หรือที่ : http://www.mediafire.com/?514cwn3f8imdn82
โปรดทราบ : ไฟล์เสียงที่เคยdownloadไม่ได้ บัดนี้ได้แก้ไขแล้ว โปรดลองเข้าที่linkใหม่












ถึงแม้ว่าจอมพลป.จะทุ่มเทพยายามเต็มที่แล้วก็ตาม แต่ก็กำลังพ่ายแพ้ จากการทุจริตและการต่อสู้ช่วงชิงอำนาจกันเองภายในคณะรัฐประหาร เมื่อขาดการสนับสนุนจากกองทัพและวัง เขาก็พยายามปรับตัวเองเป็นผู้เชิดชูระบอบรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตย ซึ่งจะทำให้กษัตริย์ถูกกันออกจากการเมือง









ในข้อขัดแย้งเล็กน้อยเรื่องหนึ่ง กรมทางหลวงถูกโจมตีสำหรับการละเลยไม่ดูแลถนนในภาคอีสานให้ดี ผู้โจมตีกล่าวว่า กรมทางหลวงควรจะจัดการรดน้ำถนนก่อนล่วงหน้าขบวนเสด็จ เพื่อไม่ให้เกิดฝุ่น และบนถนนก็มีตะปูที่ทำให้รถในขบวนเสด็จยางรั่วไปหลายคัน



จอมพลป.เข้าใจดีถึงอำนาจทางศาสนาของภาพลักษณ์ธรรมราชา หลัง 2475 เขายึดกุมมหาเถรสมาคม แต่งตั้งพันธมิตรพระมหานิกายในตำแหน่งต่างๆ

ทางวังก็รีบเข้ายึดกุมอำนาจทันที ด้วยการแต่งตั้งพระธรรมยุติ ดำรงตำแหน่งสูงสุดทั้งสองคือ สังฆราช และสังฆนายก วังแสดงท่าทีไม่ประนีประนอมเมื่อตำแหน่งสังฆนายกว่างลงอีกครั้งในปี 2494 แทนที่จะหมุนเวียนให้เป็นของมหานิกาย กลับเป็น ของพระศาสนโสภณ (จวน อุฎฐายี) วัดมกุฏกษัตริย์ ผู้นำฝ่ายธรรมยุติได้ตำแหน่งสังฆนายกไป







อีกทางหนึ่งนั้น จอมพลป.พยายามรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับพม่า ประเทศคู่ปรับเก่าของศักดินาไทยในสมัยโบราณ และมีวัฒนธรรมพุทธเถรวาทเหมือนกัน เริ่มด้วยการแลกเปลี่ยนทางศาสนา ที่ดูแลโดยจอมพลป.และอูนุผู้นำพม่า ทำให้วังไม่พอใจเนื่องจากคิดว่าควรให้กษัตริย์เป็นผู้นำในการสร้างสันติภาพกับประเทศพม่าที่เคยทำลายกรุงศรีอยุธยามาก่อน















รูปจากหนังสือพิมพ์ที่เผยแพร่อย่างทั่วไป แสดงภาพในหลวงภูมิพลโกนหัวโล้น นุ่งจีวร สวมแว่นตาดำ ทรงอุ้มบาตรรับถวายอาหารจากประชาชน ที่ทำบุญชนิดที่มีโอกาสแค่เพียงครั้งเดียวในชีวิต ที่จริงแล้วพระในหลวงภูมิพโลภิกขุทรงใช้เวลากับการนั่งสมาธิ การศึกษาและออกบิณฑบาตเพียงส่วนน้อยเท่านั้น






พิธีบวชเริ่มต้นในเวลาอันเป็นฤกษ์ยามคือ บ่าย 4:23 ที่วัดศรีรัตนศาสดาราม อันเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตในหลวงภูมิพลทรงสวดมนต์ท่ามกลางเจ้าอาวาสและพระระดับสูง 30 รูป







เนื่องจากไม่มีใครเขาบิณฑบาตกันในตอนเที่ยงอย่างนั้น มันเป็นที่มาของรูปภาพ ที่จะถูกใช้เป็นภาพแทน หรือภาพโฆษณา ของตลอดทั้งสองสัปดาห์หรือ 15 วันที่ทรงผนวชนั้น










มรว.คึกฤทธิ์เขียนในหนังสือพิมพ์สยามรัฐว่าเขาไม่สามารถแม้กระทั่งจะทวนคำพูดของดร.หยุดได้ เพราะเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท พร้อมทั้งบอกว่า ในฐานะจอมทัพไทย กษัตริย์ไม่จำเป็นต้องปรึกษาใครก่อนพูด







พระยาศรีวิสารวาจาสร้างความชอบธรรมให้กับความเป็นพระมหากษัตริย์ที่ได้รับเลือก ของราชวงศ์จักรี โดยหันกลับไปสู่ความคิดเรื่องการสืบราชสันตติวงศ์และประเพณี โดยอ้างว่าในอดีตอาจมีกษัตริย์ที่ไม่ดีอยู่บ้าง แต่สำหรับราชวงศ์จักรีในปัจจุบันสามารถกล่าวได้ว่าพระเจ้าอยู่หัวแห่งราชวงศ์จักรีทุกรัชกาล ล้วนสร้างความร่มเย็นแก่พสกนิกร















เรื่องนี้บีบให้จอมพลป.ต้องใกล้ชิดกับพล.ต.อ.เผ่าผู้ซึ่งทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก เพราะหนังสือพิมพ์ที่พล.ต.อ.เผ่าควบคุมอยู่ได้ทำการโจมตีเจ้าอย่างตรงๆ โดยพาดหัวว่า พวกเจ้าดูหมิ่นศาสนา ” และ“ พวกเจ้าจะต้องตายโหงตายห่า ” โดยอ้างถึงเรื่องงานฉลองพุทธศาสนา กล่าวหาวังว่าพยายามโค่นล้มรัฐบาลและดูหมิ่นศาสนาพุทธ

พล.ต.อ.เผ่ากล่าวหาว่าพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลทรงมอบเงิน 700,000 บาทแก่พรรคประชาธิปัตย์ ฝ่ายเจ้าตอบโต้ด้วยการปล่อยข่าวลือว่า พล.ต.อ.เผ่ากำลังวางแผนจับพระเจ้าอยู่หัว ด้วยกิติศัพท์ที่ฉาวโฉ่ตกต่ำของพล.ต.อ.เผ่า จอมพลสฤษดิ์ได้เรียกร้องให้จอมพลป. ปลดพล.ต.อ.เผ่า ไม่อย่างนั้นจะถูกรัฐประหาร



ภูมิพลอดุลยเดชป.ร.
เนื่องด้วยปรากฏว่ารัฐบาลอันมีจอมพลป.พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี ได้บริหารราชการแผ่นดินไม่เป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ทั้งไม่สามารถรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองได้ คณะทหารซึ่งมีจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์เป็นหัวหน้าได้เข้ายึดอำนาจการปกครองไว้ได้ ข้าพเจ้าจึงขอตั้งจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์เป็นผู้รักษาพระนครฝ่ายทหาร ขอให้ประชาชนทั้งหลายอยู่ในความสงบ และขอให้ข้าราชการทุกฝ่ายฟังคำสั่งจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศณ วันที่ 16 กันยายน 2500
( ไม่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ คือ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลทรงโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเองด้วยความยินดี เหมือนในสมัยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เพราะท่านคือเจ้าของประเทศ )




พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลสามารถโค่นจอมพลป.ลงได้ทั้งๆที่พระองค์ไม่มีกองทัพในมือ นับว่าเป็นพระปรีชาสามารถโดยแท้ และได้เปิดศักราชของรัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและทหารของในหลวงที่มีจอมพลสฤษดิ์เป็นขุนพลคู่พระบารมี
.............
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น