ฟังเสียง : http://www.mediafire.com/?gq8rbails8b9bpm
หรือที่ http://www.4shared.com/mp3/m4rGJmwY/The_Godfather_Named_Xomxai_01_.html
หรือที่ http://www.4shared.com/mp3/m4rGJmwY/The_Godfather_Named_Xomxai_01_.html
เดอะคิงชื่อสมชาย
จากเค้าโครงการศึกษาของนายพร แฮงดี
จากเค้าโครงการศึกษาของนายพร แฮงดี
ตอนที่ 01 เก็บตกวงศ์จักราวี


แต่หลังจากที่เจ้าตากได้ฟื้นฟูอาณาจักร
ได้เป็นปึกแผ่นพอสมควรแล้ว ชนชั้นนำเก่าของอยุธยาได้หันมาต่อต้านเจ้าตาก นำโดยตระกูลบุนนาค
ซึ่งเป็นขุนนางและพ่อค้าเชื้อสายเปอร์เซีย ที่มีอิทธิพลมากและเป็นคู่แข่งผลประโยชน์ทางการค้ากับพวกคนจีน
ที่เป็นพรรคพวกของเจ้าตาก โดยโจมตีกล่าวหาว่าเจ้าตากมีสติฟั่นเฟือน หลงอำนาจ แตกแยกกับข้าราชการ
พวกขุนนางเก่าอยุธยาได้สนับสนุนแม่ทัพสองคน
คือพระยาจักรี
(ทองด้วง) และพระยาสุรสีห์ (บุญมา) ทำการโค่นล้มปลงพระชนม์แย่งชิงราชบัลลังก์จากเจ้าตากและตั้งตนเป็นกษัตริย์
ทองด้วง เดิมรับราชการได้เป็นยกกระบัตร เมืองราชบุรี ต่อมาในสมัยเจ้าเอกทัศน์ออกไปอยู่นอกราชการแถวอัมพวา เพราะทองด้วงไปอยู่ฝ่ายเจ้าอุทุมพร ตอนนั้นเจ้าตากได้เป็นพระยาวชิรปราการเจ้าเมืองตาก

หลังจากกองทัพใหญ่ของพม่าถอนกำลังจากกรุงศรีอยุธยาเพื่อกลับไปจัดการปัญหาในบ้านเมืองของตนเอง
โดยทิ้งกองกำลังรักษาการณ์ไว้จำนวนหนึ่ง
ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน เจ้าตากสินก็ตีกองกำลังพม่าที่เหลืออยู่จนแตกพ่าย และจัดการรวบรวมขุนนางที่แตกเป็นก๊กเป็นเหล่าให้มาอยู่ใต้การบังคับบัญชาได้อีกครั้ง ในปี 2311 ด้วยอายุเพียง 34 ปี เจ้าตากก็ได้สถาปนาขึ้นเป็นเจ้ากรุงธนบุรี มีกรุงธนบรีเป็นเมืองหลวง บนฝั่งตะวันตกแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามกับศูนย์กลางการค้าขายที่เรียกว่าบางมะกอก
ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน เจ้าตากสินก็ตีกองกำลังพม่าที่เหลืออยู่จนแตกพ่าย และจัดการรวบรวมขุนนางที่แตกเป็นก๊กเป็นเหล่าให้มาอยู่ใต้การบังคับบัญชาได้อีกครั้ง ในปี 2311 ด้วยอายุเพียง 34 ปี เจ้าตากก็ได้สถาปนาขึ้นเป็นเจ้ากรุงธนบุรี มีกรุงธนบรีเป็นเมืองหลวง บนฝั่งตะวันตกแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามกับศูนย์กลางการค้าขายที่เรียกว่าบางมะกอก

ต่อมาพระยาจักรีซึ่งเป็นสมุหนายกตาย
เจ้าตากจึงเลื่อนทองด้วงขึ้นมาเป็นพระยาจักรีตำแหน่งสมุหนายก ทองด้วงยังได้ถวายลูกสาวแก่เจ้าตากชื่อ
ฉิมใหญ่ให้เป็นมเหสี มีลูกกับเจ้าตาก ชื่อเจ้าฟ้าเหม็นหรือกรมขุนกษัตรานุชิต
เจ้าตากมีนายทหารใหญ่ที่มีฝีมืออยู่ 2 คน คือ
คนหนึ่ง คือบุญมา อีกคน คือ พระยาสวรรคโลก เป็นแม่ทัพที่รบเก่งเคยรบเคียงคู่กับเจ้าตากมาตลอด
ต่อมาพระยาสวรรคโลกทูลขอธิดาของเจ้าตาก ถือเป็นการอาจเอื้อม เจ้าตากจึงสั่งประหารพระยาสวรรคโลก
ทำให้ 2 คนพี่น้อง คือ พระยาสุรสีห์ และพระยาจักรี มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ
และยิ่งตอนหลังเจ้าตากหันไปสนใจศาสนามากขึ้นอำนาจทางการเมืองจึงตกอยู่ในมือสองพี่น้องมากขึ้นทุกที

ขณะที่เกิดกบฏในกรุงธนบุรีโดยคนของพระยาจักรี
มีผู้ปลุกปั่นยุยง และชักชวนทำการกบฏ ตั้งกองรบทำร้ายผู้รักษากรุงเก่า
แล้วเดินทางมายังกรุงธนบุรี ยิงปืนเข้าพระนครโดยมีพวกกบฏในกรุงธนบุรีก่อการจลาจล สมทบกับกบฏที่ยกมาจากกรุงเก่าหรืออยุธยา
ขณะที่เจ้าตากไม่มีกำลังเหลืออยู่เลย
พระยาจักรีและพระยาสุรสีห์ก็ยกทัพกลับมาทันที แต่เจ้าฟ้าจุ้ยกลับไม่ได้เพราะถูกทัพญวนล้อมไว้
การจลาจลที่เขมรก็เป็นแค่การสร้างเรื่อง โดยมีการตกลงกับญวนให้ช่วยล้อมทัพหลวงไว้

พอเช้าวันที่ 6 เมษายน 2325 พระยาจักรี รีบเดินทัพใหญ่มาถึงพระนคร มีการสอบถามความเห็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ มีข้าราชการที่ยังจงรักภักดีในเจ้าตาก และยืนยันให้ไปขอให้เจ้าตากสึกออกมาครองราชสมบัติหรือไม่ก็ควรยกราชสมบัติให้รัชทายาทของพระองค์ พวกข้าราชการที่กล้าพูดเช่นนั้นก็ถูกคุมตัวไปประหารชีวิตทั้งหมด


ฝ่ายราชวงศ์ของเจ้าตากที่ยังเหลือ
ถ้าเป็นเจ้าชายที่โตแล้วก็ถูกจับประหารหมด บรรดาบุตรชายน้อยๆ ของเจ้าตากสิน ให้เอาไปใส่เรือล่มน้ำเสียให้สิ้น
ดังคำบุราณกล่าวไว้ ตัดหวายอย่าไว้หนามหน่อ ฆ่าพ่ออย่าไว้ลูก ซึ่งจะเลี้ยงไว้นั้นหาประโยชน์ไม่
จะเป็นเสี้ยนหนามไปภายหน้า ส่วนเจ้าหญิงก็ถูกถอดพระยศออกแล้วเรียกว่าหม่อม แม้แต่แม่และน้าของเจ้าตาก
และไทยต้องช่วยองค์เชียงสือรบกับพวกราชวงศ์เล้หรือกบฎไตเซิน 2 ครั้ง
ต้องช่วยอาวุธยุทธภัณฑ์อีกมากตามข้อตกลงลับที่ได้ช่วยกันล้มบัลลังก์ของเจ้าตาก รวมทั้งต้องเสียเมืองพุทไธมาศแก่ญวน
หลังจากนั้นทองด้วงก็ตั้งตนขึ้นเป็นกษัตริย์ ตั้งเมืองหลวงที่บางมะกอก ในปี 2325 และเป็นต้นวงศ์จักราวี
หลังจากนั้นทองด้วงก็ตั้งตนขึ้นเป็นกษัตริย์ ตั้งเมืองหลวงที่บางมะกอก ในปี 2325 และเป็นต้นวงศ์จักราวี
แม้จะมีคนแต่งเรื่องแก้ตัวให้ทองด้วง
ว่า เจ้าตากสินกู้เงินจากจีนมาทำสงครามกู้เอกราชและคิดจะไม่จ่ายหนี้ จึงคิดอุบายหลบหนี้โดยให้พระยาจักรียึดอำนาจ
และบางตำนานก็ว่าเพชฌฆาตใจอ่อนปล่อยเจ้าตากหนีไปบวชอยู่ที่วัดเขาขุนพนมนครศรีธรรมราช
แต่หลักฐานทางประวัติศาสตร์ชี้ชัดว่าเจ้าตากถูกพระยาจักรี สั่งประหารชีวิตเพื่อปราบดาภิเษกตั้งราชวงศ์ใหม่
และมีการกำจัดขุดรากถอนโคนเชื้อสายเจ้าตากสินอีกหลายครั้ง

ทองด้วงยังเล่าเรื่องโกหกว่าเคยมีหมอดูจีนทำนายว่า
พระยาจักรีกับพระยาตากสินจะได้เป็นกษัตริย์ทั้งคู่ เพื่อทำให้ผู้อื่นเข้าใจว่า ตนมีความสามารถเป็นเลิศ
มีบุญญาอภินิหารกว่าใครในแผ่นดิน เพื่อหาเหตุผลมาสนับสนุนการล้มบัลลังก์ของเจ้าตาก
หลังจากที่ขึ้นมาเป็นกษัตริย์แล้ว
ทองด้วงไม่เคยออกรบด้วยตนเองเลย โดยมากจะแต่งตั้งวังหน้าออกรบเสมอ ตนจะเป็นกองเสริม
วังหน้ามักจะรบชนะเสมอ ทองด้วงเลยไม่ค่อยได้รบ ตอนไปตีเมืองทวาย ในปี 2340 ทองด้วงเป็นแม่ทัพบก
แต่เดินทัพผิดทำให้ถึงเมืองทวายช้ากว่าวังหน้าถึง 3 เดือน ทำให้ต้องเสียเมืองทวาย
ตะนาวศรี ให้แก่พม่า

วังหน้าไม่พอใจที่วังหลวงจัดเงินให้น้อยไป
จึงขอเงินเพิ่ม วังหลวงอ้างว่าตนก็ฝืดเคือง จนกระทั่งมีการตีกันในการแสดงโขนงานสมโภชน์พระนคร
ทั้ง 2 ฝ่ายตั้งปืนเข้าหากัน พี่สาวของทองด้วงและบุญมา เข้ามาห้ามโดยรำพันถึงความยากลำบากก่อนที่สองพี่น้องจะได้มาเป็นใหญ่
จึงตกลงกันได้ จนกระทั่งบุญมาตายในปี 2346 วังหลวงก็ยึดวังหน้า
โดยกล่าวหาว่าโอรสทั้ง 2 คนของวังหน้า ซ่องสุมกำลังคิดกบฏ จึงให้ประหารหลานทั้งสอง
แล้วให้ลูกชายของตน คือ ชายฉิม เป็นวังหน้าแทน
ทองด้วงมีสนมและเจ้าจอมทั้งหมด 34 คน
มีลูก 46 คน เป็นผู้ชาย16 คน ส่วนฟ้าเหม็นลูกชายของเจ้าตากซึ่งเป็นหลานตาที่ทองด้วงรักมาก
ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏและถูกประหารหลังจากทองด้วงถึงแก่กรรมไม่นาน

ปี 2360 เจ้าฉิมไปรักเจ้าฟ้ากษัตรีซึ่งเป็นลูกทองด้วงเหมือนกัน
เจ้าฟ้ากษัตรีไม่ยอม และยังด่าว่าทำไมจะเอาน้องเป็นเมีย เจ้าฉิมโกรธมาก จึงสั่งประหารชีวิต

หลังจากที่เจ้าฟ้าบุญรอดออกจากวัง
ทำให้อำนาจวังในตกไปอยู่กับ เจ้าจอมเรียม ซึ่งมีลูกชายชื่อ ชายทับ เจษฎาบดินทร์
เจ้าฉิมไม่ชอบการบริหารราชการบ้านเมือง
โดยให้วังหน้า คือมหาเสนานุรักษ์ ซึ่งเป็นน้องชายว่าราชการแทนในตำแหน่งมหาอุปราช ส่วนเจ้าฉิมก็หมกมุ่นอยู่กับกวีและกามารมณ์เอาแต่แต่งวรรณคดี
หลังจากที่มหาเสนานุรักษ์บริหารบ้านเมือง 8 ปี ก็สิ้นชีวิต








เมื่อเจ้าทับรามา 3 ป่วย
ไกรสรรักษ์รณเรศซึ่งเป็นมือขวาของเจ้าทับ และเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเจ้าชายมังคุด ได้เสนอให้ประหารเจ้าชายมังคุด
เพราะไว้ใจไม่ได้ แต่เจ้าทับก็ไม่เชื่อและปล่อยไว้เรื่อยมา ทั้งเรียกรักษ์รณเรศเข้าพบเพื่อถามว่าทำไมถึงได้ซ่องสุมกำลังคน
รักษ์รณเรศตอบว่า ตนจะไม่เป็นข้าใครนอกจากเจ้าทับ เจ้าทับจึงสั่งประหารรักษ์รณเรศด้วยท่อนจันทร์ที่วัดปทุมคงคาเขตสัมพันธวงศ์
ข้อหาซ่องสุมผู้คนเข้าข่ายเป็นกบฏ

ตอนปลายสมัย เมื่อเจ้าทับป่วยหนัก
อยากให้ลูกคือเจ้าอรรณพขึ้นเป็นกษัตริย์ แต่พวกบุนนาคได้ยกกำลังทหารเข้าล้อมวัง และเชิญเจ้าชายมังคุดรีบสึกทันทีแล้วนุ่งขาวเข้าวังมาเป็นกษัตริย์
เมื่อเจ้าชายมังคุดมาถึงหน้าวัง เจ้าทับจึงสวรรคต
![]() |
เจ้าจอมทับทิมในภาพยนต์เรื่อง Anna and the King |



มังคุดล้มป่วยหนักเป็นไข้ป่า จากการไปดูสุริยุปราคา และสิ้นชีวิต ในวันที่ 1 ตุลาคม 2411


ในขณะที่จุฬาก็ค่อยๆ แต่งตั้งญาติพี่น้องของตนที่ได้รับการศึกษาจากตะวันตก ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือลูกๆ ของมังคุด ที่มีถึง 82 คน เป็นการแทนที่อำนาจพวกบุนนาค ด้วยความสดใหม่ และการศึกษาที่ดีจากทางตะวันตก


จุฬาจัดสรรสัมปทานและที่ดินให้สมาชิกวงศ์จักราวี
ยกที่ดินจำนวนมหาศาลให้ญาติพี่น้อง เพื่อให้สามารถเลี้ยงดูตนเองได้ โดยอาศัยการเก็บค่าเช่าที่ดินในเมืองและค่าเช่านา
เพื่อเป็นรายได้
มีการใกล้ชิดราษฎร ด้วยการปรากฏตามที่สาธารณะมากขึ้น
ยกเลิกกฎที่ไพร่จะต้องหมอบกราบเวลาเข้าพบ ปรับปรุงการบริหารประเทศเพื่อรวมศูนย์อำนาจมาอยู่ที่ตนเอง
หรือสถาปนาระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เพราะนายทหารและข้าราชการระดับสูง ล้วนเป็นญาติพี่น้องที่จุฬาแต่งตั้งเองทั้งสิ้น


จุฬามีลูกทั้งหมด 77 คน มีมเหสี 9 องค์ ที่เด่นๆ คือ สุนันทาเรือล่ม สว่าง เสาวภาหรือพัชริน ทั้งสามคนมีพ่อคือมังคุดและมีแม่คือเจ้าจอมเปี่ยม

ชาวนาภาคกลางต้องเสียภาษี
ดอกเบี้ยและค่าเช่า รวม 60%
ส่วนชาวนาอิสานต้องเร่ร่อนไปหากินยังที่ต่างๆ ในปี 2433 และ 2452 ชาวนายื่นฎีกาขอกู้เงินหลวงเพื่อนำไปซื้ออาหาร
แต่จุฬาปฏิเสธ ทั้งๆที่ยอมปล่อยเงินกู้ให้พ่อค้าจีน เพราะได้ดอกเบี้ยงาม
จุฬาไม่ได้เก่งกล้าสามารถอย่างที่ร่ำลือกัน
เมื่อไหร่ที่มีเรื่องกระทบจิตใจ ก็จะหยุดบริหารบ้านเมืองทันที บางครั้งก็หยุดไปเป็นเดือน
งานการคั่งค้าง ให้ดำรงสะสางแทน เช่น ถ้ามีเหตุลูกเมียตาย ก็จะหยุดบริหารบ้านเมือง
หรือถ้าเมียป่วยก็จะหยุดว่าราชการ ซึ่งจุฬามีลูกเมียรวมกันเป็นร้อย
บางทีต้นพยอมออกดอกทั่วทั้งวังก็ให้หยุดว่าราชการทันที
วังสมัยจุฬาจึงเป็นวังที่สนุกสนานรื่นเริงเสมอ จุฬาส่งแต่ลูกหลานและญาติๆของตนไปเรียนนอก
เกือบไม่มีสามัญชนที่จะมีโอกาสได้ไปศึกษา จนกระทั่งปลายสมัยจึงเริ่มให้นักเรียนที่สอบได้ที่ 1 ของประเทศ
2 คนได้ไป ลูกๆที่ส่งไปเรียนที่เมืองนอกทั้งหมดก็ให้เรียนวิชาทหารเท่านั้น
หรือต้องเรียนวิชาทหารก่อน ยกเว้นราชบุรีที่ได้เรียนวิชากฎหมาย


ฉะนั้นในสมัยราวุธและธิปก
จะเห็นวังทุกหัวถนนเต็มไปหมดในกรุงเทพ
ที่สนามหลวงมีวังหน้า (พุทไธศวรรย์)
ของบวรสถาน ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ
วังปารุสกวัน มุมถนนพิษณุโลก
ของจักรพงษ์เป็นของขวัญหลังเรียนจบการทหารจากรัสเซีย ปัจจุบันเป็นสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
และบก.ตำรวจนครบาล
วังชุมพรเขตรอุดมศักดิ์
หรือ วังนางเลิ้ง ใกล้ทำเนียบรัฐบาล ต่อมาเป็นโรงเรียนพณิชยการพระนคร
วังศุโขทัยที่ถนนสามเสนสร้างให้ธิปก

มาทางถนนราชวิถีก็มีวังพญาไท
ใช้เป็นที่ชมการทำนา การปลูกผักและการเลี้ยงสัตว์


วังบูรพาภิรมย์หรือวังบูรพา
สร้างให้ภาณุรังษีน้องสุดท้องของเทพศิรินทรา ต่อมาขายให้เอกชน มีการรื้อวังออก สร้างเป็นศูนย์การค้าและโรงภาพยนตร์คิงส์
ควีนส์ และแกรนด์ รวมกับตลาดมิ่งเมือง ปัจจุบัน คือ ดิโอลด์สยามและโรงหนังเฉลิมกรุง
วังจักรพงษ์หรือวังท่าเตียน
ของจักรพงษ์
สมัยจุฬามีการสร้างวังทุกหัวถนน จนเป็นเหตุให้ต้องมีการปฏิวัติ 2475 เพราะประชาชนจะลำบากแค่ไหนแต่วังทุกวังจะต้องสนุกสนานเสมอ
สมัยจุฬามีการสร้างวังทุกหัวถนน จนเป็นเหตุให้ต้องมีการปฏิวัติ 2475 เพราะประชาชนจะลำบากแค่ไหนแต่วังทุกวังจะต้องสนุกสนานเสมอ

เรื่องการประกาศเลิกทาสเหมือนเป็นคุณงามความดีที่ทำให้จุฬาได้เป็นอัครมหาราชา
แต่ประเทศไทยเลิกทาสเป็นอันดับสุดท้ายของโลก หลังจีน อินเดีย ญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศส
อเมริกา เนเธอร์แลนด์ ที่ทุกประเทศเลิกทาสก่อนประเทศไทยหมด

แต่ประชาชน กลับตกเป็นเป้าแห่งการรีดนาทาเร้นจากวงศ์จักราวีมากขึ้นกว่าเดิม
และภาษีกว่า
80% ที่เก็บได้ ถูกดูดเข้ามายังคลังหลวงเพื่อหล่อเลี้ยงกรุงเทพเท่านั้น
กระบวนการจัดเก็บภาษีของวงศ์จักราวี ส่งผลให้มีการต่อต้านการรวมศูนย์อำนาจที่สั่งการจากเบื้องบนอย่างต่อเนื่องและการใช้มาตราการปราบปรามอย่างรุนแรงต่อประชาชนในเมืองที่ห่างไกล ที่ต้องทนกับการถูกขูดรีดภาษีจนไม่เหลืออะไรไว้สำหรับการดำรงชีวิตของตัวเองและครอบครัว จนจำต้องลุกขึ้นมาต่อสู้
จุฬาบังคับปัตตานีให้จ่ายภาษีตรงมายังท้องพระคลัง โดยใช้กองกำลังและความรุนแรงเพื่อบีบบังคับให้ชาวปัตตานีต้องปฎิบัติตาม เช่นเดียวกับที่เคยทำในอดีต โดยไม่เคยไว้วางใจชาวมุสลิมมาเลย์ที่พูดภาษายาวี ไม่สนใจพัฒนาภาคใต้อย่างแท้จริง
กระบวนการจัดเก็บภาษีของวงศ์จักราวี ส่งผลให้มีการต่อต้านการรวมศูนย์อำนาจที่สั่งการจากเบื้องบนอย่างต่อเนื่องและการใช้มาตราการปราบปรามอย่างรุนแรงต่อประชาชนในเมืองที่ห่างไกล ที่ต้องทนกับการถูกขูดรีดภาษีจนไม่เหลืออะไรไว้สำหรับการดำรงชีวิตของตัวเองและครอบครัว จนจำต้องลุกขึ้นมาต่อสู้
จุฬาบังคับปัตตานีให้จ่ายภาษีตรงมายังท้องพระคลัง โดยใช้กองกำลังและความรุนแรงเพื่อบีบบังคับให้ชาวปัตตานีต้องปฎิบัติตาม เช่นเดียวกับที่เคยทำในอดีต โดยไม่เคยไว้วางใจชาวมุสลิมมาเลย์ที่พูดภาษายาวี ไม่สนใจพัฒนาภาคใต้อย่างแท้จริง

วงศ์จักราวีเก่งในการปราบปรามประชาชนแต่ไม่เคยคิดสู้กับฝรั่งต่างชาติเลย
และไทยก็เป็นประเทศเดียวในโลกนี้ที่ยอมเสียดินแดนให้พวกฝรั่งโดยไม่ต้องมีการต่อสู้เลย
บ้านเมืองอื่นฝรั่งอยากได้ดินแดนต้องรบเอาอย่างเดียวเท่านั้น แต่เมืองไทยยกให้เลย แล้วยังอ้างว่าเป็นความปรีชาสามารถ
ซึ่งที่จริงแล้วเป็นแค่นโยบายสิ้นคิดเท่านั้นเอง



จุฬาสร้างโรงพยาบาลศิริราชเพราะลูกชายชื่อศิริราชป่วยและตายตั้งแต่เด็ก
ทำให้เสียใจมากจึงสร้างโรงพยาบาลศิริราชตามชื่อลูกที่ตายไป
สร้างโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
โดยเก็บเงินค่าการศึกษา
24 บาทซึ่งแพงมากสำหรับราษฎรสมัยนั้น โดยอ้างว่าต้องการให้เป็นที่ศึกษาของกุลบุตรผู้มีสกุล
พวกไพร่เลวไม่สามารถเข้าเรียนได้
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับจุฬาเลย ที่จริงถูกตั้งขึ้นสมัยราวุธโดยเอาเงินที่เหลือจากการสร้างอนุสาวรีย์ทรงม้าไปสร้างจุฬา
จากการผลักดันของสุรศักดิ์มนตรี ซึ่งเป็นอาจารย์ของราวุธซึ่งราวุธก็ไม่ได้เห็นด้วยเลย
แต่เนื่องจากว่าสุรศักดิ์มนตรีเป็นผู้ดูแลและเป็นอาจารย์ตั้งแต่ตอนที่อยู่อังกฤษก็เลยยอม



จุฬาได้ตั้งวชิรุณหิศ ลูกของสว่าง เป็นทายาท แต่อยู่ได้เพียง 8 ปี ก็เสียชีวิต ในปี 2437 อายุแค่ 16 ปี จุฬาให้ลูกสว่าง (หรือแม่กลาง) กับลูกแม่เล็ก (คือเสาวภา) ให้เหมือนแม่เดียวกัน เรียงตามอายุในการสืบบัลลังก์ จึงแต่งตั้งราวุธ และยกให้แม่เป็นมเหสีเอก คือเสาวภา ขึ้นเป็นศรีพัชรินทร มีลูกชายขึ้นเป็นเจ้า 2 คนต่อกัน คือราวุธและธิปก




ราวุธไม่มีมเหสี คนรับใช้ใกล้ชิดส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายทั้งนั้น
ที่โปรดปรานมาก ก็คือ
2 คนพี่น้อง คนพี่ชื่อ เฟ้อ พึ่งบุญ คนน้องชื่อ ฟื้น พึ่งบุญ ลูกหลานของรักษ์รณเรศ
ลูกของทองด้วงที่ถูกประหารสมัยองค์ทับ
คนพี่เล่นเป็นเป็นพระราม จึงได้ชื่อว่าพระยา
รามราฆพได้บ้านนรสิงห์หรือทำเนียบไทยคู่ฟ้า คนน้องเล่นเป็นพระอนุชาจึงตั้งชื่อเป็นอนิรุธเทวาได้บ้านพิษณุโลกหรือบ้านบรรทมสินธุ์
เนื้อที่ 50 ไร่ตรงข้ามสนามม้านางเลิ้ง โดยสถาปนิกอิตาเลียนซึ่งว่างจากงานก่อสร้างวังอนันตสมาคมเป็นผู้ออกแบบ
อุดมราชภักดี (โถ สุจริตกุล) อดีตอธิบดีกรมชาวที่ได้บ้านมนังคศิลา
ถนนหลานหลวง

คนพี่เล่นเป็นเป็นพระราม จึงได้ชื่อว่าพระยา


คนแรกที่เป็นคู่หมั้น
คือวรรณวิมล หรือ วัลลภาเทวี ซึ่งเป็นลูกของนราธิป พอต่อมาเกิดวิวาทกัน และมีการเขียนเพลงยาวด่ากัน
ราวุธโกรธมาก จึงสั่งจับขัง

ราวุธขัดแย้งกับขุนนางผู้ใหญ่จำนวนมากโดยเฉพาะราชบุรี ที่จบกฎหมายมาจากนอก เป็นเสนาบดียุติธรรม แต่ถูกราวุธแกล้งย้ายให้มาเป็นเสนาบดีเกษตร ราชบุรีจึงขอลาออกจากราชการ กลายเป็นศัตรูกันมาตลอด

ดำรงซึ่งเป็นเสนาบดีมหาดไทย ถูกย้ายเป็นเสนาบดีธรรมการแล้วแต่งตั้งนายปั้นที่เคยเป็นเสมียนของดำรงให้เป็นพระยายมราช แล้วเป็นเสนาบดีมหาดไทยแทน

เป็นที่รู้กันว่าจุฬารักลูกคนถัดมามากกว่า คือ จักรพงษ์ เป็นคนที่มีบุคลิกดีหน้าตาดี อัธยาศัยดี ตามใจพ่อ ขณะที่ราวุธ อ้วนเตี้ย หัวล้าน ไม่น่ารัก แถมเอาแต่ใจตนเอง ซึ่งจุฬาไม่ชอบเลย แต่เป็นลูกคนโปรดของแม่เล็ก จุฬาจึงทำอะไรไม่ได้

ในตอนนั้นจักรพงษ์มีสิทธิเป็นรัชทายาท
เนื่องจาก ราวุธไม่มีลูกชาย จักรพงษ์ขอหย่ากับคัทลิน แล้วจะแต่งงานใหม่ทันทีกับชวลิตโอภาส
ลูกสาวของราชบุรี แต่ราวุธไม่อนุญาตให้แต่งงาน จึงต้องร่วมชีวิตกันเองโดยไม่มีพิธีสมรส
และได้ขอลาออกจากราชการแต่ราวุธก็ไม่อนุญาต ต่อมาจึงขอลาไปพักผ่อนหลังและเสียชีวิตด้วยโรคปอดบวมระหว่างเดินทาง
โดยมีข่าวว่าถูกราวุธสั่งวางยา ทำให้เสาวภาโกรธมาก ไม่พูดกับราวุธอีกเลย


ราวุธไม่มีลูกชาย บัลลังก์จึงสืบทอดไปสู่น้องชายร่วมแม่เดียวกัน
เริ่มจากจักรพงษ์แต่เสียชีวิตปี 2463 ถัดมา คืออัษฎางค์ก็เสียชีวิตในปี
2467 จุฑาธุชก็สิ้นชีพไปก่อนหน้าในปี
2466
จึงเหลือแต่ธิปกคนเดียวขึ้นครองบัลลังก์เป็นรามา 7
จึงเหลือแต่ธิปกคนเดียวขึ้นครองบัลลังก์เป็นรามา 7




ในปลายปี 2470 มีการเลื่อนชั้นของเชื้อสายจักราวีชั้นกลาง
ให้ขึ้นมาอยู่ในชั้นเจ้า มีอานานลูกของมหิดร และพูมลำพองที่เกิดตามมา มหิดรเป็นทายาทลำดับหนึ่งในตอนนั้นเพราะธิปกยังไม่มีลูก
ได้ถูกเรียกตัวกลับประเทศจากบอสตัน สหรัฐอเมริกา
ปลายปี 2473 เกิดวิกฤติทางการเงินของสหรัฐ
ส่งผลไปทั่วโลกรวมทั้งสยาม รายได้หลักของรัฐคือภาษีจากสินค้าส่งออกและนำเข้าลดฮวบ ธิปกเสนอให้จัดเก็บภาษีรายได้ทั่วไปและภาษีทรัพย์สินแต่พวกเชื้อสายจักราวีปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
และบังคับให้มีการลดเงินเดือนและจำนวนข้าราชการลง ลดงบประมาณทางทหารด้วย เกิดความโกรธเคืองแก่ชนชั้นกลางในกรุงเทพฯ
มีกระแสการก่อกบฏ

การปฏิวัติเกิดขึ้น ขณะที่ฝ่ายเจ้าไปพักผ่อนหน้าร้อนประจำปีที่หัวหิน
ที่ธิปกได้สร้างวังริมชายหาดชื่อไกลกังวล เชื้อสายเจ้าถูกจับกุมโดยปราศจากความรุนแรง
และการปฏิวัติสำเร็จในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง ขณะที่ธิปกกำลังเล่นกอล์ฟกับรำไพพรรณีและนายหน้าค้าอาวุธชาวอังกฤษในตอนเช้าวันนั้น

คณะราษฎรบุกยึดวังและจับกุมพวกเจ้าระดับหัวแถว
และยื่นข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้แก่ธิปก ประกาศคณะราษฎรที่ดุดัน ซึ่งปรีดีเป็นผู้เขียนเองได้โจมตีรัฐบาลของกษัตริย์ว่าได้ถือเอาราษฎรเป็นทาส
เป็นไพร่ เป็นขี้ข้า เป็นสัตว์เดรัจฉาน โดยไม่นึกว่าเป็นมนุษย์ แทนที่จะช่วยราษฎรกลับพากันทำนาบนหลังราษฎร
หักเอาภาษีอากรที่เก็บจากราษฎรไว้ใช้ส่วนตัว เป็นจำนวนหลายล้านบาท ส่วนราษฎรนั้นกว่าจะหาได้แต่เล็กน้อยเลือดตาแทบกระเด็น
ถึงคราวเสียภาษี ถ้าไม่มีเงินรัฐบาลก็ยึดทรัพย์หรือถูกเกณฑ์ใช้แรงงาน แต่พวกเจ้ากลับนอนกินกันอย่างสุขสบาย...ราษฎรทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า
ประเทศเรานี้เป็นของราษฎร ไม่ใช่ของกษัตริย์ตามที่เขาหลอกลวง บรรพบุรุษของราษฎรเป็นผู้กู้ชาติให้ประเทศมีอิสรภาพ
พวกเจ้ามีแต่ชุบมือเปิบและกวาดทรัพย์สมบัติไว้ตั้งหลายร้อยล้านบาท ด้วยวิธีทำนาบนหลังคน
...คณะราษฎรเห็นว่าการที่จะแก้ไขความชั่วร้ายก็โดยทีจะต้องจัดการปกครองโดยมีสภา ...ให้กษัตริย์อยู่ใต้กฎหมายธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน จะทำอะไรตามลำพังไม่ได้ นอกจากความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร คณะราษฎรได้แจ้งเรื่องนี้ให้กษัตริย์ทราบแล้ว และกำลังรอคำตอบ ถ้ากษัตริย์ตอบปฏิเสธหรือไม่ตอบภายในกำหนดเพราะความเห็นแก่ตัวว่าจะถูกลดอำนาจ ก็จะได้ชื่อว่า ทรยศต่อชาติ และก็เป็นการจำเป็นที่ประเทศจะต้องมีการปกครองอย่างประชาธิปไตย คือ ประมุขของประเทศจะเป็นบุคคลสามัญ คือไม่ต้องมีกษัตริย์อีกต่อไปแล้ว....
แต่ธิปกได้เติมคำว่าชั่วคราว ลงใน พ.ร.บ.ธรรมนูญการปกครอง 27 มิถุนายน 2475 เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ประกาศว่า
อำนาจสูงสุดเป็นของราษฎร ผู้ใช้อำนาจแทนราษฎรประกอบด้วย กษัตริย์ สภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมการราษฎรและศาลโดยเท่าเทียมกัน
กษัตริย์ไม่มีส่วนในการจัดตั้งรัฐบาล คณะราษฎรเป็นผู้แต่งตั้งสภาผู้แทนราษฎรและคณะกรรมการราษฎรในครั้งแรก
หลังจากนั้นจะมาจากการเลือกตั้ง
...คณะราษฎรเห็นว่าการที่จะแก้ไขความชั่วร้ายก็โดยทีจะต้องจัดการปกครองโดยมีสภา ...ให้กษัตริย์อยู่ใต้กฎหมายธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน จะทำอะไรตามลำพังไม่ได้ นอกจากความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร คณะราษฎรได้แจ้งเรื่องนี้ให้กษัตริย์ทราบแล้ว และกำลังรอคำตอบ ถ้ากษัตริย์ตอบปฏิเสธหรือไม่ตอบภายในกำหนดเพราะความเห็นแก่ตัวว่าจะถูกลดอำนาจ ก็จะได้ชื่อว่า ทรยศต่อชาติ และก็เป็นการจำเป็นที่ประเทศจะต้องมีการปกครองอย่างประชาธิปไตย คือ ประมุขของประเทศจะเป็นบุคคลสามัญ คือไม่ต้องมีกษัตริย์อีกต่อไปแล้ว....

แม้ว่าจะไม่มีใครสามารถฟ้องร้องกษัตริย์ในศาลได้
แต่สภาสามารถไต่สวนและถอดถอนกษัตริย์ใด้ และสภาเป็นผู้ให้ความเห็นชอบต่อการสืบราชสมบัติ
แม้จะมีกฎมณเฑียรบาล
2467 ก็ตาม

30 มิถุนายน2475 สองวันหลังจากเปิดประชุมสภา ธิปกแจ้งต่อรัฐมนตรีใหม่ว่า ตนมีสุขภาพไม่ดี สายตาเเย่
และกำลังคิดจะสละบัลลังก์ เนื่องจากบริพัตรถูกรัฐบาลสั่งเนรเทศ ตนจึงเสนอชื่อทายาท
เป็นลูกชายคนโตของมหิดร คืออานานวัย 6 ขวบ หากรัฐบาลกดดันมากไป
ตนก็จะสละบัลลังก์
รัฐบาลคณะราษฎรพยายามหว่านล้อมธิปกแต่พวกขุนนางเก่า
และพวกเจ้าคอยยุแหย่ ป้ายสีปรีดีว่าเป็นคอมมิวนิสต์ และแอบเจรจาหาการสนับสนุนจากอังกฤษและอเมริกา
เดือนกันยายน 2475 เจ้าระดับสูงได้ยกเรื่องสละบัลลังก์มาขู่อีกครั้ง
รัฐธรรมนูญต้องเป็นที่พอใจของทางวัง มิเช่นนั้นอาจจะเกิดสงครามตามมาโดยมีมหาอำนาจต่างชาติเข้าร่วมด้วย
รัฐธรรมนูญฉบับถาวรเดือนธันวาคมจึงยอมตามความต้องการส่วนใหญ่ของวัง เจ้าเป็นจอมทัพไทย
ผู้ใดจะล่วงละเมิดมิได้ การสืบบัลลังก์เป็นไปตามกฎมณเฑียรบาลปี 2467 ของวงศ์จักราวี สายเลือดจุฬา

ขณะที่ครอบครัวมหิดรถูกส่งไปโลซานน์
สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อความปลอดภัย คณะราษฎรตอบโต้ด้วยการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อเห็นว่ามโนปกรณ์อาจแพ้โหวต
ธิปกจึงปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 1 เมษายน 2476 ฝ่ายนิยมเจ้าได้เลื่อนตำแหน่งเข้าคุมอำนาจ ธิปกลงนามประกาศใช้กฎหมายต่อต้านคอมมิวนิสต์
บีบให้ปรีดีต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ

ธิปกเชื่อว่าสามารถบีบคณะราษฎรด้วยการขู่สละบัลลังก์
แต่สมาชิกสภาตอบโต้ด้วยการยื่นญัติถอดถอนเจ้า และผู้นำแรงงานคนหนึ่งยื่นฟ้องธิปกข้อหาหมิ่นประมาทปรีดี
ป.พิบูลสงครามบัญชาการสู้ศึก
เกิดสงครามกลางเมือง เครื่องบินทิ้งระเบิดถล่มกรุงเทพ และมีการสู้รบบนท้องถนนในหลายเมือง
ธิปกอยู่ที่หัวหินวางท่าทีเป็นกลาง ครั้นเห็นบวรเดชเพลี่ยงพล้ำ ก็ถอยไปตั้งหลักที่พรมแดนมลายู
ซึ่งอังกฤษควบคุมอยู่
หลังจากสู้รบอย่างดุเดือดสองสัปดาห์
ป.ก็ประกาศชัยชนะ ผู้นำกบฏเสียชีวิตไปหลายคน บวรเดชหนีออกนอกประเทศ คณะราษฎรหมดความสนใจที่จะร่วมงานกับวัง
สองสามสัปดาห์หลังการก่อกบฏ
ธิปกประกาศแผนเดินทางไปต่างประเทศอ้างว่าไปรักษาตา ให้นริศราลูกของมังคุด อายุ 70 ปีเป็นผู้สำเร็จราชการ

แต่รัฐบาลที่กรุงเทพไม่เกรงกลัวคำขู่อีกต่อไปแล้ว
จึงปฏิเสธไปเกือบทุกข้อ
รวมทั้งการที่คณะราษฎรเสนอเก็บภาษีมรดก
แต่ธิปกขอให้ยกเลิก ให้ยกเว้นทรัพย์สินของเจ้า แต่คณะราษฎรไม่ยอม


ขณะสละบัลลังก์ธิปกได้ทิ้งประโยคทองที่อวดอ้างความสูงส่งของตนไว้เป็นครั้งสุดท้าย
ซึ่งมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่มันได้กลายเป็นประโยคหากิน หรือวาทกรรมอมตะ ที่ใช้อ้างกันเป็นประจำในสมัยพูมลำพอง
ซึ่งเป็นหลานอาของธิปก

แต่ข้อเท็จจริง คือทางวังได้พยายามดิ้นรนต่อสู้ขัดขวาง
กระบวนการประชาธิปไตย มาโดยตลอด ซึ่งมันก็ตรงกันข้ามกับคำแถลงในการสละบัลลังก์ มันก็เลยทำให้คำแถลงของธิปกไม่มีความหมายและเป็นแค่เพียงเรื่องโกหกตอแหลเท่านั้นเอง ....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น