ฟังเสียง :
http://www.mediafire.com/?e9k8d5ajvdd7y9e
http://www.4shared.com/audio/0x-9US_d/Stream_Stable_Story__001_.html
..........
เรื่องหลังบ้าน ท่านเจ้าของคอกม้า
โดย : หลวงไพเราะวิเคราะห์ราชการ
และ ขุนชำนาญวิจารณ์ราชกิจ
...........

ก่อนการยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549 เปรมิกาประธานที่ปรึกษาของลุงสมชาย ได้เดินสายปลุกระดมบรรดานายทหาร ว่า ทหารเปรียบเสมือนม้า รัฐบาลเป็นแค่คนขี่หรือจอกกี้มิใช่เจ้าของม้า เจ้าของม้าที่แท้จริงก็คือพระราชาซึ่งเป็นเจ้าของคอกม้า ...
ลุงสมชาย:เสาหลักที่เริ่มพิการ
คนจีนมีภาษิตเก่าที่กล่าวว่า เมื่อเข้าสู่วัยชราก็จะมีสิ่งที่พึ่งพาได้สามสิ่ง คือ ทรัพย์สมบัติเก่า เพื่อนเก่า และภรรยาเก่า ชีวิตในวัยสูงอายุเป็นวัยของการพักผ่อน เป็นวัยเกษียณ ปล่อยวาง เข้าหาความสงบสุข อยู่กับบ้าน ดูการเติบโตและความเจริญของลูกหลาน


ตอนนี้ลุงเป็นอะไร
ทำไมถึงไม่กลับบ้าน
21 กันยายน 2552


เนื่องจากลุงมานอนเป็นคืนแรกๆ จึงนอนไม่ค่อยหลับ หมอให้ยาช่วยให้หลับ ป้าสมจิตมาสักพักก็กลับ ตัวจริงของลุงแก่ลงไปมาก เจ้าหน้าที่ไปเก็บปัสสาวะไปตรวจ


ตอนเย็นลุงมักเริ่มสับสน ลุงเพ้อถึงหมอนิดตลอดเวลา ( หลวงนิตย์เวชชวิศิษฏ์ ) ลุงบอกว่าคราวนี้ หมอนิดต้องช่วยด้วยนะ หมอนิดเป็นหมอที่เรียนเมืองนอกพร้อมคุณย่าสังวอนและสนิทกับครอบครัวของลุงมาก เล่ากันว่าตอนที่พี่ชายลุงถูกยิงตาย ลุงถึงกับคุกเข่าขอให้หมอนิดช่วย
24 กันยายน 2552




ลุงกินได้มากขึ้น แต่ต้องใส่ผ้าอ้อม เพราะควบคุมปัสสาวะไม่ได้ ไม่ค่อยเพ้อแล้ว ช่วงก่อนลุงเพ้อตลอดว่า "หมอนิด ต้องช่วยอีกทีนะ อย่าทิ้งเรานะ" พูดซ้ำไปซ้ำมาทั้งวันเลย หมอเจาะเลือดไปตรวจก็ปกติ ไข้ลดลง แต่ยังหาสาเหตุไม่พบ


30 กันยายน 2552


เมื่อวานลุงมีไข้สูง จึงเอาเสมหะไปตรวจ พบว่าเป็นปอดปวม ตอนแรกก็กินได้มากขึ้น แต่ตอนนี้กลับกินไม่ค่อยได้ ยังไม่รู้ว่าไข้มาจากอะไร เทียบกับเมื่อ 3 ปีก่อน ที่ลุงมาผ่าหลังกับหมออเมริกัน ตอนนั้นลุงยังเดินคล่องอยู่เลย คงเป็นอาการทางสมอง ซึ่งเป็นอาการหลักที่ลุงต้องมานอนโรงหมอ ส่วนอาการไข้เพิ่งมาเป็นหลังจากนอนโรงหมอแล้ว

แต่ไม่เคยมีการแถลงการณ์ เกี่ยวกับอาการทางสมองแม้แต่ครั้งเดียว มีแต่การแถลงว่าลุงมีอาการปอดอักเสบ มีคำสั่งให้หมอด้านสมองดูแลลุงอย่างใกล้ชิด ห้ามไปทำงานที่อื่น

แบบที่หนึ่ง อยู่โรงพยาบาลไปเรื่อยๆ กินข้าวได้ ไม่มีไข้ นอนหลับได้ดี เหมือนพระสังฆราชที่ตอนนี้อายุ 96 ปีแล้ว อยู่โรงหมอจุฬามาไม่รู้กี่ปีแล้ว กินข้าวได้ ไม่มีไข้ นอนหลับดี มีโอกาสเป็นไปได้ 65 เปอร์เซนต์
แบบที่สอง เสียชีวิต มีความเป็นไปได้ 25 เปอร์เซนต์
แบบที่สาม กลับบ้านโดยหายดี มีความเป็นไปได้ 10 เปอร์เซนต์

พอกินทางปากไม่ได้ เพราะกินแล้วกลัวว่าลุงจะสำลักอีก หมอจึงให้อาหารทางสายน้ำเกลือ แต่พอเริ่มกินทางปาก บางวันก็สำลักเพราะอาหารลงปอดทำให้กลับมามีไข้อีก ตอนนี้ต้องทำกายภาพเพราะกลัวว่าแขนขาจะลีบ
หมอบอกว่าต่อไปอาการทางสมองน่าจะหนักขึ้น เช่นช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ความจำเลอะเลือน สุดท้ายก็จะตายอย่างทรมาน แต่ถ้ามีครอบครัวที่อบอุ่น ก็คงจะช่วยให้อะไรๆดีขึ้นบ้าง
ต่อไปก็คงจะมีแต่ข่าวว่า กินได้ดี นอนหลับ ไม่มีไข้ ทำกายภาพ ปอดไม่อักเสบแล้ว ก็จะวนไปวนมาแบบนี้ตลอด แต่สิ่งสำคัญคืออาการทางสมอง เช่น ความจำ สติสัมปชัญญะ การรับรู้ ว่าต่อไปลุงจะบริหารงานเองได้หรือไม่
13 ตุลาคม 2552



แต่หญิงเล็กกลับออกมาแถลงข่าวว่า ลุงสมชายจะแข่งกินผัก แต่ลุงกินไม่ได้เพราะสำลักลงปอด กลายเป็นปอดบวมเนื่องจากสมองและประสาทมีปัญหา หมอต้องให้อาหารทางเส้นเลือดเกือบทั้งหมด หญิงเล็กพูดแต่เรื่องของอาการที่ปอด ทั้งๆที่เอกซเรย์สมองไปไม่รู่กี่ครั้ง กลับไม่แถลงเรื่องอาการทางสมอง
เมื่อก่อนหมอเคยให้อาหารทางสายยางผ่านทางรูจมูก แต่ลุงคงเจ็บและอึดอัด หมอก็เลยเปลี่ยนมาให้ทางเส้นเลือดอีกครั้งหนึ่ง ช่วงนี้ลุงไม่ค่อยมีแรง เดินเองไม่ได้ แทบจะนอนเตียงตลอดเวลา มีไข้ต่ำๆ พอมาเป็นโรคพาร์กินสันอีก ทำให้อาการสั่นรุนแรงมากขึ้น ยิ่งทำกายภาพยากขึ้นไปอีก หน้าจะแข็งๆ ไม่ค่อยมีสีหน้า




30 พฤศจิกายน 2552


วันเกิดปีที่ 82
ลุงยังใหญ่ได้อีกนาน
8 ธันวาคม 2552



งานฉลองวันเกิดลุง 5 ธันวา 2552 ถ้าสังเกตเปลือกตาข้างขวาของรัศมีจันทร์ จะมีรอยบวมช้ำ จากการที่รัศมีจันทร์โดนเสี่ยสั่งสอน เพราะตามไปด่าเมียน้อยเสี่ยอูถึงบ้าน
15 ธันวาคม 2552


22 ธันวาคม 2552






บั้นปลายชีวิตของลุงสมชายผู้ยิ่งใหญ่ แต่กลับไม่มีความสงบราบรื่นเท่าที่ควร เพราะเลี้ยงลูกไม่ได้ดังใจ ทั้งที่ลูกๆก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว คนโตก็ยังอยากเป็นนางเอกหนังตอนแก่ ลูกชายคนเดียวก็ยังทำตัวให้น่าเป็นห่วง ส่วนหญิงกลางแม้จะวางตัวดีกว่าพี่น้อง แต่ในครอบครัวก็มองว่าเธอทำตัวติดดินมากเกินไป ไม่มีสง่าราศรีสมฐานะเท่าที่ควรเหมือนคนอื่นๆในตระกูล
อาการเส้นเลือดอุดตันบวกกับพาร์กินสันของลุงทรุดลงไปมากและไม่อาจกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมอีก ถ้าเป็นชาวบ้านทั่วไปน่าจะอยู่ได้ไม่เกิน 2 ปี เพราะโรคพาร์กินสันรุกหนักมาก เห็นชัดจากภาพในจอทีวี แต่ลุงมีทีมหมอมือหนึ่งคอยเฝ้าดูแลตลอดเวลา จึงน่าจะอยู่ได้ต่อไปได้เรื่อยๆอีกนาน

-อาการสั่น มักเกิดขณะอยู่เฉยๆ คือ สั่นมากเวลาอยู่นิ่งๆ แต่ถ้าเคลื่อนไหวหรือยื่นมือทำอะไร อาการสั่นจะลดลงหรือหายไป มักเกิดขึ้นที่มือข้างใดข้างหนึ่ง มือจะสั่นเวลาเดิน
-อาการเกร็ง มักมีอาการแข็งตึงของแขนขาและลำตัว เคลื่อนไหวลำบาก ปวดตามกล้ามเนื้อ
-อาการเคลื่อนไหวช้า ทำอะไรช้าลงไปจากเดิมมาก เดินช้าและงุ่มง่าม แบบสโลว์โมชั่น สังเกตได้ว่าแขนไม่แกว่ง แขนขาไม่มีแรง และมีความผิดปกติของการทรงตัว เช่น หลังค่อม แขนงอ หกล้มง่าย นั่งตัวเอียง

ขณะนี้ยังไม่มีวิธีการรักษาให้โรคพาร์กินสันหายขาดได้ อาการจะเป็นในระยะสุดท้าย ผู้ป่วยโดยทั่วไปมักจะเสียชิวิตภายในระยะ 2-3 ปี
นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ลุงต้องนั่งตัวเอียง และหน้าบึ้งตึงยิ้มไม่ออก เรื่องการออกงานโชว์ตัวของลุงคงไม่มีปัญหา เพียงแค่ต้องฉีดยากระตุ้นก่อนออกงานทุกครั้ง


14 กุมภาพันธ์ 2553




วันทำบุญล้างบาป
ที่ประหารคนเพื่อหนีความผิด


ทีมงานของลุงต้องการให้ราษฎรลืมเรื่องราวในเช้าวันที่รัชกาลที่ 8 โดนยิงสวรรคต โดยไม่มีการจัดงานรำลึกใดๆ ในขณะที่พี่สาวของลุงซึ่งไม่ได้มีบทบาทหรือความสำคัญอะไรแต่พอเสียชีวิตกลับมีการจัดงานใหญ่โต ฉายหนังเล่นดนตรีเพื่อให้รำลึกถึงอยู่หลายเดือน แต่พี่ชายที่สำคัญกว่ามากกลับเงียบเฉย เพราะกลัวว่าถ้าโฆษณาเรื่องรัชกาลที่ 8 มากๆ ราษฎรจะเกิดคำถามว่า เขาเป็นใคร เป็นอะไรตาย แล้วใครฆ่าเขา อ้าวลุงยังมีพี่ชายอีกคนหนึ่งด้วยหรือ

ลุงไม่เคยไปเหยียบที่เกิดเหตุอีกเลย แต่ที่นั่นก็ยังเปิดใช้เป็นที่รับรอง ส่วนชั้นสองซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุถูกปิดตาย โดยลุงสั่งให้รื้อทำใหม่หมดทั้งห้องที่เกิดเหตุ ไม่ให้เหลือเค้าเดิม ทาสีใหม่ ทุบห้องเป็นห้องเดียว ใครอยากจะไปดูเพื่อศึกษาหาหลักฐานคงหมดสิทธิ์




ซึ่งเป็นเรื่องไม่มีมูลความจริง เพราะฎีกาขออภัยโทษของจำเลยทั้งสาม ได้ส่งผ่านจากคณะรัฐมนตรีไปถึงราชเลขาธิการ ซึ่งยืนยันว่าได้ส่งไปให้ลุงสมชายแล้ว และลุงสมชายได้ตอบปฏิเสธ โดยไม่ยอมยกโทษให้ หนังสือพิมพ์สมัยนั้น รวมทั้ง สยามรัฐ ก็ได้รายงานข่าวอย่างแพร่หลาย



เพชรฆาตยิงนายบุศย์เสร็จ 1 ชุดแล้ว ตรวจพบว่านายบุศย์ยังมีลมหายใจ จึงยิงซ้ำอีก 2 ชุด โดยยิงรัว 1 ชุด แล้วตามด้วยการยิงทีละนัดจนหมดอีก 1 ชุด...ผลการยิงถึง 30 นัดนี้ทำให้เมื่อญาติทำศพ พบว่านายบุศย์เหลือเพียงร่างที่แหลกเหลว และมือขาดหายไป . . .



มีอยู่ครั้งหนึ่งที่นายปรีดี ต้องการกลับเมืองไทย มีนายส.ศิวรักษ์คอยทำเรื่องให้ ทีแรกลุงปฏิเสธไป แต่นายปรีดีมีคนรักคนชอบมาก ภายหลังลุงเลยต้องทำเป็นอนุญาต แต่มีข้อแม้ว่า ถ้ากลับมาต้องห้ามพูดเรื่องเช้าวันนั้น และ ต้องกลับมาเป็นฝุ่นใต้เท้าของลุง พร้อมทั้งต้องทำพิธีขอโทษรัชกาลที่ 7 อย่างเป็นทางการ แต่นายปรีดีรับไม่ได้ ตอนหลังนายปรีดีจึงได้กลับมาเมืองไทยแต่เพียงร่างที่ไร้วิญญาณ ..
สร้างเขื่อน เพื่อขายปูน รึเปล่า






แม่ผัวลูกเจ๊ก
กับลูกสะใภ้ผู้ดี


เล่ากันว่าลุงสมชายมีเรื่องที่เสียใจมากที่สุดอยู่ 3 เรื่อง คือ


2. ตอนที่ลุงเมาแล้วขับรถ พี่สาวลุงโกรธนายอร่ามสามีคนแรกของเธอที่ไปร่วมซิ่งรถกับลุง ทำให้ลุงบาดเจ็บสาหัสเสียตาข้างขวา และกัญญาก็แยกทางไปอยู่กับสามีฝรั่งและต่อมาลุงก็สนับสนุนให้พี่สาวได้แต่งงานเจ้าวรานนท์ธวัชผู้มีชาติตระกูลสูง และมีฐานะดีคนหนึ่งซึ่งต่อมาก็ต้องแยกทางกัน

05 มีนาคม 2553





ส่วนเรื่องที่ว่า ลุงต้องการให้เสี่ยอูเรียกนายอ้วนลูกชายคนโตของสุทธิดาให้กลับมา และให้เสี่ยช่วยดูแลลูกชายทั้งสี่คนของสุทธิดาก็คงไม่จริง เพราะเสี่ยเคยบอกกับคนสนิทว่าลุงเป็นคนสั่งให้เล่นงานสุทธิดาและครอบครัวและห้ามผู้ใดยื่นมือช่วยเหลือโดยเด็ดขาด

16 มีนาคม 2553


ปังปอนก็มีมูลนิธิโรคเด็กชัก และโรคเด็กพัฒนาการผิดปกติ

8 พฤษภาคม 2553

ขณะที่เสี่ยก็ต้องมางานทุกปี ลุงเคยสัญญากับเสี่ยว่าจะมอบคฑาทองคำให้เสี่ย เมื่อลุงครบแซยิดวันเกิดปีที่หกสิบ แต่ลุงก็ไม่ยอมยกตำแหน่งให้เสี่ยจนเวลาล่วงเลยมากว่ายี่สิบปีแล้ว



มันเป็นช่วงเวลาที่ขมขื่นอย่างแสนสาหัส ที่ต้องหลบอยู่ต่างแดนในฐานะผู้ต้องสงสัย ลุงไม่เคยมีความสุขเลยตลอดเวลาที่ต้องอยู่ต่างเมือง บางแห่งไม่ยอมให้ลุงเข้าเมืองเพราะเขาหาว่า ลุงเป็นคนยิงพี่ชาย

ถ้าไม่ผลิกโผเดิม ก็คงจะเป็นเสี่ยอูที่เป็นทายาทตามกฎหมาย แต่มาระยะหลังๆ ลุงเริ่มป่วยทางสมอง ความคิดหลายเรื่องของลุงเริ่มเปลี่ยนไป ลุงอาจจะจัดโผเสียใหม่ อาจจะไม่เอาเสี่ยอีกต่อไปแล้วเพราะมือไม่ถึง โดยลุงคงต้องอยู่เป็นเสาหลักต่อไปเรื่อยๆแบบไม่มีกำหนด เพื่อซื้อเวลาต่อไปเรื่อยๆ เหมือนเดิม

6 มิถุนายน 2553









..................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น