หรือ : http://www.mediafire.com/?fedbtmjlob5wz35
112 สยองพระเกียรติ
ตอนที่ 6:ไม่แก้ไขบรรลัยแน่
-ทัศนะในวัยหนุ่มของสุขุมพันธุ์ บริพัตร
ว่าด้วยมาตรา 112

ผมเห็นว่าควรจะมองกษัตริย์ในฐานะที่เป็นคนธรรมดา และคนที่จะสนับสนุนความคิดนี้เป็นคนแรกก็คือพระเจ้าอยู่หัวและ พระราชินี แต่คนบางคนต้องการจะเทิดทูนสถาบันขึ้นไปให้เหนือฟ้า ถ้าได้คุยกับพระเทพ หรือพระราชวงศ์ผู้ใหญ่อื่นๆ จะเห็นว่าท่านก็เหมือนคนธรรมดา คนข้างนอกเท่านั้นที่ทำให้ท่านเหมือนลอยล้ำฟ้าไป ความดีความประเสริฐของพระเจ้าอยู่หัวองค์นี้ก็สืบ เนื่องมาจากท่านทำตัวเป็นคนธรรมดา และนี่เป็นสิ่งที่ประทับใจราษฎรอย่างมาก นับว่าท่านได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
ฉะนั้นสิ่งที่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันนี้ควรจะกระทำก็ คือเพิ่มความเป็นมนุษย์ของพระเจ้าอยู่หัว, พระราชินีและพระราชวงศ์ต่างๆ เพราะไม่ว่าสถาบันใด ถ้าห่างเหินกับความเป็นจริงมากเกินไป ถ้ามีช่องว่างระหว่างสถาบันกับความเป็นจริงทางสังคม สถาบันนั้นๆ จะอยู่ไม่ได้
สำหรับคนที่จะต้องการสร้างคะแนนทางการเมืองโดยพยายามแสดงความจงรักภักดี เพื่อใช้สถาบันเพื่อประโยชน์ของตนก็มี สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันที่เกี่ยวกับมนุษย์ ความเป็นมนุษย์และสังคมมนุษย์ และผมคิดว่า การติหรือวิจารณ์เพื่อสร้างสรรค์นั้นเป็นสิ่งที่ควรจะมีและควรจะกระทำ

ถ้ามองกลับไปตั้งแต่สมัยสุโขทัยราษฎรมีสิทธิถวายฎีกาต่อพ่อขุนฯ เขามีสิทธิร้องทุกข์ว่าอะไรเป็นธรรมอะไรไม่เป็นธรรมซึ่งส่วนหนึ่งก็หมายถึง ว่าเป็นการติติงการปกครองโดยสถาบันกษัตริย์

ในหลักการนั้น การติเพื่อก่อไม่ผิดแม้ว่าในประวัติศาสตร์หรือในปัจจุบัน และผู้ที่สนับสนุนสถาบันในประเทศซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ที่รักสถาบันที่เทิดทูนสถาบัน ไม่ควรจะมีความอ่อนไหวมากนักเกี่ยวกับข้อติวิจารณ์ที่มาจากคนส่วนน้อย คนเหล่านี้ควรจะเข้าใจว่า สถาบันกษัตริย์มีบทบาทมีสถานะที่ลึกซึ้งมากในประวัติศาสตร์ไทย ในโลกทัศน์ของคนไทย ในวัฒนธรรมการเมืองของคนไทย ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับเรื่องอำนาจเลย ถึงแม้ว่าระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ได้หมดไปแล้ว เมื่อ 2475 ในยุคที่เรียกประชาธิปไตยนี้ ความสำคัญของสถาบันนี้ก็ยังคงมีอยู่ มันไม่เกี่ยวกับเรื่องการมีอำนาจหรือไม่มีอำนาจ

อังกฤษมีสถาบันกษัตริย์ที่อยู่เหนือการเมืองจริงๆ มีหน้าที่เพียงทางพิธีการ นอกจากจะมีวิกฤตการณ์อันใดเกิดขึ้น ถ้าดูในอเมริกาสมัยวอเตอร์เกต ที่ผู้นำรัฐบาลกับผู้นำประเทศเป็นคนๆ เดียวกัน เมื่อผู้นำรัฐบาลทำเสีย เกียรติภูมิของผู้นำประเทศก็เลยเสียไปด้วย ทำให้เกียรติภูมิของประธานาธิบดีลดไปด้วย แต่อังกฤษที่มีกษัตริย์เป็นประมุข รัฐบาลเป็นอย่างไรก็ไม่เป็นไร เพราะผู้นำประเทศคือกษัตริย์ก็ยังอยู่ เพราะไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ได้ทำผิด เป็นสถาบันที่อยู่นอกเหนือการเมืองจริงๆ นี่เป็นความคิดที่เราพยายามนำมาประยุกต์ใช้ในเมืองไทย แต่ว่าก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ เพราะว่าคนหลายกลุ่มพยายามใช้สถาบันกษัตริย์ให้เป็นประโยชน์แก่ตนเอง การศึกษาประวัติศาสตร์ของอังกฤษเขาเป็นไปในทางวิชาการอย่างมาก กษัตริย์องค์ไหนไม่ดีก็บอกว่าไม่ดี กษัตริย์องค์ไหนดีก็บอกว่าดี คือว่ากันตามข้อเท็จจริง ราชินีอลิซาเบธทำอะไรไม่ชอบไม่ควร เจ้าฟ้าชายชาร์ล เจ้าชายแอนดรูร์หรือเจ้าหญิงแอนด์ซึ่งทำอะไรไม่ดี คนเขาก็ติติง ทำให้ พวกเจ้านายต้องระวังตัวมากขึ้น
เรื่องที่เกี่ยวกับการเมือง ผลประโยชน์แห่งชาติ หรือความมั่งคงของชาติ เป็นข้อที่วิจารณ์ได้และควรเป็นการติเพื่อก่อ ซึ่งจะทำให้สถาบันกษัตริย์มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้นในอนาคต
ไม่มีสถาบันไหน อยู่ได้โดยไม่มีการปรับตัวหรือยอมรับข้อมูลจากภายนอก มิเช่นนั้นก็จะเหี่ยวเฉาตายซากไปในที่สุด การลงโทษผู้ที่ดูหมิ่นสถาบันกษัตริย์ควรจะอยู่ในสถานเบา นอกจากจะพิสูจน์ได้ว่าเจตนาจะโค่นสถานบันสำคัญๆ ของชาติ คือเป็นกบฏ ควรให้โทษสถานเบาถ้าเขาผิดจริง หลังจากลงโทษแล้ว ก็อาจมีการนิรโทษกรรมได้
มีคนเล่าให้ฟังไม่ทราบเป็นจริงแค่ไหน เมื่อ 20 ปีที่แล้วนี้ก็เคยมีตำรวจจะไปจับอาจารย์สุลักษณ์ แล้วผู้ห้ามปรามเอาไว้คือพระเจ้าอยู่หัว
เคยตรัสว่าจับเขาไปทำไม ปล่อยให้เขาพูดไปเถอะ ในที่สุดคนก็ไม่ฟังเขาไปเอง อะไรทำนองนี้
ยิ่งจับเขายิ่งทำให้เขาเป็นวีรบุรุษไป เราควรจะยึดมั่นในดำรัสของท่าน การจับนี้ยิ่งทำให้อาจารย์สุลักษณ์เป็นวีรบุรุษและทำให้มีคนอยากอ่านลอกคราบสังคมไทยมากขึ้น
และถ้าคนที่ถูกจับเพราะหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแล้วออกมาเป็นวีรบุรุษ ผลก็จะตรงกันข้ามกับที่คนเทิดทูนสถาบันต้องการ

แต่เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจอย่างยิ่งคือ ทุกครั้งที่มีใครออกมาอธิบายเรื่องทำนองนี้ ก็คาดหมายได้ว่าจะมีกระบวนการปลุกปั่นอย่างไร้ยางอายและไร้เหตุผลว่าผู้ที่อธิบายนั้นกระทำการล้มเจ้าบ้าง เนรคุณบ้าง คิดโค่นสถาบันบ้าง สุดแท้แต่อกุศลจิตที่ท่านนั้นๆจะมีอยู่ในการสรรหาถ้อยคำมาลดความมีเหตุผลของมนุษย์ ซึ่งม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ แม้จะอยู่ในราชนิกุลก็คงจะประสบปัญหาเช่นกัน จึงได้กล่าวปิดท้ายการสัมภาษณ์ว่าตนมิได้คิดโค่นสถาบันแต่อย่างใด ด้วยข้อความที่ยึดยาวอย่างไม่ควรจะเป็น ดังนี้

เสนอแก้กฎหมายหมิ่น
ให้แย่ยิ่งกว่าเดิม
64 สนช.เสนอเพิ่มโทษ กม.หมิ่นฯ
และ 61 สนช.หนุน กม. ห้ามเสนอข่าวคดีหมิ่นฯ

มาตรา 112/1 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระราชโอรส พระราชธิดา ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 14/1 ระหว่างสอบสวน ไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณาคดีที่มีการกล่าวหาหรือฟ้องในความผิดต่อองค์มหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ หรือคู่ความอาจยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้สั่งห้ามมิให้โฆษณาข้อเท็จจริง พฤติการณ์ต่างๆ การวิพากษ์วิจารณ์ หรือความเห็นเกี่ยวกับคดีไม่ว่าสื่อประเภทใด
หากศาลพิจารณาคำร้องดังกล่าวแล้วเห็นว่ามีเหตุอันสมควรเพื่อการคุ้มครองปกป้อง สถาบันพระมหากษัตริย์ ให้ศาลสั่งอนุญาตตามคำร้องและอาจกำหนดเงื่อนไขหรือวิธีการใดๆ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามคำสั่งห้ามของศาลดังกล่าวได้

การฝ่าฝืนคำสั่งของศาลตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าเป็นการกระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ แพ่งอีกกรณีหนึ่งด้วย และให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 33 มาใช้บังคับโดยอนุโลม
คนพวกนี้เป็นเครื่องมือของเผด็จการล้าหลังนิยมกษัตริย์ที่ไม่เคยคิดปรับตัวให้เข้ากับการพัฒนาของโลก แต่กลับมีความคิดดักดานที่จะลากจูงสังคมไทยให้ถอยหลังจมปลักหนักยิ่งกว่าเดิม
เปิดข้อสอบ อ.ศิลปากร กรณีหมิ่นฯ

- ท่านคิดว่า รัฐชาติไทยควรกำหนดเอกลักษณ์แห่งชาติหรือไม่ เพราะเหตุใด และอย่างไร จงอภิปราย /ความเป็นชาติไทยมีหรือไม่ คืออะไร และควรมีเอกลักษณ์แห่งชาติหรือไม่
-ท่านคิดว่าการกระโดดตามรถไฟของกระแสโลกาภิวัตน์ให้ทันเป็นสิ่งที่จำเป็นและเป็นประโยชน์กับสังคมไทยหรือไม่ อย่างไร จงอภิปราย

-ท่านคิดว่าสังคมไทยควรทำอย่างไรจึงจักกำจัดวัฒนธรรมแบบอำนาจนิยมและศักดินานิยมให้หมดอิทธิพลลงไปได้ จงอภิปราย
-ท่านคิดว่าสังคมไทยมีปัญหาความอยุติธรรมทางสังคมอย่างไรบ้าง และท่านมีแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างไร จงอภิปราย
-ท่านมองบทบาทของกลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยในการต่อต้านระบอบทักษิณเช่นไร การเคลื่อนไหวทางสังคมในแนวทางเช่นนี้เหมาะสมหรือไม่ และเป็นประโยชน์กับสังคมไทยอย่างไร จงอภิปราย
-ท่านคิดว่ารัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขใหม่ควรเป็นเช่นไร เน้นหนักที่เรื่องใด เพราะเหตุใด จงอภิปราย

เจอเธอแล้ว ดา ตอร์ปิโด
หน้า 5 นิวยอร์กไทมส์

นักเคลื่อนไหวทางการเมืองถูกตัดสินจำคุก 18 ปีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ในข้อหาทำลาย ชื่อเสียงและเกียรติยศ ของกษัตริย์และราชินีไทย ซึ่งคดีนี้เป็นหนึ่งในอีกหลายคดีที่เกี่ยวกับการดูหมิ่นสถาบันกษัตริย์ ผู้พิพากษาทั้งสามคนกล่าวว่า ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล ผู้ซึ่งเป็นอดีตนักข่าว ได้กล่าวพาดพิงถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ให้การสนับสนุนการรัฐประหารเพื่อล้มอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ซึ่งดารณีกล่าวว่า เธอจะยื่นอุทธรณ์ ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่เข้มงวดมาเป็น เวลายาวนาน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีวิกฤติทางการเมืองในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผนวกกับความกังวลถึงพระพลานามัยของกษัตริย์ผู้ทรงเจริญพระชนมายุ 81 พรรษา กฎหมายนี้ก็ถูกนำมาบังคับใช้บ่อยจนเป็นเรื่องปกติ





ว่าด้วยคดีหมิ่นฯ ก่อนเดินทางไปอังกฤษ










กรณีที่เกิดขึ้นกับพันธมิตรฯ โดยเฉพาะงานพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค. 2551 สถาบันไปเข้าข้างฝ่ายใดก็เป็นการเกลือกกลั้ว การมีสถาบันพระมหากษัตริย์คือมีสถาบันซึ่งไม่อยู่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เป็นสถาบันทางจริยธรรม วัฒนธรรม สถาบันพระมหากษัตริย์ต้องมีความแนบเนียนที่จะรักษาไว้ คุณส.ก็คงรู้ว่าทั้งในหลวงและราชินีสนับสนุนพวกพันธมิตรมาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่เสื้อเหลืองที่เขียนว่าสู้เพื่อในหลวงและผ้าพันคอสีฟ้า เพราะวังต้องการล้มรัฐบาลทักษิณ ใครจะกล้าไปแอบอ้าง ถ้ามันไม่จริง...และถ้าไม่จริง ทำไมวังไม่ออกมาปฏิเสธ

มาตรา 112 คือ
อาวุธร้ายทางการเมือง


ทั้งนี้ไม่ได้บอกว่าสนธิ ลิ้มทองกุล หรือส. ศิวลักษณ์ สมควรโดนจับเข้าคุก หรือเป็นเหยื่อทางตรงต่อมาตรา 112 นี้อีก เพียงแต่จะเทียบเคียงให้เห็นภาพถึงภาวะอัตตวิสัยในการตัดสินคดีของโครงสร้างเผด็จการทางการศาล ที่เกิดขึ้นจากมาตรา 112 นี้ กรณีที่เพียงแค่ไม่ยืนในโรงหนัง และอีกหลายๆ กรณีที่ล้วนแต่ส่งสัญญาณไปในทิศทางเดียวกัน






การฟ้องร้องจากผู้ใดก็ได้ รวมเข้ากับระบบการตัดสินคดีอย่างอคติ ทำให้เป็นเรื่องที่ง่ายมากในการใช้มาตรา 112ให้เป็นประโยชน์ทางการเมือง ในระยะหลังจากการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ซึ่งมีการแบ่งฝากทางการเมืองอย่างชัดเจน เป็นฝ่ายเสื้อเหลือง และฝ่ายเสื้อแดงนั้นแทบทุกกรณีที่เป็นคดี112 มีแนวโน้มที่จำเลยฝ่ายเสื้อแดงหรือคนต่อต้านเสื้อเหลืองอย่างชัดเจนจะโดนตัดสินว่ามีความผิด ในขณะที่คดีที่ฝ่ายเสื้อเหลืองจะไม่มีความผิด มาตรา 112 คือเครื่องมือที่ฝ่ายเสื้อเหลืองและ อำมาตย์ซึ่งหมายรวมถึงตุลาการ และที่เหนือกว่านั้นขึ้นไปด้วย ใช้ในการข่มเหงทางการเมืองต่อฝ่ายเสื้อแดง โดยไม่ใช่การหมายหัวเพียงแค่เป็นรายบุคคลแต่เป็นการกล่าวหาต่อทั้งขบวนการเสื้อแดงทั้งขบวนการ รวมทั้งบุคคลที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับขบวนการเสื้อเหลือง หรือเสื้อแดง

ทำให้ทุกคนที่เป็นคนไทย หรือต่างชาติในไทย ตกเป็นเหยื่อความความรุนแรงของมาตรา 112 ที่ได้กลายเป็นเครื่องกักกันความคิด ที่ไม่อนุญาตให้มีการนำเสนอการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์อย่างตรงไปตรงมา
ระบบความรุนแรงของมาตรา 112 ก็คือระบบที่เครือข่ายสถาบันกษัตริย์สร้างขึ้นมา เพื่อเปิดประตูสู่การเข้าไปคลุกคลีในเวทีการเมืองของตนนั่นเอง




มาตรา 112 จึงก่อให้เกิดระบบความรุนแรงที่บังคับให้ทุกคนคิดได้ในทางเดียว และกำจัดความเห็นอีกทางหนึ่งด้วยทุกวิถีทาง ทำให้ประชาชนทุกคนที่เกิดบนแผ่นดินไทย กลายเป็นเหยื่อของวาทกรรม เป็นเหยื่อในระบบความรุนแรง ที่ใช้เป็นเครื่องมือทำลายฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างยิ่งบนดินแดนที่พยายามจะเรียกตัวเองว่าเป็นประชาธิปไตย

โดยสรุป มาตรา 112 และการนำมาใช้นั้น ได้ก่อระบบความรุนแรงทางโครงสร้างขึ้น ที่บังคับให้ทุกคนคิดได้ในทางเดียว และกำจัดความเห็นอีกทางหนึ่งด้วยทุกวิถีทาง โครงสร้างความรุนแรงดังกล่าวนั้นได้ทำให้ประชาชนทุกคนที่เกิดบนแผ่นดินไทย กลายเป็นเหยื่อของวาทะ เป็นเหยื่อในระบบความรุนแรง ที่ใช้เป็นเครื่องมือทำลายฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างยิ่งบนดินแดนที่พยายามจะเรียกตัวเองว่าเป็นประชาธิปไตย
ต่างชาติได้ปล่อยตัวเร็ว
แต่ต้องปิดปากเงียบ
นายโอลิเวอร์ จูเฟอร์ (Oliver Jufer) ชายชาวต่างชาติคนแรกในรอบ
10 ปีที่ถูกจับกุมตัวในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยการพ่นสีสเปรย์ลงบนพระบรมฉายาลักษณ์
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2549 ด้วยความมึนเมา
ศาลตัดสินเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2550 ด้วยความผิด
5 กระทง ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 75 ปี โดยให้จำคุก กระทงละ 4
ปี รวมทั้งหมดเป็นเวลา 20 ปี แต่เนื่องจากรับสารภาพแต่โดยดี
จึงได้รับการลดโทษเหลือเพียงการจำคุกเป็นเวลา 10 ปี ต่อมาได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้วเมื่อวันที่
11 เมษายน 2550 หลังจากถูกศาลตัดสินเพียง 13 วันโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเนรเทศเขาออกนอกประเทศ หลายฝ่ายก็ได้วิเคราะห์กันแล้วว่าคดีจะต้องออกมาในรูปนี้คือเขาได้รับอภัยโทษและถูกเนรเทศออกนอกประเทศเพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติรายต่อไป
ที่อาจจะกระทำการใดๆ เข้าข่ายกรณีของเขาได้ในอนาคต
แต่ต้องปิดปากเงียบ






แม้ว่าวิธีนี้อาจจะได้ผลบ้างในบางกรณี แต่มันก็ไม่ถือว่าเป็นประโยชน์ในระยะยาว ด้วยเหตุที่ว่ามันยังเป็นการยอมให้กฎหมายที่ล้าหลังและกดขี่นี้ยังมีอยู่ต่อไป โดยไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์ หรือตั้งคำถามในระดับนานาชาติในยุคสมัยโลกาภิวัตน์นี้
ถึงเวลาแล้วที่นานาชาติจะมองภาพใหญ่ที่ชี้ว่า ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นั้นผิด ชาวไทยและต่างชาติทุกคนจะต้องไม่เจอกับโทษจำคุก เพียงเพราะว่าพวกเขาแค่แสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ประเทศไทยควรจะมีการปกครองอย่างไร ประเทศไทยควรถูกประณามเรื่องการใช้กฎหมายนี้จนกว่ามันจะถูกยกเลิกไป
ข้อเสนอ 7 ประการ สรุปได้ดังนี้

2. เพิ่มเติมลักษณะความผิดเกี่ยวกับพระเกียรติยศของพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และเกียรติยศของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ไว้ในประมวลกฎหมายอาญา แทนที่จะเอาไว้ในหมวดความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร

4.โทษ จากเดิมให้จำคุก 3-15 ปีให้เปลี่ยนเป็นไม่มีอัตราโทษขั้นต่ำ, ลดอัตราโทษให้เป็นจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับความผิดต่อพระมหากษัตริย์ลดอัตราโทษให้เป็นจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับความผิดนี้ต่อพระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
5. เพิ่มเหตุยกเว้นความผิดให้การติชม แสดงความคิดเห็น หรือแสดงข้อความใดโดยสุจริต เพื่อรักษาไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ เพื่อธำรงไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์ทางวิชาการ หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่มีความผิด

7.ผู้มีอำนาจกล่าวโทษเปลี่ยนจากบุคคลทั่วไปเป็นสำนักราชเลขาธิการ
คำอภิปราย
ในที่สุดแล้วตัวบทกฎหมายเป็นสิ่งที่ขึ้นกับอุดมการณ์ทางการเมือง การตีความของศาลก็ไม่ได้แยกกันอยู่แบบโดดๆ ต่อให้เราแก้กฎหมายทั้งหลายได้เอง ศาลก็ยังไม่ตีความแบบให้เสรีภาพ






ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น