ฟังเสียงพร้อมเพลงประกอบที่ :
http://www.4shared.com/mp3/qf7fSUd_/See_Through_Stable_Owner_01.html
หรือที่ : http://www.mediafire.com/?9sk2en6p9b0p8ao
ประเด็นถกเถียงทางการเมืองที่น่าสนใจ คือ
มีบางคนที่เรียกกันว่าเป็นพวกหัวเหลือง พวกสลิ่ม นิยมเจ้า รักในหลวง ยังคงยึดมั่นในความคิดความเชื่อว่าพระราชาท่านดีที่สุด
ไม่ว่าเหตุการณ์มันจะส่อแสดงและบ่งชี้ชัดเจนเพียงใด
ก็ยังจะขอเป็นข้าพระบาททุกชาติไป เพราะโชคดีที่ได้เกิดมาเป็นคนไทยภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระราชาผู้ทรงธรรม
ในอีกด้านหนึ่ง คนที่ได้ต่อสู้เพื่อประชา ธิปไตยบางคนก็กลับไม่ค่อยพอใจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของคนส่วนใหญ่
โดยมองว่ารัฐบาลไม่กล้ารุกคืบทางการเมือง ไม่สนใจคนเสื้อแดง
รัฐบาลทอดทิ้งคนเสื้อแดงไปแล้ว บางคนถึงกับเชื่อว่ารัฐบาลทำงานเพื่อเจ้า เป็นรัฐบาลของเจ้า
เป็นรัฐบาลที่หลอกลวงคนเสื้อแดง
ขอแยกความข้องใจหรือข้อถกเถียงออกเป็นสองหมวดคือ ความศรัทธาที่ลึกล้ำของคนเสื้อเหลืองต่อกษัตริย์และความไม่พอใจของเสื้อแดงบางส่วนที่มีต่อรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
ถามใจเสื้อเหลือง
1.จริงหรือที่กษัตริย์ไม่รู้เรื่องการยึดอำนาจ
เป็นเรื่องที่พลเอกเปรมหรือราชินีทำกันเอง
หรือเป็นเรื่องที่กษัตริย์ถูกบังคับ และท่านต้องจำยอมเพราะมันเป็นประเพณีการปกครอง
ทั้งๆที่กษัตริย์เป็นจอมทัพไทยที่ทหารทุกคนต้องถวายสัตย์ปฏิญญาณว่าจะจงรักภักดี
และตำแหน่งจอมทัพไทยนั้นได้มอบถวายให้กษัตริย์เพื่อให้ท่านได้ใช้อำนาจของจอมทัพยับยั้งนายทหารที่คิดล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
มีบันทึกยืนยันว่าหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 รัชกาลที่
7 ก็เคยตอบข้อสงสัยของพระยาพหล
ว่าพระองค์จะไม่คิดล้มล้างรัฐธรรมนูญ ถ้ามีทหารก่อการกบฏ
พระองค์ก็จะไม่ยอมลงพระปรมาภิไธย และจะลาออกจากราชบัลลังก์
ให้พวกกบฏไปเชิญเจ้านายพระองค์อื่นมาเป็นกษัตริย์แทน.....
ดังนั้นถ้ารัชกาลใดก็ตามที่ไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจ
ก็ต้องแสดงความกล้าหาญเหมือนที่รัชกาลที่ 7 ได้เคยยืนยัน หรือเหมือนอย่างที่ในหลวงได้นิพนธ์ไว้ในเพลงความฝันอันสูงสุดที่ว่า
จะแนวแน่แก้ไขในสิ่งผิด...
ถ้าท่านไม่แน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด ไม่ยืนยันทำสิ่งที่ถูกต้อง
แล้วยังจะมีหน้าเที่ยวออกมาสั่งสอนประชาชนทั้งๆที่ไม่ใช่หน้าที่ต่อไปได้อย่างไร
จะไม่เข้าทำนอง มือถือสากปากถือศีลหรือ
ที่เห็นได้ชัด คือ ก่อนมีการยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549
พลเอกเปรมซึ่งเป็นประธานองคมนตรี ได้ออกมาเดินสายปลุกระดม โดยวังก็ไม่เคยว่ากล่าวอะไร
แล้วยังให้พวกกบฎเข้าเฝ้ายามดึกโดยเผยแพร่ภาพออกสู่สาธารณะเพื่อเป็นการรับรองการก่อกบฏยึดอำนาจล้มล้างรัฐธรรมนูญ
ให้พลเอกสุรยุทธ์ซึ่งเป็นองคมนตรีได้มาเป็นนายกรัฐมนตรีของพวกทหารกบฏ
หลังจากนั้นก็รับพลเอกสุรยุทธ์กลับเข้าเป็นองคมนตรีอีก
พร้อมทั้งยังได้แต่งตั้งผู้ร่วมก่อการบฏอีกสองคนใหเป็นองคมนตรี คือ นายชาญชัย
ลิขิตจิตถะ อดีตประธานศาลฎีกา ผู้เป็นตัวตั้งตัวตีวางแผนการยึดอำนาจ
สร้างสถานการณ์ความปั่นป่วน รวมทั้งพล.อ.อ.ชลิต พุกพาสุข
อดีตผบ.ทอ.ผู้ร่วมก่อการกบฎตัวสำคัญ
มาในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็ยังได้ให้พลเอกสุรยุทธ์และพลเอกเปรมหาทางขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอีก
โดยผ่านทางพลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือเสธอ้าย ที่มาในนาม 901 ซึ่งเป็นรหัสเรียกในหลวง ถ้าเสธอ้ายไม่ได้รับมอบอำนาจหรือได้รับความเห็นชอบจากกษัตริย์
ก็คงต้องมีความผิดตามมาตรา 112แน่นอน เพราะทำให้ผู้คนเข้าใจผิดว่าในหลวงสนับสนุนการขับไล่ล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งรวมทั้งการยึดอำนาจบริหารประเทศ
ประชาชนไทยทั้งในเมืองและชนบท ทั้งในและนอกประเทศก็น่าทราบดีว่ากษัตริย์มีท่าทีอย่างไร
ทรงสนับสนุนและรับรองการยึดอำนาจล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมาหลายครั้งหลายหนตามเนื้อหาที่ดา
ตอร์ปิโดได้ปราศรัยที่สนามหลวงจนต้องถูกจำคุก 18 ปี
เป็นความจริงหรือไม่ แต่ก็ยังมีคนบางคนที่เอาความรักความศรัทธามาอยู่เหนือความจริง
มาแก้ตัวแทนกษัตริย์ บางคนก็ชอบอ้างว่าในหลวงเคยตรัสว่ารัฐบาลพระราชทานมาตรา 7
เป็นเรื่องมั่ว....แล้วการรับรองการยึดอำนาจ จะไม่เป็นเรื่องที่มั่วยิ่งกว่าหรือ
ถ้าแก้ตัวว่าเป็นเรื่องเลยตามเลย ก็ต้องถามว่าที่ในหลวงเคยสอนพวกบัณฑิตใหม่ให้กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อมิให้คุณธรรมและความดีงามต้องสูญสิ้นสลายไปนั้น มันจะมีความหมายอะไร
หรือเป็นได้แค่ปากว่าตาขยิบ กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง....
โดยมีกฎหมายยรัดทำมะนวยมาตรา 8 ว่าประชาชนต้องเคารพสักการะกษัตริย์ และยังมีมาตรา 112 ที่เป็นกฎหมายเผด็จการที่ปิดปากประชาชน โดยห้ามวิจารณ์กษัตริย์ไม่ว่าในกรณีใดๆ แม้ว่าจะเป็นความจริงที่จำเป็นต้องพูดเพื่อปกป้องการปกครองในระบอบประชาธิปไตยก็ยังพูดไม่ได้โดยเด็ดขาด
ที่น่าวิตกก็คือแกนนำของฝ่ายที่เรียกร้องประชาธิปไตยหลายคนยังคงยืนยันว่าต้องการรักษาระบอบประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์เป็นประมุข
และจะไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญหมวดพระมหากษัตริย์โดยเด็ดขาด ทั้งๆที่รู้กันทั่วไปว่ากษัตริย์
ท่านไม่ศรัทธาและไม่เคยปกป้องระบอบประชาธิปไตย กษัตริย์ไม่เคยมีปัญหากับพวกเผด็จการทหาร
แต่ท่านมักมีปัญหากับขบวนการประชาธิปไตยและท่านมักจะวิพากษณ์วิจารณ์เชิงบ่อนทำลายรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอยู่เป็นประจำ
การที่แกนนำฝ่ายประชา ธิปไตยพยายามแสดงความจงรักภักดีต่อศัตรูของระบอบประชาธิปไตยนับว่าไม่เป็นผลดีต่อการเรียกร้องประชาธิปไตย
และทำให้ไม่กล้าที่จะแก้ปัญหาตรงที่สาเหตุที่แท้จริง คือ
ต้องแก้ไขที่หมวดพระมหากษัตริย์
มิให้กษัตริย์ผูกขาดการใช้อำนาจสูงสุดโดยไม่มีการตรวจสอบถ่วงดุลย์แบบไม่มีวาระดังที่เป็นอยู่
ทหารที่มาปราบปรามประชาชนก็มักจะเป็นทหารรักษาพระองค์
ขณะที่ประชาชนที่ถูกปราบปรามก็เป็นประชาชนที่ประกาศว่าจงรักภักดีต่อกษัตริย์ที่ไม่ต้องการประชาธิปไตย
มันกลายเป็นการเมืองตอแหลกันทั้งระบบที่ไม่ได้ยืนอยู่บนความเป็นจริง
และมีแต่ทำให้ทหารต้องเชื่อฟังและเกรงกลัวกษัตริย์เพราะแม้แต่ประชาชนเองก็ยังหมอบราบคาบแก้วต่อกษัตริย์ที่ไฟเขียวให้ทหารออกมาปราบปรามประชาชน
เรื่องทำนองเคยเกิดขึ้นมาแล้วในสมัยที่กษัตริย์และราชวงศ์ ออกมาต้อนรับจอมพลถนอมที่เดินทางกลับเข้าประเทศในรูปของสามเณรที่วัดบวร
รวมทั้งการเดินสายแจกธงลูกเสือชาวบ้านและร่วมกิจกรรมกับพวกกระทิงแดง เพื่อปลุกปั่นให้ประชาชนเกลียดชังจนถึงขั้นต้องการทำลายล้างนิสิตนักศึกษาที่ชุมนุมขับไล่ทรราชถนอม
การเรียกร้องประชาธิปไตยจะต้องไม่ไปเน้นการปกปักรักษาระบอบที่มีกษัตริย์เป็นประมุขแบบไทยๆ
ซึ่งก็คือระบอบเผด็จการราชาธิปไตยนั่นเอง ถ้าจะมีกษัตริย์
ก็ต้องเป็นกษัตริย์ที่อยู่ใต้กฎหมาย
ไม่ใช่กษัตริย์ที่อยู่เหนือกฎหมายเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ การเรียกร้องประชาธิปไตย
จึงควรเป็นประชาธิปไตยที่ให้สิทธิเสรีภาพและความเสมอภาค
ไม่ใช่ประชาธิปไตยใต้ฝ่าพระบาทอย่างที่เป็นอยู่
ซึ่งไม่ได้มีคุณค่าต่อการปกป้องรักษาแม้แต่น้อย
2. กษัตริย์ได้
ทำงานเพื่อคนไทยทุกคน
มามากแล้ว
มีโครงการในพระราชดำริมากกว่าสามพันโครงการ
ไม่มีหมู่บ้านใดที่ท่านไม่เคยไป ทุกวันนี้
ท่านก็ยังสนใจให้ความช่วยเหลือพสกนิกรไม่ได้หยุด
ไม่เหมือนกษัตริย์ประเทศอื่นๆที่ไม่เคยสนใจราษฎร
สิ่งที่ต้องถามกันจริงๆ คือ กษัตริย์เลี้ยงดูราษฎร หรือราษฎรเลี้ยงดูกษัตริย์กันแน่ พระราชาเหนื่อยกว่าราษฎรหรือราษฎรเหนื่อยกว่าพระราชา
กษัตริย์ท่านเหนื่อยจริงเหนื่อยทุกวันเหมือนที่ราษฎรส่วนใหญ่เหนื่อยกันเป็นปกติประจำวันหรือเปล่า
หรือว่ากษัตริย์ไปเยี่ยมราษฎรแบบผิวเผินแล้วก็บันทึกภาพเอาไว้ฉายโฆษณาซ้ำแล้วซ้าอีก
จนเหมือนกับว่าท่านไปมาหมดแล้ว ทั้งๆที่ท่านก็ไปไม่กี่ครั้ง และในหลายแห่งก็ไปแค่ครั้งเดียว
ไปแล้วก็ปล่อยทิ้งให้รกร้าง บางแห่งก็ใช้เงินระดมทุนสร้างภาพเพื่อการอวดอ้างความสำเร็จที่ไม่เคยขยายไปทำในท้องที่อื่นๆ
เทียบไม่ได้เลยกับโครงการที่มาจากรัฐบาลของประชาชน เช่น โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค โครงการกองทุนหมู่บ้าน กองทุนสตรี โครงการโอท้อป
การจำนำข้าวราคาสูงตันละ 15000 บาท ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท
เงินเดือนปริญญาตรีขั้นต่ำ 15000 บาท
ที่ครอบคลุมไปทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง
โครงการพระราชดำริของกษัตริย์มีหน่วยงานที่เรียกว่ากปร.คือคณะกรรมการประสานงานอันเนื่องมาจากโครงการพระราชดำริ
ที่อาศัยเงินประมาณของรัฐบาล และหน่วยงานราชการสนับสนุนอย่างเต็มที่ซึ่งซ้ำซ้อนกับงานของรัฐบาล
รวมทั้งการระดมเงินบริจาคโดยที่ไม่มีการตรวจสอบทางบัญชีที่เรียกว่าเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศรัยที่แปลว่า
สามารถใช้จ่ายได้ตามใจชอบ เป็นการสร้างบุญบารมีโดยไม่ต้องใช้เงินของตนเอง
ได้ทั้งชื่อเสียงความนิยมชมชอบและยังได้เงินกำไรอีกไม่น้อย
การที่กษัตริย์ในประเทศประชา ธิปไตยไม่มีโครงการพระราชดำริเป็นร้อยเป็นพันโครงการ เหมือนแย่งรัฐบาลทำงานก็เพราะกษัตริย์ของประเทศประชาธิปไตยเขาเข้าใจดีว่ากษัตริย์ควรมีบทบาทและหน้าที่เพียงใด
ถ้ากษัตริย์อยากทำงานบริหารประเทศ ก็ควรลาออกมารับสมัครเลือกตั้ง
เสนอแนวนโยบายให้ประชาชนได้พิจารณา
ไม่ใช่มาแอบใช้อำนาจเอางบประมาณและหน่วยราชการไปทำงานของตนโดยไม่มีใครกล้าตรวจสอบกล้าวิจารณ์
เพราะแม้แต่รัฐบาลที่ได้อำนาจบริหารมาจากการเลือกตั้งของประชาชนก็ยังต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาและเปิดให้มีการอภิปรายวิพากวิจารณ์การทำงานทั้งในและนอกสภา
3.มีการกล่าวหาโจมตีว่าระบอบทักษิณเป็นทุนสามานย์ ที่ร่ำรวยมาจากสัมปทานมือถือ และเป็นธนกิจการเมืองใช้เงินซื้อเสียง
เอาใจคนจนเพื่อหวังคะแนนเสียง เล่นการเมืองโดยใช้เงินซื้อเสียง เล่นพวกพ้อง
คุกคามสื่อ เป็นเผด็จการรัฐสภา ต้องการขายประเทศโดยการแปรรูปหรือขายรัฐวิสาหกิจซึ่งจะทำให้ประเทศล่มจมแบบอาร์เจนตินา
คำว่าทุนสามานย์น่าจะหมายถึงทุนที่กดขี่ขูดรีดผู้ใช้แรงงานและเอาเปรียบผู้บริโภค
เช่นนายทุนเจ้าของโรงงานผลิตที่ใช้เครื่องจักรแบบเก่าและใช้คนงานจำนวนมากด้วยการกดค่าจ้างแรงงานหรือพวกทุนอนุรักษ์ผูกขาดที่อาศัยอำนาจรัฐผูกขาดกิจการโดยไม่มีคู่แข่ง
เช่น กลุ่มนายธนาคารของไทย พวกพ่อค้าส่งออกข้าว ฯลฯ แต่การทำธุรกิจมือถือเป็นธุรกิจที่ต้องแข่งขัน ทั้งด้านประสิทธิภาพและการบริการ
โดยมีผู้ให้บริการหลายรายที่ต้องแข่งขันกัน
เรื่องสัมปทาน ก็เป็นเรื่องของความจำเป็นที่รัฐต้องให้เอกชนช่วยทำในกิจการขนาดใหญ่
เพราะเอกชนได้เติบใหญ่ มีความพร้อม มีความเป็นเจ้าของและมีประสิทธิภาพในการบริหารงานสูงกว่าภาครัฐบาลมาก
และเป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องจัดการประมูลให้สัมปทานเพื่อให้ประชาชนได้รับบริการอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ
การที่คุณทักษิณประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือและให้บริการถ่ายทอดสัญญาณดาวเทียม
ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะว่าเป็นธุรกิจที่กำลังเจริญเติบโตประกอบกับความสามารถในการบริหารและจัดการของคุณทักษิณเอง
ในขณะที่ผู้ทำธุรกิจแบบเดียวกันที่ประสบความล้มเหลวก็มีเช่นกัน
การที่กล่าวหากันว่าคุณทักษิณใช้เงินทำงานการเมือง ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงในบางส่วน
คือ คนที่จะทำงานการเมืองก็ควรมีความพร้อมทางด้านเศรษฐกิจ
มิใช่มาทำงานการเมืองเพื่อมายึดเป็นอาชีพหลักอาชีพเดียวแล้วก็ต้องมาทำงานรับใช้กลุ่มทุนที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
แต่ในอีกด้านหนึ่งซึ่งเป็นส่วนสำคัญก็คือพรรคของคุณทักษิณได้ใช้แนวทางนโยบายเป็นหลักในการรณรงค์หาเสียง
จนได้รับความนิยมจากประชาชนส่วนใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองของไทย
แม้ว่าภายหลังจะถูกขบวนการของพระราชาล้มล้างด้วยขบวนการรักในหลวง ทหารของพระราชาและศาลของพระเจ้าอยู่หัว
หลายครั้งหลายหนซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ตาม
ก็ยังชนะการเลือกตั้งได้ส.ส.เกินกว่าครึ่งหนึ่งของสภาและยังได้รับความนิยมมากขึ้นทั้งในและนอกประเทศ
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นพรรคสายเจ้าที่ตั้งมานานและมีฐานของข้าราชการที่ฝั่งรากลึกก็ใช้เงินไม่น้อยและจำเป็นต้องใช้เงินมากเป็นพิเศษเพราะไม่มีทั้งผลงานและนโยบายที่สามารถจูงใจประชาชน
ผู้นำพรรคประชาธิปัตย์หลายคนก็ไม่ได้มีฐานะหรือทำธุรกิจมาก่อนแต่กลับมั่งคั่งร่ำรวยจากการทำงานการเมืองเป็นอาชีพ
คำว่าธนกิจการเมือง หรือ ใช้เงินนำหน้าก็คงเป็นเพียงการกล่าวหาของพรรคที่แพ้การเลือกตั้งเพราะไม่มีผลงานและดีแต่พูดเท่านั้นเอง
คำว่าเผด็จการรัฐสภา ก็น่าจะเป็นคำที่ประดิษฐ์ขึ้นมาของพรรคที่แพ้การเลือกตั้ง
เพราะระบอบประชาธิปไตยย่อมต้องถือเสียงข้างมากเป็นหลัก
และก็ไม่มีกฎระเบียบที่ไหนที่จะไปห้ามประชาชนมิให้นิยมพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งจนมีเสียงข้างมากในสภา
ที่จริงการที่มีพรรคการเมืองได้ชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งน่าจะเป็นผลดีต่อระบบพรรคการเมืองและทำให้เกิดการบริหารนโยบายที่ต่อเนื่องซึ่งเป็นพื้นฐานจำเป็นต่อการบริหารประเทศในระยะยาว
คำว่าระบอบทักษิณ ก็เป็นเพียงการสร้างตัวปีศาจขึ้นมา
เพื่อให้เกิดความเกลียดชัง....เพื่อทำลายพรรคการเมืองที่ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจ
และตามด้วยข้อกล่าวหาว่าซื้อเสียง คนชนบทเป็นคนไม่มีคุณภาพ เป็นพวกขายเสียง
บางคนก็อ้างว่าพรรคของทักษิณเอาเงินภาษีที่คนในเมืองเป็นผู้เสียภาษีจำนวนมากไปช่วยแต่คนชนบทซึ่งเป็นความคิดที่แสนจะคับแคบของคนบางคนที่ไม่เคารพหลักสิทธเสรีภาพและความเสมอภาคในระบอบประชาธิปไตย
การที่คุณทักษิณซื้อหุ้นของไอทีวีจากธนาคารไทยพาณิชย์ก็เพื่อต้องการเอาใจสำนักงานทรัพย์สินของกษัตริย์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารไทยพาณิชย์
และสื่อส่วนใหญ่ก็เป็นฝ่ายของเจ้าที่ต้องการทำลายล้างรัฐบาลทักษิณ
ส่วนเรื่องการแปรูปรัฐวิสาหกิจ หรือขายรัฐวิสาหกิจทั้งหมดหรือบางส่วนให้เอกชน
ก็เพื่อลดภาระการลงทุนหรือการเป็นหนี้สาธารณะของรัฐบาลและเป็นเรื่องพิสูจน์มาแล้วทั่วโลกว่าเอกชนหรือมหาชนทำงานได้ดีกว่าภาครัฐ
แม้แต่เวียตนามก็ยังมีนบายแปรรูปรัฐวิสาหกิจ
ในกรณีของอาร์เจนติน่านั้น ข้อเท็จจริงก็คือ
ประเทศอาร์เจนติน่าต้องมีหนี้สินสาธารณะมากเพราะมีรัฐสาหกิจมากมายหลายประเทศ
จนในที่สุดรัฐบาลอาร์เจนติน่าต้องแปรรูปรัฐสาหกิจหรือขายให้เอกชน จึงได้หลุดพ้นจากวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ
จึงเป็นการกล่าวหาที่เป็นเท็จโดยสิ้นเชิง
4.ที่ประเทศไทยไม่เจริญก้าวหน้าก็เป็นเพราะนักการเมืองโกงกิน ไม่ว่านักการเมืองคนนั้นจะเก่งแค่ไหน หรือทำงานได้ดีเพียงใด
ก็ห้ามโกงเด็ดขาด เราจึงสอนเด็กว่า โตขึ้นต้องไม่โกง
การกล่าวหาว่าใครโกงหรือไม่
ก็มีกฎหมายเขียนไว้ชัดเจนซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องมีหลักฐาน มิใช่แค่กล่าวหากันลอยๆ
หรือใช้วาทกรรมว่าทุจริตเชิงนโยบายที่พิสูจน์ไม่ได้ตามหลักกฎหมาย
หรือกล่าวหาว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน ผิดจริยธรรมหรือจรรยาบรรณ
รวมทั้งการตั้งแง่ต่อนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
โดยการตั้งองค์กรอิสระมาตรวจสอบอย่างเข้มงวดเป็นพิเศษ ทั้งกกต. ปปช. ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา
ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาสำหรับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ทำให้มีการเลือกปฏิบัติที่ไม่เสมอภาคต่อนักการเมือง มีผลทำให้นักธุรกิจไม่อยากลงมาสมัครทำงานการเมืองเพื่อสังคมและประเทศชาติ
แต่กลับยกเว้นไม่ให้มีการตรวจสอบกษัตริย์ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจสูงสุดของประเทศ
เข้าลักษณะถี่ลอดตาช้าง ห่างลอดตาเล็น เรื่องหลักเรื่องสำคัญที่สุดกลับไม่ทำ
แต่ไปทำเรื่องรองลงมา ทั้งๆที่มีการตรวจสอบนักการเมืองอย่างถี่ยิบ
ชนิดที่หาคนดีไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว ถ้าเขาคนนั้นไม่ใช่คนของเจ้า
แต่กลับไม่มีการตรวจสอบกษัตริย์ซึ่งทำตัวเป็นนักการเมืองที่ชักใยการเมืองไทยมาโดยตลอด
ถ้าจะถามว่าใครมีผลประโยชน์ทับซ้อนมากที่สุด ก็คงต้องเป็นกษัตริย์
เพราะกษัตริย์เป็นผู้ใช้อำนาจสูงสุด
แถมยังเปิดรับบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศรัยซึ่งอาจจะเข้าข่ายรับสินบน
เพราะรับบริจาคในฐานะที่เป็นกษัตริย์ซึ่งกินเงินเดือนจากภาษีรายได้ของราษฎร ยังไม่นับการให้เครื่องราชย์เป็นการตอบแทนจนมีพระในวัดหลวงถูกจับกุมมาแล้วในข้อหาขายเครื่องราชย์
ถ้าจะถามว่าใครปกปิดทรัพย์สินและหลีกเลี่ยงการเสียภาษีมากที่สุดในประเทศไทย
ก็คงต้องตอบว่าไม่มีใครเกินพระราชาที่ร่ำรวยที่สุดในโลกติดต่อกันหลายปีซ้อน
และมีคนออกมาแก้ตัวว่ามันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน
แต่พระราชาเป็นคนมีอำนาจเบิกจ่ายแต่เพียงผู้เดียว
คงเหมือนกับที่อ้างกันว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน
แต่กษัตริย์ผูกขาดการใช้อำนาจสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว
5.ทักษิณเข้ามาโกงกินจนร่ำรวย
แถมไม่ยอมเสียภาษีตอนขายหุ้นชินคอร์ปให้เทมาเส็คของสิงคโปร์
มันเป็นอย่างนั้นจริงๆหรือ
ก่อนที่คุณทักษิณจะลงมาทำงานการเมืองก็มีฐานะมั่งคั่งมีทรัพย์สินไม่ต่ำกว่าสามหมื่นล้านบาทจัดเป็นมหาเศรษฐีอยู่แล้ว
และธุรกิจหลักของคุณทักษิณก็ยังเป็นสายธุรกิจที่มีกำลังรุ่งโรจน์ทั้งโทรศัพท์เคลื่อนที่และดาวเทียมไทยคม
โดยจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชน
บริษัทในเครือของคุณทักษิณทำกำไรได้ดีราคาหุ้นก็สูงเงินปันผลก็มากจึงเสียภาษีมากในแต่ละปี
ทั้งภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีรายได้
ต่างจากบริษัทของนายสนธิ ลิ้มทองกุลที่ล้มละลาย
ยักยอกถ่ายเทเงินของบริษัทของตนที่เป็นบริษัทมหาชนไปให้บริษัทของลูก
ซึ่งเท่ากับฉ้อโกงประชาชนที่ไปถือหุ้นหรือซื้อหุ้นของบริษัทเครือผู้จัดการ
ทำให้หุ้นมีราคาเท่ากับศูนย์
และคุณทักษิณก็ต้องเสียภาษีเต็มที่ซึ่งต่างจากเครือสำนักงานทรัพย์สินของกษัตริย์ที่ได้รับการยกเว้นภาษีทั้งๆที่ไม่ใช่ของรัฐหรือของสาธารณะ
และผู้ที่มีสิทธิ์เบิกจ่ายหรือใช้จ่ายเงินก็คือกษัตริย์เท่านั้น
โดยที่นิตยสารฟอร์บของสหรัฐก็ยืนยันจากการรวบรวมรายการเฉพาะทรัพย์สินที่ตรวจสอบได้ว่ากษัตริย์ไทยมั่งคั่งร่ำรวยที่สุดในโลกหลายปีติดต่อกันโดยมีทรัพย์มากกว่า
35 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือกว่า1ล้านล้านบาท แต่ก็ยังได้งบประมาณค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูจากรัฐโดยตรงปีละไม่ต่ำกว่าหกพันล้านบาท
มากกว่าราชวงศ์ของอังกฤษกว่าสามเท่า
ไม่นับงบประมาณเพื่อการโฆษณาประชาสัมพันธ์และสารพัดโครงการพระราชดำริ
ทั้งนี้ยังไม่รวมการรับบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศรัยที่มีบรรดาพ่อค้า
ผู้มีตำแหน่งและสมาคมองค์กรต่างๆ พากันเข้าแถวถวายเงินให้เห็นกันแทบทุกวันในข่าวสำนักพระราชวังตอนสองทุ่ม
จึงกลายเป็นว่าคุณทักษิณถูกคนที่ไม่ค่อยเสียภาษีและคนที่โกงประชา ชนกล่าวหาว่าหนีภาษี
ทั้งตัวคุณทักษิณ ครอบครัว บริษัท และพนักงานกว่า 12,000 คน เสียภาษีทุกรูปแบบ ทั้งเงินได้จากเงินปันผล
เงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล รวมถึงค่าสัมปทานต่างๆ ทั้งมือถือ
ดาวเทียม ฯลฯ ปีละหลายหมื่นล้านบาท สิบกว่าปีที่ผ่านมาก็รวมหลายแสนล้านบาท
เป็นผู้จ่ายภาษีรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของประเทศไทย ร่วม 5% ของยอดจัดเก็บของสรรพกร ทำขนาดนี้
ทั้งผู้ก่อตั้งและตัวบริษัทเอง
เป็นผู้เสียภาษีที่รักชาติไม่น้อยกว่าใครที่มาโจมตี (หลายปีก่อนตอนยังทำธุรกิจ
คุณทักษิณเคยเป็นบุคคลที่เสียภาษีสูงสุดของไทยปีละหลายร้อนล้านบาทหลายปี) กลุ่มบริษัทชินคอร์ปฯ ก็ได้ชื่อว่า
เป็นบริษัทดีเด่นของไทย มูลค่าทางตลาดรวมในตลาดหลักทรัพย์ กว่า 350,000 ล้านบาท
เท่ากับ 7% ของทั้งตลาดหุ้นไทย
เป็นหนึ่งในสามบริษัทไทยที่ติด 500
อันดับแรกของบริษัทใหญ่ที่สุดในโลกที่จัดโดยนิตยสารฟอร์จูน
(อีกสองบริษัทคือปูนซีเมนต์ไทยและปตท)
ได้รับรางวัลจากตลาดหลักทรัพย์ไทยและสถาบันการเงินระหว่างประเทศจำนวนมาก
ในความดีเด่นในแง่ผู้บริหาร การจัดการ ธรรมธิบาล การรายงานการเงิน
ความเชื่อถือทางการเงิน (เครดิตทางการเงินของเอไอเอส ในเครือชินคอร์ปฯคอร์ป
สูงกว่าของรัฐบาลไทย) ทำได้ขนาดนี้
ต้องมีความสามารถและจริยธรรมเพียงพอแน่
ส่วนที่มีการกล่าวหาเรื่องแอมเพิลริชก็เป็นเพียงบริษัทที่มีหน้าที่เป็นเพียงผู้ถือหุ้นชินคอร์ปเฉยๆ
ไม่ได้มีกิจการค้าขายธุรกรรมอื่น ไม่มีรายได้ในไทย
หรือในประเทศใด จึงไม่มีภาษีเงินได้นิติบุคคลให้เสียในประเทศใด
ขณะที่หุ้นชินคอร์ปที่ถืออยู่ เป็นของครอบครัวชินวัตรตั้งแต่ต้น
สามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้โดยไม่เสียภาษีอยู่แล้ว
จึงไม่มีประโยชน์ใดๆที่จะตั้งแอมเพิลริชเพื่อการหลีกเลี่ยงภาษี ซ่อนหรือฟอกเงินหรือทรัพย์สินใดๆ บริษัทประกันภัย
ธนาคารชั้นนำของโลกเกือบทุกราย รวมถึงหลายแห่งของไทย
ก็มีบริษัทนอกอาณาเขตในแหล่งหลักๆเช่น บีวีไอ บาฮามา เคย์แมน ฯลฯ ก็ไม่ได้แปลว่าทุกคนผิดกฎหมาย
หรือกรณีว่าบัญชีธนาคารในประเทศสวิสเซอร์แลนด์
ขึ้นชื่อว่ามีอาชญากรจำนวนมากเปิดบัญชีใช้ฝากเงินผิดกฎหมาย
อย่างที่เห็นบ่อยๆในภาพยนตร์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่ไปเปิดบัญชีที่สวิสจะต้องเป็นพวกอาชญากรทั้งหมดกันทุกคน
และหุ้นชินคอร์ป ก็อยู่ในทะเบียนกระทรวงพาณิชย์และตลาดหลักทรัพย์
ไม่ใช่เงินสกปรกที่ฟอกได้
สะกิดเสื้อแดง
ในขณะที่คนเสื้อแดงบางส่วนก็เริ่มไม่พอใจรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ด้วยเหตุผลใหญ่ คือ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น