ฟังเสียง :
http://www.mediafire.com/?0uevu10gge6tb0k
http://www.4shared.com/audio/hx0RIJPW/stream_Stable_Story_006_.html
http://www.mediafire.com/?0uevu10gge6tb0k
http://www.4shared.com/audio/hx0RIJPW/stream_Stable_Story_006_.html
นายกรักสิน ตัวอย่างของ
ผู้ซาบซึ้งที่ไม่มีแผ่นดินอยู่













คุณหมักก็เป็นคนที่
มีความซาบซึ้งมากเป็นพิเศษ



ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่ ผู้คนถูกครอบงำในเรื่องค่านิยมทางการเมือง เหมือนเช่นเกาหลีเหนือ คิวบาและลิเบีย ทั้งๆที่ในระบอบประชาธิปไตยราษฎรต้องมีเสรีภาพที่จะมีค่านิยมทางการเมืองอย่างไรก็ได้

กำจัดคู่แข่งบารมี
อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้






ลุงสมชายใช้เงินงบประมาณมากมายมหาศาล มีโครงการมากกว่า 3000 โครงการ แต่มีผลงานจริงๆไม่มากเท่าที่ควร และเทียบไม่ได้เลยกับผลงานของนายกรักสินในช่วงเวลาเพียง 4-5 ปีเท่านั้น






ถ้าลุงสมชายลงสมัครรับเลือกตั้งและได้เป็นนายกบริหารประเทศมากว่า 60 ปีแล้ว ก็ต้องถือว่าสอบตก เพราะทำงานมาไม่เป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง ดีแต่โฆษณาตัวเองว่าเป็นคนดี เสียสละเพื่อคนอื่น เหนื่อยยากมาตลอด










ลุงสมชายแจกสคส.
ให้รักใคร่สามัคคีมีไมตรีกัน


















60 กว่าปีที่ผ่านมา
ลุงสมชายสอบได้หรือสอบตก

ลุงสมชายมีผลงานอะไรที่เป็นสาระแก่นสาร ที่นอกเหนือไปจากงานโฆษณาประชาสัมพันธ์ ที่ทำมาโดยสม่ำเสมออย่างยาวนาน









ปี 2508 สิงค์โปร์ถูกนายกรัฐมนตรีตนกูอับดุลราห์มัน (Tunku Abdul Rahman) ของมาเลเซียปฎิเสธมิให้เข้าร่วมกับสหพันธรัฐมาเลเซีย โดยอ้างความแตกต่างทางเชื้อชาติและศาสนา






ญี่ปุ่นหลังสงครามโลกที่ต้องแบ่งปันข้าวสารที่ได้รับบริจาคจากสหรัฐ และยังต้องบินมาดูงานการบริหารที่ประเทศไทยเมื่อปี 2488



มาเลเซียก่อนสมัยมหาเธร์ (Mahathir bin Mohamed) ที่เป็นนายกรัฐมนตรี 22 ปี ระหว่าง 2524-2546 หลังรับเอกราชจากอังกฤษ ปี 2500 ใช้ชื่อสหพันธรัฐมลายู




หลังจากนั้นก็มีเติ้งเสี่ยวผิง (Deng Xiaoping)ขึ้นเป็นผู้นำ ที่สามารถพัฒนาเศรษฐกิจของจีนได้รวดเร็วที่สุดในโลก ติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี

ไต้หวัน หลังจากเจียงไคเช็ค (Chiang Kai-shek) พาทัพมาอยู่ที่เกาะฟอร์โมซา ตั้งรัฐบาลจีนคณะชาติในปี 2492 หลังจากที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนเข้ายึดครองประเทศจีน

ต่อมาไต้หวันถูกถอดออกจากสมาชิกสหประชาชาติ ในปี 2514








60 ปีที่ผ่านมา แค่ทำนมอัดเม็ด ปลูกผักปลอดสารพิษ สาธิตเศรษฐกิจพอเพียง การใช้เวลา 60 ปีที่ผ่านมา ในการบริหารประเทศของลุง ต้องถือว่าได้ผลน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับผู้นำคนอื่นของโลก ถือว่าไม่คุ้มค่า โฆษณาว่าดีแต่ไม่มีราคา



ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง ไต้หวัน เขาเจริญไปถึงไหนแล้ว เขามีรถไฟฟ้าทั่วประเทศ สวัสดิการสังคมก็ดีกว่าไทยหลายเท่า ประชาชนก็อยู่ดีกินดี แต่ประเทศไทยที่มีทรัพยากรดีกว่า มีสถานที่ท่องเที่ยวก็ติดอันดับโลก แต่ทำไมประชาชนไทยยังจนและลำบาก อยู่เหมือนเดิม

ตลอดเวลากว่าหกสิบปีที่ลุงสมชายคุมประเทศไทย ผลที่ได้รับก็คือ ลุงสมชายร่ำรวย กว่าราชวงศ์ทุกราชวงศ์ในโลก ด้วยทรัพย์สินที่ตรวจสอบได้ไม่ต่ำกว่า 35 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือร่วม หนึ่งล้านล้านบาท มากกว่าอันดับสอง คือสุลต่านบรูไนเจ้าของบ่อน้ำมันที่มีทรัพย์สิน 20 พันล้านเหรียญสหรัฐ

...........
ถ้าลุงสมชายไม่รับรองการยึดอำนาจ









กลายเป็นทหารส่วนตัวของลุง แต่กินเงินเดือนจากภาษีของราษฎร คนที่ลำบากคือราษฎร ประเทศอื่นมีผู้นำสูงสุดที่รักประชาชนอย่างแท้จริง และเขาไม่ยอมรับรองการรัฐประหารยึดอำนาจ เมื่อผู้นำสูงสุดของเขาไม่ยอมรับการยึดอำนาจแล้ว ทหารก็ย่อมไม่กล้ายึดอำนาจ เพราะถือว่าเป็นการกบฏ





และเมื่อปี 2545 พบว่าประชาชนญี่ปุ่น 82% ไม่เชื่อถือนักการเมือง โดยเชื่อว่านักการเมืองญี่ปุ่นเป็นแค่พวกผู้ปฏิบัติงานหลังบ้าน ที่มีความรับผิดชอบต่ำและไม่มีวิสัยทัศน์ ไม่มีคุณสมบัติของการเป็นผู้นำแต่อย่างใด ขณะที่ประชาชนเชื่อหมอดู 20% แต่เชื่อนักการเมืองเพียง 15%


ต่อมา 3 สิงหาคม 2551 ประธานาธิบดีลีเมียงบัค (Lee Myung-Bak) ถูกกล่าวหาว่ามีการทุจริต ในช่วงที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี

แต่ทหารของเขารู้หน้าที่ตนเอง ไม่ล้ำเส้น ไม่ทำรัฐประหาร ให้แก้ไขกันตามระบอบประชาธิปไตย




แม้จะมีกฎหมาย ว่าลุงสมชายไม่ควรยุ่งการเมือง แต่ความจริงก็คือ ลุงเข้ามาคุมการเมืองโดยตลอด และเป็นผู้ที่มีอำนาจแท้จริง เป็นผู้ใช้อำนาจสูงสุด รวมทั้งสั่งการให้ทหารยึดอำนาจ เป็นคนแต่งตั้งรัฐบาลที่มาจากการใช้อาวุธ รวมทั้งเป็นต้นตอของปัญหาความไม่เป็นธรรม











แม้แต่ป้าสมจิตเมียของลุงสมชายเองก็ยังแอบอมเพชรสีน้ำเงินของราชวงศ์ซาอุ ทำให้ประเทศชาติและประชาชนไทยต้องสียหายมากมาย


ทั้งนี้มิได้หมายความว่าจะให้ลุงสมชายเพียงคนเดียวไปสู้กับทหารที่มีอาวุธครบมือ ขอแต่เพียงการที่ลุงสมชายต้องแสดงท่าทีคัดค้านการปล้นอำนาจที่เป็นของราษฎรซึ่งเป็นผู้จ่ายภาษีเลี้ยงดูลุงสมชาย




........
ความสมถะของราชวงศ์ญี่ปุ่น



ราชวงศ์ญี่ปุ่นเป็นราชวงศ์เดียวในโลกที่แม้จะพ่ายแพ้ในสงคราม แต่ก็มิได้ถูกล้มล้าง ญี่ปุ่นเรียกจักรพรรดิว่าเทนโน หมายถึงเทพเจ้าที่มาจากสวรรค์ ราชวงศ์ญี่ปุ่นเคยได้รับการเคารพในฐานะอวตารเทพ

จนกระทั่งปี 2489 สมเด็จพระจักรพรรดิโชวะเทนโน (Showa Tenno) หรือฮิโรฮิโตเดิม ได้ออกแถลงการณ์ว่าพระองค์เป็นแค่คนธรรมดา และได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งประเทศญี่ปุ่น ที่ลดฐานะของพระจักรพรรดิให้เป็นแค่สัญญลักษณ์


จักรพรรดิอากิฮิโต (Akihito) และพระจักรพรรดินีมิชิโกะ (Michiko) ทรงเป็นแบบอย่างของการใช้ชีวิตเรียบง่ายสมถะมาตลอด เนื่องจากทรงเติบโตมาในยุคข้าวยากหมากแพง ระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2


จะมียกเว้นก็เพียงเจ้าหญิงมิซาโกะ (Masako) พระชายาในเจ้าฟ้าชายนารุฮิโตะ มกุฏราชกุมารญี่ปุ่น ที่ทรงโดนสื่อตำหนิว่าทรงกระทำองค์ฟุ้งเฟ้อหรูหรา หัวแข็งไม่ยอมลงให้ผู้หลักผู้ใหญ่ เรียกว่าเป็นแกะดำของราชวงศ์ ทั้งที่ความหรูหรานั้นอาจเป็นเรื่องปกติธรรมดามาก ถ้าเทียบกับราชวงศ์ในยุโรปหรือในบางประเทศ

ไม่ใช่แค่การสร้างภาพ





อดีตหญิงสามัญชน (ชื่อเดิมมาซาโกะโอวาดะ Owada) จบจากฮาร์วาร์ด พูดได้ถึง 5ภาษา เคยเป็นผู้หญิงเก่งในกระทรวงการต่างประเทศ จนได้อภิเษกกับเจ้าชายนารุฮิโตะ(Naruhito เกิด 2503) มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น ในปี 2536

แต่ชิวิตกลับพลิกผันด้วยแรงกดดันในราชวงศ์เบญจมาศ ที่ถือว่าผู้ชายต้องเป็นช้างเท้าหน้า จนเธอไม่กล้าแสดงบทบาทหรือความสามารถที่เคยมี ประกอบกับเธอต้องใช้ความพยายามถึง 8 ปี กว่าจะให้กำเนิดลูกสาว เมื่อเธออายุถึง 38 ปีแล้ว







พอพลาดท่า แพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ฐานะของจักรพรรดิจึงตกต่ำ ต้องยอมรับความพ่ายแพ้หมดรูปให้ประชาชนเห็นกันทั้งประเทศ หมดเกียรติภูมิต้องอยู่เงียบๆ ต้องยอมรับรัฐธรรมนูญที่สหรัฐร่างให้

ราชวงศ์ของญี่ปุ่นนอกจากปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างทั้งเรื่องสมถะเพียงพอ แล้วยังเคร่งครัดเรื่องความประพฤติในครอบครัว ราชวงศ์ญี่ปุ่นไม่มีใครแต่งงานกับต่างชาติ แต่งแล้วหย่า หย่าแล้วไม่เลี้ยงลูก แต่งแล้วแต่งอีก หรือเปลี่ยนคู่ครองไปเรื่อยๆ



ไม่เหมือนประเทศไทยที่เชิดชูตัวบุคคลไว้เหนือกว่าชาติ ขณะที่บุคคลที่อยู่เหนือหัวราษฎร ก็ไม่เคยทำอะไรเพื่อพัฒนาประเทศอย่างจริงใจ และถ้ามีรัฐบาลเลือกตั้งชุดใดทำท่าจะไปได้สวยก็จะคอยบ่อนทำลาย สั่งให้ทหารหาเรื่องทำรัฐประหาร ทำลายการปกครองในระบอบประชาธิปไตย

คนญี่ปุ่นก็คงสงสัยเหมือนกันว่า ทำไมประเทศไทยจึงพัฒนาได้ช้ามากทั้งๆที่ลุงสมชายโฆษณาอวดอ้างตลอดมาว่ามีความอิจฉริยะในทุกด้านและทุกเรื่องอย่างหาที่เปรียบมิได้ แถมยังอุตส่าห์ทุ่มเทด้วยความเหนื่อยยากตลอดชีวิตเพื่อคอยชี้นำทางให้ราษฎรเสมอมาอยู่มิได้ว่างเว้น


.........
ดิ้นต่อไป เมื่อลมหายใจยังมีอยู๋



รวมถึงการติดต่อชักจูงพวกเสื้อแดงเวทีใหญ่ ที่มีนักการเมืองสนับสนุนให้หันกลับมาสู่สนามการเลือกตั้ง เพื่อมาเล่นในเวทีที่มีลุงสมชายและคณะเป็นเจ้าของเวทีทั้งหมด


อย่างไรก็ตามลัทธิบูชาตัวบุคคลก็ต้องมีวันสิ้นสุดลงเสมอไม่ว่าจะยิ่งใหญ่เพียงใดก็ตาม โดยเฉพาะเมื่อบุคคลผู้นั้นกำลังจะต้องละชีวิตไปจากโลกโดยขาดผู้สืบทอดที่มีอำนาจบารมีพอ ขณะประชาชนจำนวนมากเริ่มได้เห็นได้เข้าใจธาตุแท้ของผู้ที่หลอกลวงพวกเขามาตลอด.
............
............