณหญิง หมอที่ได้รับการแต่งตั้งล้วนแต่เป็นหมอผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค ซึ่งมักจะเป็นอาจารย์หมอที่มีอิทธิพลในวงการหมอด้วยกัน ดังนั้นหมอจำนวนมากในโรงพยาบาลจุฬาฯจึงมีบทบาทในการเคลื่อนไหวปกป้องระบอบเจ้า


กรณีในหลวงฯ ทรงย้ำ
ให้ตุลาการปกครองสูงสุด
ร่วมรับผิดชอบแก่ไขวิกฤติบ้านเมือง
เมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2549

...สรุปก็คือทรงเห็นว่าการเลือกตั้งไม่ถูกต้อง ท่านย้ำให้ศาลปกครองยกเลิกการเลือกตั้ง ท่านเข้าข้างพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่ยอมลงเลือกตั้งเพราะรู้ตัวว่าแพ้แน่ๆ
กระแสพระราชดำรัส
เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2550
ต่อตุลาการรัฐธรรมนูญ








ระบอบอำมาตยาธิปไตย

แต่นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง และรัฐมนตรีที่เป็นนักการเมือง สามารถควบคุมข้าราชการได้ด้วยการโยกย้าย แต่งตั้ง ระบอบอำมาตยาธิปไตยจึงไม่น่าจะมีอยู่ได้ แต่ประเทศไทยยังมีโยงใยของอิทธิพลที่ยังตกค้างอยู่ของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ โดยหมายถึง สถาบันพระมหากษัตริย์ และคณะองคมนตรีนั่นเองโดยทำให้คนเห็นว่าพล.อ.เปรม เป็นตัวแทนหรือผู้นำของระบอบนี้ แม้ว่าในหลวงได้แสดงท่าทีว่าทรงยึดมั่นในรัฐธรรมนูญ และไม่ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะให้มีการใช้มาตรา 7 แตการที่พระองค์กลับให้การรับรองการยึดอำนาจโดยการนำของพล.อ.เปรม ทำให้กระทบถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย เพราะพล.อ.เปรมฯ เป็นประธานองคมนตรี

"เราสามารถที่จะรวมคนได้เป็นหมื่น หลายครั้งเป็นแสน พวกนี้ก้อ เห็นแล้วสิ เฮ้ย ไอ้เจ๊กแซ่ลิ้ม มันใช้ได้เว้ย ก็เข้ามาอยู่ข้างหลัง ตอนนี้ก็เริ่มแล้วสิ พลเอกสุรยุทธโทรมา พลเอกสนธิให้คนใกล้ชิดโทรมา ในวัง ในวังนี่มีเยอะ เส้นสายในวัง ทุกคนสนิทหมด แม่งสนิทกันชิบหายเลย 'ผมนี่ถึงเลยนะ ผมนี่คุณไม่ต้องพูดเลยว่าถึงไม่ถึง คุณมีอะไรคุณพูดมา รับรองถึงหู พระกรรณ ' ผมไม่สนใจหรอก เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เลยเริ่มมาหนุนหลังขบวนการเรา..."
"จนกระทั่ง มีสัญญาณบางสัญญาณมาถึงผม จู่ๆ ผมสู้อยู่ ก็มีของขวัญชิ้นหนึ่ง มาจากราชสำนัก ผ่านมาทางท่านผู้หญิงบุษบา ซึ่งเป็นน้องสาวพระราชินี ปรากฏว่าผมแค่ได้รับวันเดียว ผมเข้าไปรับด้วยตัวเองกับท่านผู้หญิงบุษบา โทรศัพท์มาหาผมเต็มเลย ป๋าเปรมให้คนสนิทโทรมา พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ทุกคนโทรมาหมด ถามว่า จริงหรือเปล่า .."


นายสนธิย้ำว่า สังคมไทยยังมีความจำเป็นต้องมีสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนในอนาคตสถาบันกษัตริย์จะมีการปฏิรูปหรือพัฒนาให้ทันกับการหรือแปลงของโลกอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องที่ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่มีขบวนการมาทำลายล้าง โดยการสร้างความคิดที่ผิดๆ ให้กับประชาชน.....ความจริงก็คือสถาบันกษัตริย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันเป็นตัวส่งเสริมหรือทำลายความสุขความเจริญของประเทศและประชาชนไทยกันแน่ ในหลวงทรงประพฤติปฏิบัติตนเพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยามจริงตามปฐมบรมพระราชดำรัสหรือ ทำไมทรงปล่อยปละละเลยไม่แน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิดต่อการยึดอำนาจล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ถ้าพระเจ้าอยู่หัวดำรงพระองค์ในฐานะพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยเฉกเช่นประเทศที่เจริญแล้วก็จะเป็นสิ่งประชาชนไทยทั้งชาติจะได้สดุดีสรรเสริญพระบารมีโดยพร้อมเพรียงกันเหมือนที่นายกทักษิณได้เคยทำอย่างดีที่สุดมาแล้ว



นายสนธิกล่าวต่อว่า..ปลายปี 48 ตนทนไม่ได้ เพราะเห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงไม่อยู่อยู่ในสถานะที่จะออกมาแสดงความรู้สึกได้ คนพวกนี้ก็ถือโอกาสกระทำการรุกคืบไปตลอด ประกอบกับ พ.ต.ท.ทักษิณมีที่ปรึกษาเป็นพวกฝ่ายซ้ายที่เคยอยู่ในป่า ที่ต้องการล้มสถาบันกษัตริย์มาโดยตลอด ทิศทางการปฏิบัติของ พ.ต.ท.ทักษิณจึงเป็นทิศทางที่จะลบหลู่พระราชอำนาจทั้งทางตรง และทางอ้อมมาโดยตลอด และมีความพยายามที่จะโค่นล้มสถาบันให้ได้ จนไม่มียุคไหนที่มีเว็บไซต์และวิทยุชุมชนที่จาบจ้วงสถาบันเกิดขึ้นมากมายเท่ายุคนี้





ประเด็นก็คือนายสนธิเชื่อจริงๆหรือว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงมีทศพิธราชธรรมที่เที่ยงธรรมและยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยจริงๆอย่างนั้นหรือ นายสนธิอ้างเองว่าสนิทกับในวังเป็นอย่างยิ่งและท่านสั่งให้ล้มรัฐบาลทักษิณให้ได้ จนนายทหารและพลเอกเปรมยังต้องสอบถามความแน่ใจจากนายสนธิ...นายสนธิน่าจะรู้ว่าในหลวงของไทยเป็นกษัตริย์ที่รวยที่สุดในโลกและร่ำรวยกว่าอดีตประธานาธิบดีมาร์กอสหลายเท่า ส่วนการที่ในหลวงจะโกงหรือไม่ก็คงไม่มีความจำเป็นที่พระองค์จะต้องไปดิ้นรนขนาดนั้นเพราะทรงมีอำนาจสูงสุดที่ไม่มีใครกล้าวิจารณ์หรือตรวจสอบอยู่แล้ว หรือว่านายสนธิแค่ต้องการพูดประชดในหลวงและพระราชินี....นายสนธิเคยยืนยันว่าการยิงตนไม่ได้มาจากเสื้อแดงและตนก็ทราบดีว่าสีเขียวเป็นคนจัดการแต่การที่นายสนธิออกมาป่าวประกาศว่ามีคนปล่อยข่าวว่าสถาบันกษัตริย์สั่งยิงนายสนธิโดยที่นายสนธิก็ทราบเป็นอย่างดี ว่าทหารจะกล้าระดมยิงนายสนธิได้อย่างไรถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากวัง นายสนธิรู้มาตลอดเวลาว่าใครไปคนอนุมัติการยึดอำนาจและสั่งการพิพากษาคดีการเมืองในประเทศนี้...และที่นายสนธิยังปีกกล้าขาแข็งอยู่ได้เพราะใคร...ภายหลังการถูกสั่งฆ่ากลางเมือง ทำไมนายสนธิจึงเก็บเนื้อเก็บตัวระมัดระวังตัวมากขนาดสั่งขึงตาข่ายล้อมบ้านท่าพระอาทิตย์เพราะกลัวจะถูกตามเก็บระลอกสอง
ทำไมเจ้าไทยจึงกลัว
ศาลอาญาระหว่างประเทศ


ใครสั่งโค่นนายกทักษิณ
และนายกทักษิณคิดอย่างไร

เพราะการทำ"นอกสั่ง"ถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตายทีเดียว
ปัญหาก็คือ นายคนไหนสั่ง เป็นนายผู้ชายหรือนายหญิง
ความรับรู้ของคนเสื้อแดงในระยะต้นก็ตัดตอนไว้ที่ "หัวหน้าคนรับใช้ประจำครอบครัวเทวดา"ที่อาศัยอยู่บ้านสี่เสามานานแล้ว ต่อมาก็พัฒนามาเป็นว่า"นายหญิง"สั่ง หลังพากันตาสว่างเรื่องงานศพ หลังๆพวกแดงแท้ๆ เข้าใจว่าก็คงทั้งนายผู้ชายและนายหญิง
ที่ผ่านมานายกทักษิณคิดและเชื่อเอาจริงๆว่า นายหญิงกับหัวหน้าคนรับใช้ประจำครอบครัวเทวดาเป็นคนทำทั้งหมด นายผู้ชายท่านไม่ได้รู้เห็นด้วยแต่อย่างใด
เป็นเพราะความเชื่อและทัศนคติจากการที่คุณทักษิณเรียนเตรียมทหารเตรียมนายร้อยตำรวจที่กินนอนในรั้วโรงเรียนหลายปีติดต่อกันในสมัยสงครามเย็นที่มีการปลูกฝังอย่างมากเรื่องความจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัว คุณทักษิณจึงไม่ใช่วีรบุรุษประชาธิปไตยที่ปลดแอกจากระบอบราชาธิปไตยอย่างที่บางคนคาดหวังอย่างง่ายๆ
..ถึงแม้คุณทักษิณจะคิดใหม่ทำใหม่ในเรื่องการเมืองและการบริหารประเทศ แต่เรื่องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ได้ฝังลงลึกลงไปในจิตใต้สำนึกและยากที่ถ่ายถอนโดยง่าย
แม้ว่าคุณทักษิณจะมีข้อมูลมากมายมหาศาลโดยเฉพาะจากสันติบาลและหน่วยข่าวกรอง


..หรือว่านี่เป็นแค่ยุทธวิธีของคุณทักษิณ เป็นเพียงการผ่อนสั้นผ่อนยาวในจังหวะที่ไม่พร้อมรบขั้นแตกหัก ก็อาจเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ แต่ไม่รู้ว่าถึงเวลาที่คุณทักษิณคิดได้แล้วหรือยัง..
..........
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น