ฟังเสียงพร้อมเพลงประกอบ : http://www.4shared.com/mp3/dIBo63-C/Medley_Royal_Legend_0901__.html
หรือที่ : http://www.mediafire.com/?527n53xttivsy6n







เจ้าพระยาพลเทพ ( บุนนาค บ้านแม่ลา )ทั้งๆที่นายบุนนาคเคยเป็นคนวางแผนก่อการกบฏ โค่นล้มพระเจ้าตาก เพื่อให้พระยาจักรีได้เป็นกษัตรย์ พระยาเพ็ชรปาณี (กล่อม) พระยาราม (ทอง) พระอินทรเดช (กระต่าย) รวมผู้ต้องหาในคดีนี้ 40 คน กับพระราชวงศ์อีก 3 พระองค์ เจ้าฟ้าเหม็น เจ้าจอมมารดาสำลี พระองค์เจ้าชายอรนิภา หรือนายหนูดำ โดยถูกสั่งประหารทั้งหมด ใช้เวลาสอบสวนทั้งสิ้น 4 วัน




กรณีพระเจ้าตากสิน
ถูกสั่งประหารคาผ้าเหลือง

ชนวนมาจากความวุ่นวายทางการเมืองในเวียตนาม ที่องค์เชียงชุนและองค์เชียงสือพ่ายหนีพวกกบฏไตเซิน(หรือราชวงศ์เล้)ต้องถอยร่นลงมาทางใต้ หวังจะได้กำลังจากเขมร จึงเข้าไปคุมการเมืองในเขมร ซึ่งเป็นประเทศราชของไทย

ทางด้านกรุงธนบุรี มีผู้ปลุกปั่นยุยง และชักชวนทำการกบฏ รวบรวมคนตั้งเป็นกองรบเข้าทำร้ายผู้รักษากรุงเก่า แล้วเดินทางมายังกรุงธนบุรี ยิงเข้าพระนครโดยมีพวกกบฏในกรุงธนบุรี ก่อการจลาจลรับกับพวกกบฏที่ยกมาจากกรุงเก่า



สมเด็จพระเจ้าตากสินถูกปลงพระชนม์ในวันนั้น ณ พระวิหารที่ประทับในวัดแจ้ง (วัดอรุณราชวราราม) หลังจากทรงผนวช 28 วัน โหรจดไว้ว่าดับขันธ์ เพื่อยืนยันว่าพระเจ้าตากสินถูกปลงพระชนม์ขณะที่ทรงเพศเป็นพระภิกษุ เมื่อมีพระชนม์ 48 พรรษา




และไทยต้องช่วยองค์เชียงสือรบกับพวกราชวงศ์เล้ หรือกบฎไตเซิน 2 ครั้ง ต้องช่วยอาวุธยุทธภัณฑ์อีกนับไม่ถ้วน ตามข้อตกลงลับที่ได้ช่วยกันล้มราชบัลลังก์ของพระเจ้าตากสิน และไทยก็ต้องเสียเมืองพุทไธมาศแก่ญวนเมื่อญวนตั้งราชวงศ์องเชียงสือสำเร็จ
พระยาจักรีผู้สถาปนาราชวงศ์
ด้วยชีวิตของกษัตริย์ผู้กู้ชาติ






รัชกาลที่ 2 ขึ้นครองราชย์และทรงแต่งตั้งเจ้าฟ้าบุญรอดเป็นพระมเหสี ต่อมาโปรดให้เจ้าฟ้ากุณฑล น้องสาวคนละแม่ของตน อายุ 18 - 19 ปี ขึ้นเป็นมเหสีข้างซ้าย อายุอ่อนกว่าเจ้าฟ้าบุญรอดถึง 30 ปี เจ้าฟ้าบุญรอดทนไม่ได้ จึงหนีออกจากวังหลวงไปอยู่ที่พระราชวังเดิมธนบุรีไม่ยอมเข้าเฝ้ารัชกาลที่ 2 อีกเลย
กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์
ผู้ถูกกล่าวหาว่าฆ่าพระราชบิดา


เจ้าฟ้ามงกุฎ
อดีตสมภารผู้มากภรรยา






ส่วนเจ้าจอมที่มีอายุมากก็ถูกมองเป็นของเก่าแก่ ถูกทอดทิ้งให้อยู่ตามลำพัง เช่น เจ้าจอมมารดาน้อยที่อยู่กินกับรัชกาลที่ 4 ตั้งแต่ขณะที่มิได้บวชเป็นพระ ไปทำให้รัชกาลที่ 4 โกรธให้จับเอาตัวไปขังไว้ในวังหลวง ต้องติดคุกสนมจนตาย โดยไม่คิดถึงคุณงามความดีแต่ก่อนเลย





เมื่อรัชกาลที่ 5 มีพระชนมพรรษาใกล้ 20 พรรษา ในขณะที่ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินใกล้ที่จะหมดวาระ พระองค์จึงพยายามรวมศูนย์ ดึงเอาอำนาจในการเก็บภาษีอากร มาไว้ที่หอรัษฎากรพิพัฒน์ ซึ่งพระองค์ทรงควบคุม ทรงสร้างทางรถไฟ เพื่อส่งกองทัพไปควบคุมขุนนางตามหัวเมืองทำให้มีภาษีอากรหลั่งไหลเข้าท้องพระคลังมากกว่าเดิม



พระมเหสีใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย สะสมเครื่องเพชร จับจ่ายซื้อหาอัญมณีชั้นยอดมากกว่าพระราชินีและกษัตริย์ทุกพระองค์ในย่านเอเซีย
รัชกาลที่ 5
มีพระมเหสี 9 พระองค์

1.สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์
(หรือพระนางเรือล่ม ) สวรรคตพร้อมพระธิดาเล็ก และพระโอรสในพระครรภ์ เป็นพระมเหสีองค์แรก

2. สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา บรมราชเทวี หรือสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี (สมเด็จย่าของในหลวงรัชกาลที่ 8 และ 9)เป็นน้องสาวคนกลาง

3. สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี บรมราชินีนาถ หรือสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ (พระราชชนนีในรัชกาลที่ 6 และ 7) เป็นน้องสาวคนเล็ก ทั้งสามคนมีพ่อคือรัชกาลที่ 4 และมีแม่คือเจ้าจอมมารดาเปี่ยม

4. สมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี (ต้นสกุล บริพัตร)

5.พระองค์เจ้าทักษิณชา นราธิราชบุตรี พระธิดารัชกาลที่ 4 กับเจ้าจอมมารดาจันทร์

6.พระอัครชายาเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคนารีรัตน์

7.พระอัครชายาเธอ พระองค์เจ้าอุบลรัตน์นารีนาค กรมขุนอัคราชกัลยา

8.พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมขุนสุทธาสินีนาฏ เป็นหลานรัชกาลที่ 3

9.พระราชชายา เจ้าดารารัศมี ( รับการสถาปนาก่อนเสด็จกลับเชียงใหม่ หลังจากที่ล้านนารวมเข้ากับสยามประเทศ )



23 ตุลาคม 2453 รัชกาลที่ 5 สวรรคต
เจ้าฟ้าวชิราวุธได้ครองราชย์


ส่วนหนึ่งเกิดจากการซื้อเพชรพลอย แจกข้าราชบริพารคนโปรด ทรงสั่งกระทรวงพระคลังมหาสมบัติจ่ายเงินแผ่นดินใช้หนี้ของพระองค์เพิ่มอีก 3 ล้านบาท มหาดเล็กคนโปรด คือ เจ้าพระยารามราฆพ (มล.เฟื้อ พึ่งบุญ) ผู้สำเร็จราชการกรมมหาดเล็ก และสมุหราชองครักษ์











พรบ.ธรรมนูญการปกครอง 2475 ได้บัญญัติว่า“ อำนาจสูงสุดเป็นของราษฎร” ผู้ที่ใช้อำนาจแทนราษฎรประกอบด้วย กษัตริย์ สภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมการราษฎร และศาลโดยเท่าเทียมกัน คณะกรรมการราษฎรเป็นผู้แต่งตั้งและกำกับการทำงานของนายกรัฐมนตรีเเละคณะรัฐมนตรี กษัตริย์ไม่สามารถสั่งการใดๆ ได้หากไม่มีการลงนามสนองจากคณะกรรมการราษฎร แม้ว่าจะไม่มีใครสามารถฟ้องร้องกษัตริย์ในศาลได้ แต่สภาสามารถไต่สวนและถอดถอนกษัตริย์ได้ และสภาเป็นผู้ให้ความเห็นชอบต่อการสืบราชสมบัติ

วันที่ 12 ตุลาคม 2476 พระองค์เจ้าบวรเดช ได้นำนายทหารฝ่ายนิยมเจ้าทำการรัฐประหารในนามของวัง หรือคณะกู้บ้านเมือง โดยเข้ามาทางดอนเมือง จอมพลป.พิบูลสงครามบัญชาการปราบกบฏ จนได้รับชัยชนะ และพระองค์เจ้าบวรเดชก็หนีออกนอกประเทศ

รัฐบาลไม่กลัวคำขู่ของรัชกาลที่ 7 จึงตอบปฏิเสธ ในต้นเดือนมีนาคม 2478 รัชกาลที่เจ็ดจึงต้องสละราชสมบัติ และทรงพำนักอยู่ในยุโรปตลอดพระชนม์ชีพ




รัชกาล ที่ 7 ได้นำทรัพย์สิน ออกไปเป็นจำนวนมาก ทั้งเงินสดและอัญมณีที่สะสมกันมาหลายรัชกาล เมื่อพระองค์ปฏิเสธข้อเรียกร้องให้คืนทรัพย์สินทั้งหมด รัฐบาลจึงยึดทรัพย์สินส่วนใหญ่ของราชวงศ์ที่ยังเหลืออยู่ในกรุงเทพฯ


ในปี 2482 รัฐบาลจอมพลป.ได้ประกาศให้ 24 มิถุนายน เป็นวันชาติ โดยมีการเฉลิมฉลองใหญ่โตเพื่อแสดงชัยชนะเหนือราชวงศ์จักรี เริ่มนโยบายรัฐนิยม เปลี่ยนชื่อประเทศจากสยามเป็นไทยแลนด์ ให้ประชาชนแสดงความเคารพต่อเพลงชาติและธงชาติ แต่ไม่ใช่ต่อกษัตริย์และยกเลิกบรรดาศักดิ์ต่างๆ เช่น ขุน หลวง พระยา เจ้าพระยา




สมเด็จพระราชชนนียืนยันให้ทั้งสองพระองค์ได้จบการศึกษามหาวิทยาลัยที่โลซานน์ พระราชวงศ์จึงมีกำหนดเสด็จกลับสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 13 มิถุนายน 2489

ในคืนวันที่ 7 มิถุนายน ในหลวงอานันท์ได้โปรดเกล้าฯให้นายปรีดีเข้าเฝ้า เพื่อปรึกษาถึงการแต่งตั้งคณะผู้สำเร็จราชการฯ




2. คำให้การ มีพิรุธมาก คือ

-พระพี่เลี้ยงเนื่อง จินตดุลย์ (2428-2517) นักเรียนพยาบาลรุ่นเดียวกับพระชนนี (ต่อมาได้เป็นท้าวอินทรสุริยา) ให้การว่า ตนอยู่ในห้องพระอนุชา 20 นาที กำลังเข้าไปเก็บพระที่ (ที่นอน)ในห้องบรรทมของสมเด็จพระอนุชาธิราชภูมิพลก่อนมีเสียงปืน และไม่พบพระอนุชาภูมิพลในห้องนั้นเลย

- นายเวศน์ สุนทรวัฒน์ มหาดเล็กหน้าห้องพระอนุชา ให้การว่า แม้ห้องนอนของพระอนุชาภูมิพล มีประตูติดกับห้องเครื่องเล่น แต่ประตูนี้ปิดตายตลอดเวลา ถ้าพระอนุชาภูมิพล ต้องการจะเข้าห้องเครื่องเล่น จะต้องเข้าทางประตูด้านหน้าของห้องเครื่องเล่นเท่านั้น มิใช่เข้าทางประตูด้านหลังซึ่งติดต่อกับห้องของพระอนุชาภูมิพล


คำให้การของนายฉลาด เทียมงามสัจ ที่เฝ้าเครื่องเสวยอยู่มุขหน้า ว่าไม่เห็นผู้ร้ายวิ่งออกจากห้องบรรทมเป็นการโกหกชัดๆ เพราะเมื่อปลงพระชนม์แล้ว ผู้ร้ายจะต้องวิ่งหนีออกจากห้องพระบรรทม นายฉลาดยอมรับในศาลว่า ตั้งแต่ถูกเรียกตัวไปสอบสวนก็ได้เบี้ยเลี้ยงจากสันติบาลวันละ 3 บาท หลังจากที่ถูกปลดจากสำนักราชวัง ก็ยังได้รับการบรรจุเข้าทำงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยความสนับสนุนของพนักงานสอบสวน



4.เมื่อหลักฐานพยานแวดล้อมผูกมัดตัวผู้ต้องสงสัย ศาลควรต้องสอบสวนอย่างจริงจังโดยไม่มีการยกเว้น แต่มีอำนาจมืดจากการรัฐประหารที่ปกป้องพวกเดียวกัน และโยนบาปไปให้พวกของนายปรีดี เช่น

เมื่อรัฐบาลพลเรือนจะชันสูตรพระศพกลับถูกคัดค้านจากพระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์และพระชนนี แม้แต่ศาลฎีกา ก็พยายามช่วยเหลือผู้ต้องสงสัยตัวจริง และโยนความผิดให้ผู้อื่น เช่น






ส่วนคุณชิต-คุณบุศย์นั่งอยู่หน้าประตูทางเข้าห้องพระบรรทม ถ้ามีผู้เข้าไปปลงพระชนม์ก็จะต้องเห็นอย่างแน่นอนคุณฟัก ณ สงขลา ทนายความของสามจำเลย เคยสอบถามคุณชิต-คุณบุศย์ว่า ใครเข้าไปปลงพระชนม์ในหลวง คุณชิต-คุณบุศย์ ไม่ยอมพูด











ศาลชั้นต้นตัดสินครั้งแรกในวันที่ 27 กันยายน 2494 โดยยกฟ้องนายเฉลียว ปทุมรสราชเลขาธิการและนายบุศย์ ปัทมศรินทร์มหาดเล็ก ทำให้รัฐบาลและฝ่ายเจ้าต่างไม่พอใจ รัฐบาลจึงสั่งให้มีการไต่สวนใหม่




โดยพระเจ้าอยู่หัวไม่ยอมรับฎีกาขออภัยโทษ ที่จอมพลป. ได้กราบบังคมทูลขอไปถึงสามครั้งตลอดระยะเวลาสี่เดือน พอวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2498 พล.ต.อ.เผ่าก็จัดการประหารชีวิตทั้งสามคนอย่างเงียบๆ ด้วยการยิงเป้า สรุปได้ว่า การสิ้นพระชนม์ของในหลวงอานันท์ ได้ทำให้สถาบันกษัตริย์กลับฟื้นคืนชีพและมีความสำคัญมากกว่าเดิม




พวกเจ้าพากันโจมตีว่า จอมพลป.กำลังช่วงชิงราชบัลลังก์ พรรคการเมืองฝั่งจอมพลสฤษดิ์ได้ร่วมเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยกล่าวหาจอมพลป. ว่าสนับสนุนการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หนังสือพิมพ์ที่พล.ต.อ.เผ่าควบคุมอยู่ก็ได้ทำการโจมตีเจ้าอย่างตรงๆ ฝ่ายเจ้าก็ปล่อยข่าวว่า พล.ต.อ.เผ่ากำลังวางแผนจับพระเจ้าอยู่หัว













ดร. ศักดิ์ ผาสุขนิรันดร์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงได้สั่งลบชื่อ นักศึกษาจำนวนเก้าคนออก ที่ทำให้นักศึกษามหาวิทยาลัย รามคำแหงรวมตัวประท้วงคำสั่งของ ดร. ศักดิ์ ต่อมาได้มีการเรียกร้อง ให้รัฐบาลคืนอำนาจการปกครองแก่ประชาชน และประกาศใช้รัฐธรรมนูญภายในหกเดือน

บ่ายวันนั้น ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จอมพลถนอมและจอมพลประภาสเข้าเฝ้า และพวกเขารับปากว่าจะร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หลังจากนั้นก็ได้ทรงโปรดเกล้าฯให้ตัวแทนนักศึกษาทั้ง 13 คนเข้าเฝ้าในพระตำหนักจิตรดารโหฐาน นักศึกษาก็กลับออกมารายงานว่า คณะทหารยินยอมที่จะให้มีรัฐธรรมนูญภายใน 12 เดือน


















วันที่ 23 กันยายน 2519 ม.ร.ว.เสนีย์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะคาดไม่ถึงว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงออกศึกท้าชนตรงๆ แต่สภาปฏิเสธการลาออก นายกเสนีย์ จึงต้องกลับมาปรับคณะรัฐมนตรี มีการเสนอให้ปรับพรรคชาติไทยออกและนำพรรคกิจสังคมของมรว.คึกฤทธิ์เข้ามาแทน แต่พระเจ้าอยู่หัวทรงห้ามไม่ให้เอาพรรคชาติไทยออก







เหตุการณ์ 6 ตุลาคมเป็นรูปแบบปกติของการทำรัฐประหาร คือสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรง แล้วก็ให้กองทัพเคลื่อนกำลังเข้ามายึดอำนาจ โดยการอ้างว่าต้องเข้ามาแก้ไขให้เกิดความสงบ การสังหารหมู่ 6 ตุลาทำให้กองทัพมีข้ออ้างในการยึดอำนาจ โดยที่พระเจ้าอยู่หัวได้ทรงทำการปลุกปั่นยุยงมาตลอด รวมทั้งได้ทรงแทรกแซงขัดขวางรัฐบาล





ต่อมาพลโท สำราญ แพทยกุล ผู้นำกลุ่มนวพลเข้าเข่นฆ่ากวาดล้างนักศึกษาในธรรมศาสตร์ ได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯให้เป็นองคมนตรี

ตำรวจ สมาชิกกลุ่มกระทิงแดง ลูกเสือชาวบ้าน และนวพล ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติการฆ่าโหดนักศึกษาได้รับกระเช้าเยี่ยมพระราชทาน

แกนนำนักศึกษาที่รอดตายจากการโดนล้อมฆ่า ต้องโดนจำคุกเป็นเวลาสามปี
อนุสาวรีย์เหตุการณ์เดือนตุลาฯ ใช้เวลาเกือบ 30 ปี จึงต่อรองขอเช่าที่ดินบริเวณของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้สำเร็จ


..................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น