วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ไม่เชื่อ ต้องลบหลู่ - Contemptible Beliefs


ฟังเสียงพร้อมเพลงประกอบ : http://www.4shared.com/mp3/TwAxGV3b/Contemptible_Beliefs_.html

http://www.mediafire.com/listen/wnttx47x3mm0i4p/Contemptible_Beliefs_.mp3

ไม่เชื่อ ต้องลบหลู่
Contemptible Beliefs

ระบอบโรงลิเกไทย
พิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ 9
มรดกตกทอดระบอบการปกครองแบบโบราณของไทยก็คือ การออกแบบรัฐแบบนาฏกรรม คือจัดการปกครองให้เหมือนโรงลิเก ที่ต้องแสดงความยิ่งใหญ่ ความรุ่งเรือง บารมีอันเปี่ยมล้นและพลังอำนาจ การอุปถัมภ์ค้ำจุน อันมีกษัตริย์ผู้เปรียบเสมือนราชาแห่งเทพ เป็นศูนย์กลางของจักรวาล  เพื่อเป็นการยืนยันกฎระเบียบอันเข้มงวดที่ทำให้ประชาชนในฐานะพสกนิกรมีความอุ่นใจได้ว่าจะสามารถมีชีวิตอย่างมั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลง และมีสุขทุกข์ตามสถานภาพของตนเอง โดยไม่ต้องมีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน
 

ลูกหลานสมเด็จเจ้าพระยามหาประยูรวงศ์(ดิศ บุนนาค)
การเป็นลูกท่านหลานเธอที่มาจากขุนนางตระกูลต่างๆ ซึ่งมีอำนาจของตัวเอง โดยกษัตริย์จำต้องประนีประนอมด้วย พวกขุนนางจึงเป็นหอกข้างแคร่ของกษัตริย์เสมอ ไม่มีก็ไม่ได้ มีก็ต้องระวังตัวทุกฝีก้าว นอกจากนี้ กษัตริย์ไม่มีกองทัพประจำการ ไม่ได้คุมกลไกอำนาจรัฐทั้งหมดอย่างแท้จริงสักอย่าง เพียงแต่อาศัยความสวามิภักดิ์จากขุนนางและประเทศราชหัวเมืองต่างๆ ดังนั้นจึงต้องอาศัยอำนาจทางพิธีการเชิงสัญลักษณ์ คือพระราชพิธีต่างๆ ดังที่ได้บัญญัติไว้ในกฎมณเฑียรบาลของกฎหมายตราสามดวงไว้อย่างเคร่งครัดเหมือนเป็นกฎหมาย


กระบวนแห่พระบรมอัฐิรัชกาลที่ 5
ขบวนแห่ถือเป็นพิธีการที่ต้องเคร่งครัดเพื่อแสดงถึงความมั่งคั่งหรูหราอุดมสมบูรณ์ ทุกคนแต่งเต็มยศ แม้แต่ไพร่เลวที่ถูกเกณฑ์เข้าขบวน ก็ยังสวมเสื้อสีต่างๆ อันเป็นหน้าที่ของคลังศุภรัตน์ต้องจัดหาให้ ยกสถานภาพอันสูงสุดของกษัตริย์หรือตัวแทน หรือพระโกศ พระราชยานที่ตั้งอยู่กึ่งกลางขบวนค่อนไปข้างหน้า แวดล้อมด้วยไพร่พลหน้าหลัง มีเครื่องยศล้อมหน้าหลัง โดยจัดตำแหน่งในขบวนให้ใกล้ไกลจากกษัตริย์ตามลำดับชั้นของขุนนางและพระบรมวงศานุวงศ์ ตามสถานภาพของแต่ละคน พีธีรีตองนี้ช่วยตอกย้ำระเบียบทางสังคมของรัฐโบราณที่ถือลำดับชั้นบนพื้นฐานของความไม่เสมอภาคอันเป็นกฎระเบียบสังคมโบราณ

รัชกาลที่ 5 ผู้สถาปนาระบอบรวมศูนย์อำนาจ
กษัตริย์ไทยที่ได้รวมศูนย์มาไว้ที่ตนเองก็คือรัชกาลที่ 5 ที่ยกเลิกระบอบเจ้าผู้ครองนคร มาเป็นการแต่งตั้งขุนนางจากส่วนกลางซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นพระญาติพระวงศ์ที่ผลิตไว้มากมายตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 รวมกับรัชกาลที่ 5 ที่ปกครองประเทศนานถึง 42 ปี



องคมนตรีคือการฟื้นคืนระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
คณะ ราษฎรได้ยึดอำนาจจากกษัตริย์และพยายามยกเลิกพิธีกรรมรวมทั้งยศถาบรรดาศักดิ์และราชาศัพท์ แต่ฝ่ายกษัตริย์ได้อาศัยความแตกแยกในคณะราษฎรจากการรัฐประหาร 2490 โดยการฟื้นคืนอำนาจของกษัตริย์และการบัญญัติให้มีอภิรัฐมนตรีที่ต่อมาเรียกว่าองคมนตรี ต่อมาได้มีการรื้อฟื้นพิธีการเชิดชูกษัตริย์อย่างเต็มที่ในสมัยสฤษดิ์และในสมัยพลเอกเปรม จนมาเป็นประเพณีการโฆษณาสถาบันกษัตริย์ในหลายรูปแบบ ทั้งโครงการพระราชดำริ การเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศรัย พ่อของแผ่นดิน คีตราชันย์ เรารักในหลวง พระเสโท การเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสต่างๆ เพื่อสร้างความรัก ความหลงและความคลั่งไคล้ในสถาบันกษัตริย์โดยมีกฏหมายอาญามาตรา 112 เป็นเครื่องมือปิดปากไม่ให้ประชาชนตั้งคำถาม หรือข้อสงสัยในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ที่ขัดแย้งต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยทั้งด้านหลักการและตัวบุคคล ไม่ว่ากษัตริย์จะทำดีหรือทำชั่วแค่ไหนเพียงใด ประชาชนก็มีหน้าที่ต้องยกย่องสรรเสริญให้เป็นยิ่งกว่าเทพเจ้าหรือพระพุทธเจ้า


พันธมารปกป้องในหลวงอย่างบ้าคลั่ง
เราจึงได้เห็นได้ยินได้ชมแต่ภาพด้านเดียวของกษัตริย์ที่เป็นทั้งธรรมราชาผู้ทรงคุณธรรมตามคติแบบพุทธและเป็นเทวราชแบบพราหมณ์ผสมปนเปกันไป กลายเป็นพระมหากษัตริย์สุดยอด หรือราชาแห่งราชันย์แบบไทยที่ไม่เคยมีในที่ใดมาก่อน กลายเป็นมหาอุปรากร หรือโรงลิเกที่สุดแสนอลังการงานสร้าง ที่กลายเป็นความภูมิใจของคนไทยที่มีแต่ความจงรักภักดีแบบไม่มีเหตุผล
กษัตริย์ไทยจึงไม่ใช่กษัตริย์ธรรมดาอีกต่อไป แต่เป็นอภิพระมหากษัตริย์ ที่เป็นสัญลักษณ์ เป็นศักดิ์ศรีเป็นความยิ่งใหญ่ของประเทศ ที่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนอย่างมโหฬารในทุกทาง เพื่อให้เป็นลิเกที่น่าตื่นตาตื่นใจและประทับใจไปอีกนาน
นายกยิ่งลักษณ์จัดระดมคนมาถวายพระพรเหมือนนายกทักษิณ
แม้แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ยังต้องจัดงบประมาณปี 2557 ในยุทธ ศาสตร์ ที่ 2  :  ความมั่นคงแห่งรัฐ  2.1 การเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ จำนวน 13,670.8 ล้านบาท  เพื่อเทิดทูน พิทักษ์ และธำรงไว้ซึ่ง
สถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ให้มีผู้ใดล่วงละเมิด ส่งเสริมการสร้างจิตสำนึกให้มีความจงรักภักดี เทิดทูน และปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดจนส่งเสริมและเผยแพร่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ แต่ก็ไม่มีสส.คนใดกล้าอภิปรายการใช้งบที่ไม่จำเป็นและไม่เกิดประโยชน์ที่แท้จริงต่อประชาชนและไม่สอดคล้องกับหลักการในระบอบประชาธิปไตยแม้แต่น้อย
โรงลิเกไทยที่ไม่ธรรมดา

รวมพลคนเสื้อเหลืองรักในหลวงสำแดงพระบารมี
ระบอบการปกครองที่เชิดชูหลักการสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของไทย มิใช่แค่จัดการแสดงลิเกให้ประชาชนได้ทราบซึ้งในพระเดชบารมีและพระมหากรุณาธิคุณ แต่ยังได้พยายามทำให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมหรือเป็นผู้แสดง เพราะการแสดงเพียงอย่างเดียว ไม่ว่าจะจัดให้ใหญ่โตเพริศแพร้วเพียงใด ก็ยังไม่อาจทำให้รัฐนั้นเป็นรัฐนาฏกรรมหรือระบอบโรงลิเกขึ้นมาได้


หนังเรื่องสุริโยไท เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวร หรือละครเวทีเรื่องอานุภาพพ่อขุนรามคำแหง ก็เป็นการแสดง ที่รัฐต้องการสื่อสารบางอย่างเพื่อให้ประชาชนซาบซึ้งใจ หรือได้รับแรงบันดาลใจ แต่ประชาชนเป็นเพียงผู้ชมเท่านั้น ไม่ต่างจากการไปดูหนังดูละครหรือดูการแสดงดนตรีโดยทั่วไป เมื่อดูแล้วก็อาจมีการประเมินที่แตกต่างกัน


พิธีฉลองครองราชย์กษัตริย์ภูมิพล
ระบอบโรงลิเกแบบไทยจึงต้องทำให้ประชาชนมีความรู้สึกร่วม คือเป็นผู้ร่วมแสดงไปด้วย เหมือนแฟนละครที่เคลิบเคลิ้มไปกับบทละคร โดยลืมไปว่านั่นเป็นแค่ละคร ผู้ชมก็อาจเข้าไปร่วมในการแสดงได้ตลอดเวลา เช่น ตะโกนด่าตัวโกง หรือร้องอื้ออึงให้แก่ชัยชนะของฝ่ายคนดี และนี่คือรสชาติที่สำคัญส่วนหนึ่งของการชมการแสดง ซึ่งมักเล่นเรื่องซ้ำซากที่ใครๆ ก็รู้เรื่องหมดแล้ว



สื่อมวลชนพยายามเผยแพร่ความซาบซึ้งแนวละครดราม่า
เมื่อมีพิธีฉลองการขึ้นครองราชย์ครบ 60 ปีของกษัตริย์ภูมิพล สื่อได้เสนอภาพผู้เข้าเฝ้าในวันนั้นแสดงอาการร้องห่มร้องไห้เป็นภาพที่กล้อง ทีวีพยายามเจาะลงไปให้ผู้ชมได้เห็น รวมทั้งไปสัมภาษณ์ประชาชนผู้เข้าเฝ้า



รัฐนาฏกรรมหรือระบอบโรงลิเกไทยเน้นความบ้าคลั่งไร้สติ
ซึ่งหลายคนก็ให้สัมภาษณ์พร้อมกับสะอึกสะอื้นไปด้วย เช่นเดียวประชาชนที่เฝ้ารอรับเสด็จที่โรงพยาบาลศิริราชที่กษัตริย์ภูมิพล อาศัยเป็นที่รักษาอาการป่วยเรื้อรังและเป็นกองบัญชาการมาหลายปี ที่มักแสดงอาการตื้นตันใจ กลายเป็นผู้ร่วมแสดงลิเกไทยไปด้วย อาจเป็นเพราะส่วน
ใหญ่ของคนไทยปัจจุบันล้วนมีชีวิตอยู่ในรัชสมัยของกษัตริย์ ภูมิพล และ สื่อต่างๆ ก็เสนอภาพของชีวิตในสังคมไทยที่มีแต่กษัตริย์ภูมิพลเป็นศูนย์กลางนับตั้งแต่ ปี 2500 เป็นต้นมา การได้เข้าเฝ้าชมพระบารมี จึงย่อมนำความปลาบปลื้มปีติเป็นธรรมดา 


พิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรวันเกิดกษัตริย์ภูมิพล
แต่รัฐนาฏกรรมหรือระบอบโรงลิเกขนานแท้นั้นต้องทำให้ทุกคนร่วมอยู่ในละคร เรื่องเดียวกัน ทุกคนเป็นทั้งผู้ชมและผู้แสดง ที่บังคับให้ทุกคนมีส่วนร่วมสวมบทบาทต่างๆ แยกออกจากกันไม่ได้ มิเช่นนั้นก็จะเป็นระบอบโรงลิเกที่สมบูรณ์ไม่ได้
ถ้าไม่มีระบอบโรงลิเก อำนาจทั้งหลายในรัฐก็จะกลายเป็นอำนาจเถื่อน เพราะอำนาจนั้นหากไม่ผูกโยงกับท้องเรื่องในละครแล้ว ก็จะกลายเป็นแต่เพียงอำนาจดิบซึ่งจะดำรงอยู่อย่างยั่งยืนไม่ได้

ราชินีอลิซาเบธในพิธีฉลองครองราชย์ครบ 60 ปี
แต่รัฐนาฏกรรมหรือระบอบโรงลิเกจะดำรงอยู่ได้ ก็ต่อเมื่อทุกคนในรัฐต่างยอมรับท้องเรื่องหลักของละครเป็นพื้นฐานความคิดของตนเอง เพราะถ้ามันไม่ซึมทราบลงไปในจิตสำนึกของผู้คนแล้ว ระบอบโรงลิเกก็จะกลายเป็นเพียงแค่การจัดการแสดงของรัฐ และไม่มีอำนาจครอบงำสังคมอีกต่อไป 

4มิย.2555 ขบวนเรือ 1000 ลำ ร่วมฉลอง
ทาง 40 กิโลเมตรในแม่น้ำเทมส์
ดังเช่นการฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระราชินีอังกฤษ ที่มีการแสดงที่ตระการตาและมีผู้คนเข้าชมกันมืดฟ้ามัวดินเช่นเดียวกัน แต่ไม่มีใครน้ำตาไหลร้องห่มร้องไห้ เพราะประเทศอังกฤษไม่ได้ใช้ระบอบโรงลิเกในการครอบงำความคิดของประชาชน ตรงกันข้ามกับรัฐไทยที่พยายามยัดเยียด ครอบงำความคิดของประชาชนให้มันเกิดความปลาบปลื้มซาบซึ้งสะเทือนใจจนน้ำตา ไหลพรากอันเป็นฉากสำคัญที่จะขาดเสียมิได้ของระบอบโรงลิเกที่สมบูรณ์แบบไทยๆ

พิธีแห่พระเมรุ ที่บาหลี ในปี 2445
ในสมัยยุคอาณานิคม ก่อนหน้าที่บาหลีจะตกเป็นของฮอลันดา พระราชาผู้ครองรัฐแห่งหนึ่ง (กิอันจาร์ Raja of  Gianyar ) สวรรคตลง จึงต้องมีการจัดงานพระเมรุใหญ่ขึ้นที่ลานพิธีใกล้พระราชวัง มีชาวบาหลีเดินทางมาร่วมพิธี มืดฟ้ามัวดิน ขบวนแห่พระศพใหญ่โตมโหฬาร พระเมรุสูงใหญ่ถึง 11 ชั้น ต้องใช้กำลังคนถึง 500 ในการเคลื่อนตัวพระเมรุมาศเพื่อมารับพระศพ ที่ต้องชักข้ามกำแพงวังออกมาประดิษฐาน แล้วยกเอาพระเมรุมาศไปตั้งในมณฑลพิธี
พิธีสตี(suttee) ภรรยาโดดลงกองไฟตามศพของสามี
เบื้องหลังพระเมรุใหญ่มีพระเมรุเล็กและไม่โอ่อ่าตามมา มีสนมสามคนอยู่ในนั้น ต่างอาสาสมัครหรือถูกเลือกให้เป็นสตี (Suttee) หรือพลีในภาษาแขกแบบไทย พอได้เวลาก็ชักพระศพลงจากชั้นยอดสุดลงมาบรรจุไว้ในหีบศพที่ทำเป็นรูปสิงห์ แล้วเริ่มพิธีเผา พอโหมไฟได้ที่แล้ว ก็เอาน้ำมันราดลงในกองเพลิงนั้น จนไฟลุกไหม้โชติช่วง หญิงทั้งสามคนก็เดินบนสะพานไม้จากห้องเมรุของตนแล้วก็กระโดดลงกองไฟตามเสด็จ ไป ด้วยอาการสงบ มีญาติพี่น้องจำนวนมากตามมาส่งอย่างใกล้ชิด และต่างก็อยู่ในอาการสงบเช่นเดียวกัน แม้แต่ชาวบาหลีที่เข้าร่วมงานก็ไม่ได้ส่งเสียงร้องด้วยความหวาดเสียวแต่ อย่างใด ทุกคนอยู่ในอาการสงบทั้งหมด เป็นอันเสร็จพิธี ชาวบาหลีที่มากันมืดฟ้ามัวดินไม่ใช่มาชมพิธีแบบพวกนักท่องเที่ยว แต่พากันไปเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสด็จพระอวตารกลับสู่ความเป็นพระเจ้าบน สรวงสวรรค์



อะไรคือความเป็นไทย

คิงมงกุฏหรือรัชกาลที่ 4 ผู้ริเริ่มความเป็นไทย
ความเป็นไทยอย่างที่เรารู้จักในทุกวันนี้ เพิ่งมีกำเนิดและปลูกฝังกันไม่นานมานี้เองไม่เกินรัชกาลที่ 4 เป็นต้นมา เนื่องจากกลัวภัยคุกคามด้านวัฒนธรรมบางอย่าง มีความเป็นไทยที่เหมือนฝรั่งแต่ไม่เป็นฝรั่งที่ยังคงดำเนินต่อมาและเข้มข้นมากขึ้นในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 7   แต่การคุกคามของฝรั่งได้ขยายเข้ามาสู่วัฒนธรรมทางการเมืองด้วย

เหล่าเสนาบดีในรัชกาลที่ 5 ที่เริ่มไปเรียนยุโรป
นั่นคือแนวคิดประชา ธิปไตยได้ขยายผ่านนักเรียนนอกเข้ามาสู่เมืองไทย ความเป็นไทยจึงต้องตั้งตัวเป็นศัตรูกับระบอบปาลีเมนต์หรือรัฐสภา เพราะมันไม่เหมาะกับเมืองไทย ความเป็นไทยไม่ได้มีความหมายถึงวัฒนธรรมประเพณีเท่านั้น แต่รวมถึงการยอมรับอำนาจการนำของสถาบันกษัตริย์ด้วย หากไม่ยอมรับก็เท่ากับเลยความเป็นไทย กลายเป็นฝรั่งไปเลย

ทหารไทย ถึงฝรั่งเศส ปี 2461 ใต้บัญชาการนายพลเปแตง
แม้ว่ารัชกาลที่
6 จะตัดสินใจเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 กับฝ่ายพันธมิตรซึ่งโฆษณาให้เป็นการต่อสู้ระหว่างประชาธิปไตยกับสมบูรณาญาสิทธิ์ แต่รัชกาลที่ 6 ก็เปลี่ยนให้กลายเป็นสงครามระหว่างฝ่ายธรรมะกับฝ่ายอธรรม เป็นเรื่องของคนดีต่อสู้กับคนไม่ดี และได้กลายเป็นแบบอย่างแก่นักต่อต้านประชาธิปไตยในรุ่นหลังสืบมา คือประชาธิปไตยเปิดโอกาสให้คนไม่ดีได้ปกครอง จึงต้องยอมรับการปกครองที่เป็นประชาธิปไตยน้อยหน่อย เพื่อกีดกันคนไม่ดีมิให้ได้อำนาจอย่างที่กษัตริย์ภูมิพลและพรรคแมลงสาปรวมทั้งพวกเครือข่ายกษัตริย์ชอบนำมาอ้างอยู่เป็นประจำ


ร. 6 วาทกรรมชาติ ศาสน์ กษัตริย์
ความเป็นไทยก็คือเครื่องมือของระบอบกษัตริย์ไทยที่ใช้กีดกันคนที่พวกเขาไม่ต้องการให้ล่วงล้ำเข้ามาในพื้นที่การเมือง เช่น พวกเจ๊ก หรือพวกหัวเสรีนิยมฝรั่งเกินไป หรือหัวเอียงซ้ายเป็นคอมมิวนิสต์ ซึ่งไม่นับรวมอยู่ในความเป็นไทย แต่ไทยก็ต้องพึ่งฝรั่งตลอดทั้งในทางเศรษฐกิจ ทางวัฒนธรรม และการศึกษา รวมทั้งตลาดส่งออก และเทคโนโลยีของฝรั่งมาแต่ไหนแต่ไร ต้องกู้ยืมเงินหรือขอจากฝรั่งเพื่อการพัฒนาประเทศ นับตั้งแต่นำมาสร้างทางรถไฟในสมัยรัชกาลที่ 5 มาจนถึงการสร้างเขื่อนและถนนหนทางในสมัยต่อมา โดยเฉพาะในช่วงสงครามเย็นต่อต้านคอมมิวนิสต์ ยิ่งมีความจำเป็นต้องพึ่งพาฝรั่งมากยิ่งขึ้น ต้องยอมเป็นลูกน้องฝรั่งอย่างศิโรราบ         
แต่ไม่ว่าไทยจำเป็นต้องพึ่งฝรั่งสักเพียงใด เราก็ยังเป็นไทยอยู่ได้เพราะเรามีสถาบันกษัตริย์ และตราบเท่าที่เรายังมีสถาบันกษัตริย์
  เราจะเหมือนฝรั่งหรือพึ่งพาฝรั่งอย่างไรก็ได้

ใครคือคนไทย

คนไทยไม่ทิ้งกัน คำขวัญ
ช่วงน้ำท่วมปลายปี 2554
ใครคือคนไทย เพราะคนที่ถือสัญชาติไทยที่มีเชื้อสายจีน เชื้อสายมลายูในภาคใต้ เชื้อสายลาว เขมร เชียงใหม่ล้านนา ก็มีมากมาย
ในสายตาของคนบางคนอาจไม่ถือว่าพวกเสื้อแดงที่ต้องตายและบาดเจ็บที่ราชประสงค์มีความสำคัญน้อยกว่าอาคารเซ็นทรัลเวิร์ลที่ถูกเผาเสียอีก
คนไทยเป็นเจ้าของประเทศไทยไม่เท่ากัน มาตั้งแต่เริ่มมีการปลุกความรักชาติ ในสมัย รัชกาลที่
6
ซึ่งท่านทรงเขียนไว้ชัดเจนว่า ชาติหมายถึงกลุ่มคนที่อยู่ร่วมกัน มีวัฒนธรรมเช่นภาษาอันเดียวกัน ผ่านประสบการณ์ในอดีตมาร่วมกัน และมีระบบค่านิยมคือนับถืออะไรที่เหมือนกัน


คนไทยภาคอีสานถือว่าตนมีเชื้อสายลาว
แต่ในทางภูมิศาสตร์ คนที่มาอยู่ร่วมกันในราชอาณาจักรสยาม-ไทย ไม่ได้สมัครใจมาอยู่ภายใต้ร่มธงเดียวกัน เพราะราชอาณาจักรก็เพิ่งเกิดขึ้น หลังจากยื้อแย่งดินแดนกับฝรั่ง แม้แต่ธงชาติก็เพิ่งคิดขึ้นไม่นาน คนอีสานสมัยนั้นถือว่าตนมีเชื้อสายลาว เชียงใหม่ก็เป็นเมืองใหญ่มาก่อนกรุงเทพ มีชนส่วนน้อยที่อาศัยอยู่บนที่สูงต่างพากันอพยพลงมาตั้งทำกินในที่ราบโดยไม่ได้สนใจว่าเป็นราชอาณาจักรของใคร คนเชื้อสายเขมรในบุรีรัมย์-สุรินทร์-ศรีสะเกษสมัยนั้นยังพูดไทยไม่ได้ คนจังหวัดจันทบุรี ก็พูดภาษาชอง ทั้งนี้ยังไม่นับชาวมลายูในภาคใต้ที่พูดภาษายาวีหรือมลายูปัตตานี และชาวกะเหรี่ยงซึ่งกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปตามป่าเขาในภาคเหนือและภาคกลาง

อันที่จริง เขตแดนของรัฐสมัยใหม่ไม่ได้เกิดขึ้นจากจิตสำนึกร่วมกันของพลเมือง แต่เกิดขึ้นจากเหตุผลทางการเมืองระหว่างประเทศ ส่วนใหญ่ของราษฎรในสมัยรัชกาลที่
6 พูดภาษากรุงเทพไม่เป็น และมักจะฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง จะอ้างว่าใช้ภาษาในตระกูลไทหรือไตด้วยกัน ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะคนในยูนนาน กวางสี  ตังเกี๋ย ลาว พม่า อินเดีย และบางส่วนในรัฐมลายูก็ใช้ภาษาตระกูลไต

คนไทยต้องรักสถาบันกษัตริย์ตลอดไป
เนื่องจากหาหลักเกณฑ์อะไรไม่ได้ จึงต้องมาเน้นกันที่ส่วนลึกในจิตใจคือค่านิยม เกณฑ์ง่ายๆ ของ รัชกาลที่
6 ก็คือ คนไทยต้องนับถือองค์พระมหากษัตริย์เป็นผู้นำของตน คือประเทศไทยเป็นของกษัตริย์ ความเป็นคนไทยจึงไม่เกี่ยวกับเชื้อชาติหรือสัญชาติ แต่เกี่ยวกับความจงรักภักดีต่างหาก ดังนั้น คนที่ไม่ใช่คนไทยจึงหมายถึงคนที่ถูกสงสัยในความภักดีต่อพระมหากษัตริย์ รัฐบาลไทยนับตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 เป็นต้นมา จึงใช้นโยบายทั้งไม้นวมและไม้แข็ง เพื่อให้ประชาชนทั้งหมดยึดมั่นในความจงรักภักดีต่อกษัตริย์ อันเป็นคุณสมบัติพื้นฐานสำคัญของความเป็นคนไทย ซึ่งก็คือการไม่ยอมรับความเสมอภาค และต้องรู้จักที่ต่ำที่สูง

ชาวไทยภูเขา ชนชาติลั้วะ
คุณจะเป็นเจ๊กเป็นจีน เป็นแขกเป็นมอญ เป็นฝรั่งมังค่า เป็นม้งเป็นเย้าอะไรก็ตาม คุณคือคนไทย หากคุณยอมรับในความไม่เสมอภาคให้เป็นหลักการที่จะอยู่ร่วมกันได้โดยสงบ
ชีวิตและสวัสดิภาพของคนเสื้อแดงมีความสำคัญน้อย เพราะคนเสื้อแดงแสดงตัวว่าไม่ใช่คนไทยที่ยอมรับความเหลื่อมล้ำ

เยี่ยมเยียนราษฎรมุสลิมภาคใต้
ส่วนชีวิตของชาวไทยเชื้อสายมลายูมุสลิมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ยิ่งด้อยความสำคัญลงไปอีก เพราะเขาแข็งข้อต่อความเหลื่อมล้ำอยุติธรรมซึ่งเป็นพื้นฐานของความเป็นคนไทย อุดมการณ์ของพวกสลิ่มและพวกเสื้อเหลืองรวมทั้งผู้สนับสนุน คืออุดมการณ์ของความเป็นไทย ที่ไม่เท่าเทียมกัน ศาลและกองทัพ ต้องช่วยกันล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่ความเป็นไทยกำลังถูกท้าทายอย่างหนักจากคนเสื้อแดง ความขัดแย้งที่เราเผชิญอยู่เวลานี้คือการปะทะกันอย่างหนักเป็นครั้งแรกในประเทศนี้ระหว่างความเป็นไทยกับความเสมอภาค
ความเป็นไทยที่ยืดมั่นอยู่ในหลักการของความไม่เสมอภาค ได้พัฒนาสั่งสมกันมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่
6 มีความชัดเจนและครอบคลุมไปทั่ว ทั้งในการศึกษาทุกชนิดรวมทั้งสื่อทุกชนิดมานาน จึงสามารถดึงดูดการสนับสนุนจากคนมีการศึกษาซึ่งกระจุกตัวในเขตเมืองได้มาก รวมทั้งที่ทำงานอยู่ในสื่อต่างๆ ด้วย

คนดีแบบไทยๆ

สนธิ ลิ้มทองกุล กู้ชาติถวายกษัตริย์ภูมิพล

ในประเทศไทย ถ้าหากคุณเป็นคนดีแล้วคุณทำอะไรก็ไม่ผิด
เป็นคนดีที่รักในหลวง สามารถเชียร์ให้ทหารออกมายึดอำนาจ
เชียร์ให้ศาลรัดทำมะนวยยุบพรรคที่ประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุน
เชียร์ให้ตำรวจจับคนที่พูดความจริงที่มันไปพาดพิงถึงในหลวง
คนดีย่อมใช้วาจาหยาบคายต่อคนไม่ดีได้อย่างไม่มีขีดจำกัด เพราะการกระทำของคนดีย่อมอยู่เหนือกฎหมาย อยู่เหนือกฎเกณฑ์ อยู่เหนือระเบียบ อยู่เหนือจรรยาบรรณ
เพราะเพียงแค่เป็นคนดีก็เพียงพอแล้วสำหรับการใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย

คุณสมบัติของคนดีนั้นไม่ได้ต้องการอะไรมาก หลักๆก็คือต้องจงรักภักดี ต้องทำดีเพื่อพ่อ ต้องปกป้องกษัตริย์ภูมิพลในทุกกรณี ต้องคอยสอดส่องไม่ให้ใครเสนอข้อเท็จจริงที่มันไม่ส่งเสริมพระเกียรติยศ ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็สำคัญรองลงมา เช่น  ให้รักธรรมชาติ ต่อต้านโลกร้อน นั่งสมาธิสวดมนต์ภวนา    แต่คนดีคนรักธรรมชาติ ที่นั่งสมาธินี้ หากต้องไปเผชิญหน้ากับคนไม่ดี แล้วล่ะก็ เขาว่า ตาย เป็นตาย ถึงไหนถึงกัน ไม่ต้องมีความเมตตาปรานีใดๆเลย




นายอภิสิทธิ์ตั้งคณะปฏิรูปนายประเทศ มีอานันท์ ปันยารชุน
ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ประเวศ วะสี
มรว.อคิน รพีพัฒน์ เมื่อ 17 มิ.ย.
2553
คนดีพวกนี้เชื่อว่าวิธีที่จะทำให้โลกนี้ดีขึ้นมีวิธีการเดียวคือ ขจัดคนไม่ดีออกไป ง่ายๆแค่นี้แหละ ถ้าโลกนี้เหลือแต่คนดี อะไรๆมันก็จะดีขึ้นเองโดยอัตโนมัติ การขจัดคนไม่ดีอย่างมีเมตตาก็คือไล่คนไม่ดีออกไปซะ ถือว่าเปิดโอกาสให้เลือก ถ้าคิดว่าอยู่ประเทศไทยไม่ได้ก็ออกไปสิวะ
หากคนไม่ดียืนยันว่าตนเองมีสิทธิจะอยู่ในประเทศไทยโดยไม่จำเป็นต้องเป็นคนดี  บรรดาคนดีก็จะเริ่มใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด นั่นคือปลุกระดมให้สังคมเห็นว่า คนไม่ดีนั้นน่ารังเกียจเดียดฉันท์ เป็นเสนียดจัญไร จะนำมาซึ่งความเสื่อม ความตกต่ำแก่ทุกภาคส่วน เป็นตัวทรยศ ทำลายชาติ ดังนั้น ผองเราจงช่วยกันกำจัดคนพรรค์นี้ออกไป และทำได้ทุกวิธีไม่มีข้อจำกัด
วิธีคิดแบบนี้คล้ายๆ กับยุคหนึ่งที่เชื่อว่า ถ้าอยากแก้ปัญหาความยากจนก็แค่จับคนจนไปทำหมันให้หมด อย่าได้ออกลูกออกหลานสืบทอดความยากจนต่อไป ทำต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ก็จะเหลือแต่คนมั่งมีเท่านั้นที่สืบสายพันธุ์ต่อไปได้  ปัญหาความยากจนแก้ได้ง่ายๆ แค่นี้เอง


19 กย. 2549 กษัตริย์ภูมิพลแสดงตัวสนับสนุนกบฏคปค.เต็มที่
แต่การรัฐประหาร
2549 ได้ช่วยไขปริศนาการเมืองไทยได้หลายประการ
ก่อนการรัฐประหาร 2549 เราเชื่อว่า ประเทศไทยยังเป็นประเทศด้อยพัฒนา และยากจน เพราะ
- คนไทยโดยธรรมชาติ เป็นคนขี้เกียจ ไม่กระตือรือร้น ไม่มีระเบียบวินัย ขาดความอดทน
- ระบบราชการที่ใหญ่โต เทอะทะ ไร้ประสิทธิภาพ 
- ประชากรส่วนใหญ่ของไทยยากจน ไร้การศึกษา 
- นักการเมืองคอร์รัปชั่น เข้ามาทำงานการเมืองเพื่อแสวงหาผลประโยชน์แก่ตนเองมากกว่าทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ 
- คนดีไม่เล่นการเมือง 
- มีการซื้อสิทธิ์ ขายเสียง 
- เพราะคนจนโง่ นักการเมืองเลว มีระบบอุปถัมภ์ ทำให้ไม่มีประชาธิปไตยที่แท้จริง และเป็นต้นเหตุของความด้อยพัฒนา
ยี่สิบปีที่แล้ว คนไทยเกือบทั้งหมดสิ้นหวังกับอนาคตของประเทศไทย เพราะนึกไม่ออกว่าจะแก้ปัญหานักการเมืองชั่ว กับคนจนและโง่ได้อย่างไร มันดูเป็นปัญหางูกินหาง เพราะคนจนก็เลยขายเสียง เมื่อขายเสียงก็ได้นักการเมืองชั่ว เมื่อมีนักการเมืองชั่วคนก็ไม่หายจน เมื่อไม่หายจนก็ขายเสียง เข้าไปในระบบอุปถัมภ์เหมือนเดิม วนเวียนอยู่อย่างนี้จนเกิดคำว่า วงจรอุบาทว์



กษัตริย์ภูมิเกี่ยวข้าวทุ่งมะขามหย่อง อยุธยา 25 พค. 2555
เราเชื่ออย่างนี้เพราะวรรณกรรมทางการเมืองที่อยู่ในสื่อมวลชน ต่างนำเสนอเค้าโครงเรื่องเช่นนี้ให้เราเห็นได้ยินได้ฟังอย่างซ้ำซากต่อเนื่องมาหลายสิบปี  พอๆ กับคนไทยที่ดูละครหลังข่าวแล้วเชื่อว่าหนทางเดียวที่จะทำให้นางเอกได้กับพระเอกคือต้องโดนพระเอกข่มขืนเท่านั้น
เรามิได้สดุดใจเลยว่า ทำไมประเทศที่พัฒนาแล้วก็ล้วนแต่ผ่านยุคอดอยากยากจนมาเหมือนๆกัน มีคนจนคนโง่ คนไร้การศึกษามากมายเหมือนกัน แต่เหตุไฉนจึงออกจากวงจรอุบาทว์นั้นไปได้ 
จะว่าเกิดมีนักการเมืองพันธุ์ใหม่ อยู่ๆก็อุบัติขึ้นออกมาเป็นนักการเมืองน้ำดี มีคุณธรรม ไม่โกงกิน รักประชาชน รักชาติ รักป่า สนับสนุนกรีนพีซ สนับสนุนสิทธิสตรีมาตั้งแต่เกิดอย่างนั้นหรือ 
แต่ความอัศจรรย์เช่นนั้นมันก็ไม่น่าเป็นไปได้

นายอุทัย พิมพ์ใจชน ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2540
ต่อมาได้มีนักรัฐศาสตร์จำนวนหนึ่งที่เห็นว่า การแก้ไขที่โครงสร้างความสัมพันธ์ของสถาบันการเมืองต่างๆ โดยผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จัดระบบการเลือกตั้งใหม่ การกระจายอำนาจลงสู่ท้องถิ่น ก็น่าจะช่วยปรับโครงสร้างการเมืองไทยให้ขยับออกจากวงจรอุบาทว์ได้ทีละนิด
  จนเป็นที่มาของรัฐธรรมนูญปี 2540 อันเป็นผลพวงจากการต่อต้านรัฐประหารในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535
แต่มันก็ยังได้แฝงมรดกทางวัฒนธรรมการเมืองที่เชิดชูคนดีที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชนภายใต้โวหาร อิสระ เป็นกลาง และสาธารณะ 
มีการเกิดขึ้นขององค์กรอิสระที่มีความหมายไม่แน่ชัดว่าอิสระจากใครและอย่างไร ภายใต้โวหารแสนสวยให้คิดต่อเอาเองเออเองว่าพอขึ้นชื่อว่าเป็นองค์กรอิสระย่อมเป็นอิสระจากจากกลุ่มทุน จากกลุ่มอำนาจ และการเมือง อิสระจากผลประโยชน์ทุกสิ่ง เที่ยงตรง ยุติธรรม  เป็นพวกคนดีที่ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ เพื่อตนเองเลย โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในระบบที่ตรวจสอบได้ เป็นอุดมการณ์ของคนดี ที่รังเกียจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง  รังเกียจทุนสามานย์ ที่กำลังทำงานให้กับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ที่ถูกตราหน้าว่า โง่ จน เจ็บ จนซ้ำจนซาก อย่างไม่มีวันลืมตาอ้าปาก

นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคที่ริเริ่มโดยพรรคไทยรักไทย
รัฐบาลทุนสามานย์ผลิต นโยบาย สามสิบ บาท รักษาทุกโรค แต่องค์กรคนดีบอกว่า ประชาชนที่ยากจนไม่ควรตกเป็นเหยื่อของการแพทย์สมัยใหม่ ควรกลับไปหาภูมิปัญญาชาวบ้าน ใช้สมุนไพรรักษาโรค
หวยบนดินหรือหวยเลขท้ายสองตัว-สามตัว สมัยรัฐบาลทักษิณ
รัฐบาลทุนสามานย์ เอาหวยใต้ดินมาอยู่บนดินแล้วให้ทุนการศึกษาเด็กบ้านนอก แต่องค์กรคนดีบอกว่า ภูมิปัญญาอยู่ที่หมู่บ้าน จงเลี้ยงควาย ทำนาปลอดสารพิษ ปลูกข้าวอินทรีย์

มันเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก เพราะยิ่งกลุ่มองค์กรคนดีบอกว่า "รักชาวบ้าน รักชาวชนบท รักวิถีชีวิตแบบไทยแท้ รักภูมิปัญญาท้องถิ่น" แต่บรรดาชาวบ้านกลับเทใจไปให้ทุนสามานย์ ที่พวกคนดี รังเกียจเดียดฉันท์ 


กษัตริย์ภูมิพลโฆษณาว่าตนมีที่นาในตำหนักจิตรลดา

ยิ่งพวกคนดีโหยหาวิถีชีวิตอันเรียบง่าย ชาวบ้านตัวจริงได้เริ่มเข้าใจแล้วว่ากลไกการต่อรองผล ประโยชน์ผ่านระบบการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยมันดีอย่างไร พวกเขาได้เห็นแล้วว่า ชีวิตนั้นเปลี่ยนแปลงได้หากพวกเขาสามารถเข้าถึงทุน ทั้งทุนที่เป็นตัวเงินและทุนทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นโอกาสทางการศึกษาของลูกหลาน โอกาสในการเข้าถึงบริการทางสุขภาพ
ชาวบ้านได้เห็นช่องทางการขยับตัวให้พ้นจากความยากจนแบบเดิม
นายกทักษิณรีเรียลตี้โชว์ ที่ อ.อาจสามารถ ร้อยเอ็ด
16-21 มค.2549
ขณะที่ระบบราชการถูกบังคับให้ปรับตัวมาบริการประชาชนมากกว่าเป็นเจ้าเป็นนายแบบเดิม
เทคโนโลยีที่มีราคาถูกลง ทำให้ชาวบ้านได้รับการศึกษาผ่านการไหลเวียนของข้อมูลข่าวสารในระดับที่ใกล้เคียงหรืออาจจะมากกว่าชนชั้นกลางกลุ่มเดิมที่เชื่อว่า ตนมีการศึกษาอยู่เพียงฝ่ายเดียว
ยิ่งชาวบ้านสนับสนุนพรรคการเมืองและทุนสามานย์มากเท่าไหร่ บรรดาคนดี ก็ยิ่งโกรธแค้นทุนสามานย์มากขึ้นเท่านั้น 
พวกคนดีได้พิพากษาว่าทุนสามานย์เป็นตัวการทำให้ชาวบ้านผู้ไร้เดียงสาแปดเปื้อน หลงผิด เห็นกงจักรเป็นดอกบัว 


จรัสพงษ์ สุรัสวดี ซูโม่ตู้ ว่าคนรากหญ้า
ไม่จบปริญญาตรีไม่ควรมีสิทธิ์เลือกตั้ง
เมื่อ 7 ตค. 2551
มันยิ่งทำให้พวกคนดีเห็นว่า ประชาธิปไตยไม่เหมาะสำหรับคนจน และประเทศไทยยังไม่พร้อมสำหรับประชาธิปไตย 
แต่สังคมไทยได้เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว ในแบบที่คนดีมองเห็นแต่ทำเป็นไม่เห็น นั่นคือการปฏิรูปการเมืองและการกระจายความเท่าเทียมได้เกิดขึ้นแล้วอย่างที่มันไม่เคยเกิดขึ้นในสังคมไทย
ไม่มีแล้ว ชาวบ้านที่ โง่ จน เจ็บ มีแต่ชาวบ้านที่ตระหนักในสิทธิทางการเมืองของตนเองในฐานะที่เป็นกลไกการต่อรองผลประโยชน์ มีชาวบ้านที่มีความหวังและเชื่อมั่นในความเปลี่ยนแปลงและต้องการความเปลี่ยนแปลง ทั้งได้ประจักษ์ด้วยตนเองว่า ความเปลี่ยนแปลงสามารถเกิดขึ้นได้จริงหากพวกเขามีพลังในการต่อรองอำนาจทางการเมืองมากพอ
ไม่ว่าพวกคนดีจะชอบหรือไม่ชอบ แต่ความเปลี่ยนแปลงนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว เหลือแต่ปัญหาที่ว่าพวกคนดีจะยอมรับความจริงนี้ได้หรือไม่ นักการเมืองไม่ได้มีนิสัยดีขึ้น แต่พวกเขาถูกกำกับมากขึ้นจากคะแนนเสียงเลือกตั้งที่สนับสนุนเขา การซื้อเสียงน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญในขณะที่นโยบายของพรรคการเมืองมีความสำคัญมากขึ้น
พวกคนดีคงต้องหาที่อยู่ของตัวเองให้เจอ เพราะสังคมไทยได้เปลี่ยนไปแล้ว


คนดีกำลังดิ้นกันต่อไป

มีสัญญาณหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นในสังคมไทยที่บ่งบอกว่า ชนชั้นนำทางอำนาจกลุ่มเดิมไม่สามารถผูกขาดการกำกับควบคุมสังคมหรือปลุกปั้นปั่นหัวให้สังคมเป็นไปในทางที่ตนเองอยากให้เป็น 


พลเอกเปรม ตัวแทนกษัตริย์ภูมิพล
เช่น ยอมปล่อยให้มีการปฏิรูปการเมืองเพื่อรักษาอำนาจและบารมีของตนเองเอาไว้ แต่ครั้นฝ่ายการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งเข้มแข็งเกินไปจากการปฏิรูปนั้น ก็ส่งคนของตนออกเดินสายพูดเรื่องนักการเมืองเลว ความโสมมของการเมืองแบบใช้เงินทุ่ม ความชั่วร้ายของการคอร์รัปชั่น ปั่นกระแสโหยหาคนดี ต่างๆ นาๆ เพื่อปูทางให้ทหารออกมาทำการรัฐประหาร

ส่วนบรรดาคนชั้นกลางที่มักถูกปั่นหัวมาตั้งแต่ฟังเพลงโมสาร์ตตอนอยู่ในท้องแม่ก็รอมอบดอกไม้ให้ทหารที่ออกมากู้ชาติออกจากกวิกฤติของนักการเมืองเลว 
อัมมาร สยามวาลา และ สมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์แห่งทีดีอาร์ไอ
มีความพยายามจะปั่นหัวจากการการปั่นกระแสการจำนำข้าวโดยเริ่มจากการบอกว่า รัฐเข้าแทรกแซงกลไกของตลาดเสรี  ทั้งๆที่ข้าวไม่เคยเป็นสินค้าที่อิสระจากอำนาจรัฐมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าจะเป็นรัฐอยุธยา รัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์สยาม มาจนถึงรัฐไทยสมัยใหม่
จึงต้องหันไปหาข้อโต้แย้งใหม่คือ รัฐแทรกแซงการค้าข้าวก็ได้ แต่ต้องไม่ทำโง่ๆ แบบที่รัฐบาลนี้ทำ ที่ซื้อจากชาวนาแพงแต่ขายให้ตลาดโลกถูก เพราะเท่ากับเอาภาษีของคนชั้นกลางไปอุ้มชาวนา แต่พวกชนชั้นกลางที่เกลียดและอยากล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็ไม่ค่อยออกมารับลูกที่ทีดีอาร์ไอ TDRI พยายามชงออกมาอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นเพราะคนพวกนี้ไม่ค่อยถนัดเรื่องเศรษฐกิจ
แต่คนที่เกลียดรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเข้าไส้ คือพวกที่ลุ่มหลงในวรรณกรรมประเภทลิเก แบบสี่แผ่นดิน ร่มฉัตร บ้านทรายทอง  และอะไรที่เป็นลิเก ของไพร่ชั้นกลางที่หลงใหลในวัฒนธรรมที่ตนเข้าใจว่าเป็นวัฒนธรรมชั้นสูง 


สลิ่มจ้องรุมจวกนายกยิ่งลักษณ์ว่าแบมือกราบพระศพเจ้าสีหนุ
คนเหล่านี้ไม่สนใจตัวเลขการจำนำข้าวเท่ากับเรื่องที่ว่า นายกรัฐมนตรีใส่เสื้อผ้าสีอะไรไปงานศพเจ้าสีหนุ นายกฯกราบพระศพแบมือหรือไม่แบมือ นายกฯ ถือกระเป๋าขณะจับมือทักทายผู้นำประเทศอื่น นายกฯจับมือทักทายด้วยมือซ้ายหรือมือขวา
และถ้าหากนายกฯทำอะไรที่ไม่ตรงกับมารยาทที่ตนเคยอ่านมาจาก นิยายประเภทลิเก ทั้งๆที่เป็นลิเกที่แต่งขึ้นมาใหม่เพื่อรับมือกับพวกฝรั่งยุคล่าอาณานิคม มันจึงไม่ได้เป็นประเพณีวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมานมนานแต่อย่างใด แต่มันเป็นแค่ลิเกที่เพิ่งแต่งขึ้นมาและปรับเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ ตามความเหมาะสม แต่มักอ้างว่าเป็นประเพณีโบราณที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม
ส่วนพรรคแมลงสาบ ก็กลับไปเล่นลิเกเรื่องชายชุดดำเผาบ้านเผาเมืองซ้ำๆซากๆให้คนเอือมระอา 


กลุ่ม 40 สว.ตัวแทนอำนาจเผด็จการดักดาน
ส่วนตัวละครเดิมคือ 40 ส.ว. ออกมายื่นหนังสือให้สำนักผู้ตรวจการตรวจสอบการประมูล 3G โดยอ้างว่า กสทช. เป็นผู้จัดฮั้วประมูล และเริ่มต้นใช้วาทกรรม เอาสมบัติของชาติไปขายในราคาที่ต่ำกว่าทุน และ สกัดกั้นผู้ประมูลรายใหม่ คนพวกนี้อยู่ๆก็จะมาหวงคลื่นความถี่ ในฐานะที่เป็นสมบัติของชาติ ถ้าชาติที่ว่ามันหมายถึงประชาชน แล้วประชาชนเขาบอกว่า เขาอยากใช้ 3G จนจะลงแดงอยู่แล้ว และการเปิดประมูลก็ถือเป็นเป็นวิธีที่ดีที่สุด การที่ประชาชนจะได้ใช้เทคโนโลยี 3G เสียทีมันก็เป็นผลประโยชน์ของชาติมิใช่หรือ และคลื่นความถี่ที่บอกว่ามันเป็นสมบัติของชาติ แต่ถ้ามันเป็นคลื่นอยู่อย่างนั้น ไม่ถูกนำมาใช้ มันจะมีประโยชน์หรือไม่
ถ้าบอกว่าต้องประมูลกันในราคาที่แพงกว่านี้ แล้วประชาชนจะได้ประโยชน์จริงๆหรือ ถ้าบริษัทต้องจ่ายแพง ก็ทำให้ต้นทุนแพง แล้วประชาชนจะได้บริการราคาถูกลงได้อย่างไร
ส่วนข้ออ้างที่ว่า มีแต่บริษัทต่างชาติมาประมูลเอาสมบัติของชาติไป แล้วอย่างนั้นรัฐบาลจะสนับสนุนให้ต่างชาติมาลงทุนในประเทศไทยไปทำไม เอาอะไรมาวัดว่าทุนไทย ต้องมีคุณธรรม มากกว่าทุนต่างชาติ
  อะไรที่แปะป้ายไทยมันจะต้องรักคนไทยมากกว่าคนต่างชาติเสมอไปหรือ
ในเวลาที่นักลงทุนต่างชาติเขาย้ายหนีไปลงทุนประเทศอื่น ก็กลับมาโจมตีว่ารัฐบาลบริหารประเทศไม่ดี ทำให้นักลงทุนต่างชาติหนีไปลงทุนประเทศอื่น 


ตั๊ก บงกช คงมาลัย (2528) หมั้นกับบุญชัย เบญจรงคกุล
(2497) ที่มีภรรยามาแล้ว 5 คน
คงต้องขอบคุณข่าว ตั๊ก บงกช ที่จะหมั้นกับเจ้าสัว และละครแรงเงา ที่ทำให้การปั่นหัวชนชั้นกลางไทยด้วยเรื่อง 3G จุดไม่ติดตามประเด็นจำนำข้าวไปอีกติดๆ ทั้งนี้ เพราะคนชั้นกลางผู้สนใจเรื่องกราบแบมือกับไม่แบมือก็อยากใช้ 3G จนตัวสั่นแล้วเหมือนกัน นี่เป็นสัญญาณที่ดีว่า มุขขายชาติเริ่มใช้ไม่ได้ผล 
จะปั่นมุขภูฏาน ดินแดนในฝันก็ปั่นไม่ขึ้น เพราะตอนนี้ชาวโลกก็รับรู้เรื่องภูฏานอย่างเป็นจริงมากขึ้น ว่ายังเป็นประเทศด้อยพัฒนา อัตราการรู้หนังสือต่ำ อัตราการตายของทารกแรกเกิดสูง อายุขัยเฉลี่ยของประชากรต่ำ มีปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการผลักดันผู้ลี้ภัยทางการเมือง ฯลฯ 


เสธอ้าย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม
สัญญาณที่ดีเหล่านี้เป็นโจทย์ที่ยากมากของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามเพื่อการแช่แข็งประเทศไทย ที่แม้จะมีญาติธรรมของสันติอโศกมาร่วมด้วยอย่างเนืองแน่น เแต่มวลชนของสันติอโศกนั้นมีจำกัดและด้วยบรรยากาศของการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน คนไทยเริ่มถูกกดดันจากความก้าวหน้าของประเทศเพื่อนบ้าน
การล้มรัฐบาลด้วยการปั่นหัวด้วยเรื่องคอร์รัปชั่นและสำนึกชาตินิยมเพื่อประสาทพระวิหารหรือบริเวณพื้นที่โดยรอบ 4.7
ตารางกิโลเมตร นั้นคงจะขายไม่ออกเสียแล้ว
แต่ก็ยังมีการดันทุรังทุกวิถีทางทุกรูปทุกแบบเหมือนการดิ้นพล่านเพื่อเอาตัวรอด


หน้ากากขาวชุมนุมไล่ระบอบทักษิณ
16 มิ.ย. 2556 ลานเซ็นทรัลเวิลด์
มีม้อบตากแห้งของสันติอโศกที่มาชุมนุมรอสถานการณ์ที่สนามหลวง ม้อบคอมมิวนิสต์รักษาพระอวย ม้อบหน้ากากขาวล้มเจ้า ประสานกับศาลรัดทำมะนวยที่หาช่องทางปกป้องรัดทำมะนวยโจรและหาเรื่องยุบพรรคการเมืองที่ประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุน รวมทั้งองค์กรขยะและศาลโปกคลอง ที่ทำทุกวิถีทางเพื่อล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
แต่คราวนี้ มันคงไม่ง่ายเหมือนที่ผ่านๆมา อีกต่อไปแล้ว

ว่าด้วยเรื่องจงรักภักดี


คําว่าจงรักภักดีนี้มีมาแต่โบราณแล้ว เช่น ในคำประกาศแต่งตั้งขุนนางใน รัชกาลที่ 1 หลังจากชิงราชสมบัติจากพระเจ้าตากสินได้แล้ว ก็ยกย่องขุนนางบางคนว่า ซื่อสัตย์จงรักภักดี ต่อพระยาจักรีมาช้านาน ในสมัยโบราณนั้นพวกไพร่ต้องมีความจงรักภักดีต่อเจ้านายที่ตนสังกัด ส่วนเจ้านายก็ต้องจงรักภักดีต่อเจ้านายชั้นสูงขึ้นไปที่ตนขึ้นสังกัด แต่ไพร่ไม่ได้ขึ้นต่อกษัตริย์ เพราะคนไทยโบราณโดยทั่วไป ที่ไม่ใช่เจ้านายและขุนนาง ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับกษัตริย์แต่อย่างใด ถ้าจะมีความรู้สึกต่อสถาบันกษัตริย์บ้าง ก็คงเป็นแค่ความรู้สึกยำเกรง ไม่ใช่ความจงรักภักดี ทั้งในความหมายโบราณและความหมายปัจจุบัน


วาทะกรรม ขอเกิดเป็นรองพระบาทคือเป็นข้าทาส ทุกชาติไป
ความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์แบบไทยๆที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันจึงเป็นสิ่งที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ให้สอดคล้องกับสถานะใหม่ของสถาบันกษัตริย์ ที่พระราชอำนาจได้แผ่ขยาย ไปถึงราษฎรทุกคน โดยไม่มีเจ้านายคนใดมาขวางกั้นอีกแล้ว เป็นความจงรักภักดีที่ราษฎรพึงมีต่อกษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่ไม่เหมือนใครในโลกปัจจุบัน ทั้งในยุโรป ญี่ปุ่น หรือแม้แต่กัมพูชาก็เทียบประเทศไทยไม่ได้เลย เพราะมันเป็นระบอบปกครองที่เกือบจะสูญสลายไปหมดแล้วในโลกปัจจุบัน แต่รัฐไทยก็ยังรักษาสถาบันกษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไว้ได้ เพราะ

1. รัฐไทยสมัยใหม่ที่ รัชกาลที่ 5 สร้างขึ้น และพัฒนาต่อมาหลัง 24 มิถุนายน 2475
ได้สลายคนออกจากกลุ่มทุกชนิดที่ไม่มีค่าย ไม่มีเจ้านายสังกัดอีกต่อไป ในเมื่อสถาบันกษัตริย์มีบารมีมาแต่เดิม จึงดึงดูดความเลื่อมใสศรัทธาได้มากที่สุด เพราะประชาชนไม่มีอะไรอื่นจะให้จงรักภักดีได้อีกแล้ว
2. ไม่มีสถาบันและองค์กรซึ่งเกิดขึ้นหลัง 24 มิถุนายน 2475
ที่ประชาชนสามารถพึ่งพาได้อย่างแท้จริงและยั่งยืน  ทำให้ผู้คนพากันสิ้นหวังกับสถาบันหรือองค์กรเหล่านี้


กษัตริย์ภูมิพลให้โอวาทจำลองและสุจินดา 20 พค. 2535
แต่สถาบันกษัตริย์กลับกลายเป็นศูนย์กลางของการพึ่งพาอาศัยของคนทุกกลุ่ม ตั้งแต่หลังปี
2500 เป็นต้นมา กล่าวได้ว่า ความล้มเหลวของระบอบประชาธิปไตยไทยเป็นตัวช่วยส่งเสริมระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ให้ดำรงอยู่ได้ กษัตริย์ภูมิพลจึงต้องคอยจ้องทำลายพรรคการเมืองในฝ่ายประชาธิปไตย
3.
อุดมการณ์แห่งชาติ ที่ว่าด้วย ชาติ ศาสนาและพระกษัตริย์นั้น มีแต่กษัตริย์เท่านั้นที่เป็นตัวบุคคลจริงดังนั้นกษัตริย์จึงกลายเป็นตัวแทนของชาติ และศาสนาไปโดยปริยาย ดังนั้นใครที่ตำหนิกษัตริย์ ก็เท่ากับทำลายชาติและศาสนาไปด้วยโดยปริยาย
4.
การโฆษณาผ่านสื่อสมัยใหม่ทุกๆช่องทาง ตั้งแต่หนังสือพิมพ์ วิทยุ ภาพยนตร์ รวมทั้งป้ายโฆษณา การจัดงานเฉลิมพระเกียรติ ทำดีเพื่อพ่อ ปลูกป่า บวชพระ ถวายพระพร เข้าเฝ้ารับเสด็จ ถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศล และรูปที่มีทุกบ้าน
โดยสื่อไทยอยู่ในความควบคุมอย่างเข้มงวดให้เป็นเครื่องมือขยายพระบารมีให้กว้างไกลตลอดมา เพื่อเน้นย้ำความเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของไทยให้เข้มข้นตลอดไป
นี่แหละคือความจงรักภักดีของไทยซึ่งไม่เหมือนใครในโลก แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า เป็นความจงรักภักดีเฉพาะกษัตริย์คนเดียวหรือต่อสถาบันกษัตริย์ทั้งหมดรวมไปถึงรัชกาลต่อๆไปหรือไม่

มือที่มองเห็น แต่ห้ามพูดถึง
รัฐมีสามประเภท ประเภทหนึ่งคือนิติรัฐ ที่ทุกอย่างดำเนินไปตามกฎเกณฑ์กติกาหรือกฎหมาย อีกประเภทหนึ่งซึ่งอยู่ตรงกันข้ามคือรัฐอภิสิทธิ์ อันหมายถึงรัฐที่มีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลซึ่งถืออภิสิทธิ์บางอย่าง และการบริหารจัดการบ้านเมืองย่อมเป็นไปตามความประสงค์ของอภิสิทธิ์ชนเหล่านี้

กษัตริย์ภูมิพลแต่งตั้งพลเอกสุรยุทธ์เป็นนายกฯ 1ตค.2549
รัฐประเภทที่สามคือรัฐซ้อน เช่น รัฐไทย ที่มีสถาบัน องค์กร และการจัดการที่เป็นไปตามกฎหมายในรูปแบบ แต่ในการบริหารจัดการจริง ก็ยังขึ้นอยู่กับการควบคุมของอภิสิทธิ์ชนคือฝ่ายกษัตริย์
รัฐประเภทนี้ต้องมีระเบียบแบบแผนระดับหนึ่งที่เอื้อต่อทุนนิยม จำเป็นต้องมีระบบตุลาการที่เป็นอิสระและเป็นกลาง ที่พอจะตัดสินกรณีพิพาททางธุรกิจหรือหนี้สินได้ แต่ในเรื่องทางการเมือง เครือข่ายระบอบกษัตริย์ก็ยังหวงอำนาจไว้ตามเดิม โดยไม่ได้ประกาศออกมาโจ่งแจ้ง แต่ถือว่าความต้องการของพวกตนย่อมอยู่เหนือกฎหมาย
การต่อสู้กันในรัฐสภาไทยทุกวันนี้ ที่จริงคือการต่อสู้ระหว่างนิติรัฐและรัฐของกษัตริย์นั่นเอง
นิติรัฐของไทยกำลังผลักดันตัวเองไปสู่กฎระเบียบที่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งจะพยายามลดความคลุมเครือของอำนาจกษัตริย์ให้น้อยลง ในขณะที่ฝ่ายกษัตริย์ก็พยายามจะรักษาส่วนที่ไม่เสรีและไม่เป็นประชาธิปไตยเอาไว้ ภายใต้ความคลุมเครือ เพื่อรักษาระบอบกษัตริย์เป็นใหญ่ต่อไป จึงได้กดดันให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนต้องยอมรับว่า จะไม่เข้าไปสถาปนาระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เพื่อที่รัฐบาลจะสามารถประคองตัวให้อยู่รอดพ้นจากการถูกทำลายลงด้วยอำนาจของเครือข่ายกษัตริย์

ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ ชนะการเลือกตั้งทั่วไป
ได้สส.เกินครึ่งสภา
แต่สถานการณ์ของประเทศไทยได้เปลี่ยนไปแล้ว จากผลการเลือกตั้งหลายครั้งที่พรรคของประชาชนชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้นติดต่อกันมาโดยตลอดแม้ว่าจะเสียเปรียบพรรคแมลงสาบของกษัตริย์ภูมิพล ทำให้พรรคการเมืองที่ประชาชนสนับสนุนได้มีบทเรียนและความเข้มแข็งมากขึ้น และจะต้องยกระดับการต่อสู้เข้าสู่เวทีรัฐสภา
การสร้างภาพความจงรักภักดีอย่างสูงสุดต่อกษัตริย์ที่ไม่เคยพิทักษ์รักษาระบอบประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่นักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยไม่ควรยึดถือปฏิบัติอีกต่อไปเป็นอันขาด  เพราะสถาบันกษัตริย์จะต้องยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย มิใช่ทำตัวเป็นศัตรูต่อระบอบประชาธิปไตย
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทั้งนักรัฐประหารและนักการเมืองพรรคแมลงสาบ ได้ร่วมมือกับสถาบันกษัตริย์ในการบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยมาโดยตลอด ทำให้เกิดความเสื่อมเสียและตกต่ำของสถาบันกษัตริย์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยจึงไม่ควรไปแสดงความจงรักภักดีต่อกษัตริย์ที่ไม่เคยยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยแม้แต่น้อย

ต้นตอคอร์รัปชั่น
เจ้าผู้ครองน่าน เจ้าสุริยะพงษ์

การคอร์รัปชั่นในเมืองไทยนั้นฝังรากลึกมาตั้งแต่สมัยโบราณ จากระบบบริหารที่เรียกกันว่ากินเมืองคือบริเวณที่มีคนกระจุกตัวกันอยู่มากๆ ไปกินเมืองคือไปหารายได้จากกำลังคนที่นั่น แลกกับความจงรักภักดีที่ให้แก่กษัตริย์และการควบคุมกำลังคนที่นั่นให้เป็นประโยชน์แก่กษัตริย์ แล้วตนก็กินส่วนที่เหลือ เพราะรัฐโบราณทั้งหลาย ไม่มีการจ่ายเงินเดือนแก่ข้าราชการ ผู้ปกครองย่อมต้องกินโน่นกินนี่เป็นค่าตอบแทนทุกแห่ง ในยุโรปสมัยกลางกินพื้นที่แบบศักดินา ในเมืองไทยกินคนแบบทาสไพร่  พวกยุโรปได้ผ่านกระบวนการล่มสลายของระบอบศักดินาจนแทบไม่เหลือซากอีกแล้ว  แต่สังคมไทยยังไม่ได้ผ่านกระบวนการทำลายระบอบกินเมืองชนิดตัดขาด จึงยังมีคติการกินตกค้างสืบมาถึงปัจจุบันอย่างเข้มข้น

เจ้าบุญวาท เชียงใหม่
ผู้ปกครองไทยโบราณที่กินเมือง ไม่ได้คิดว่าตัวกำลังคอร์รัปชั่น แต่เห็นว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่างหาก รายได้ทั้งหลายที่เขากินอยู่นั้น มิใช่รายได้อันไม่พึงได้ เพราะผิดกฎหมายหรือผิดศีลธรรม ตรงกันข้าม เขาเห็นว่าเป็นความชอบธรรมเพราะเป็นธรรมชาติของรัฐแบบนั้น ต่างกับการคอรัปชั่นที่คนไทยไม่ยกย่อง แม้แต่คนที่ติดสินบนตำรวจจราจรอยู่เป็นประจำก็พูดถึงผู้ที่รับสินบนด้วยความดูหมิ่นดูแคลน
แต่อำนาจจะมีลักษณะกระจุกหรือรวมศูนย์เหมือนสนามแม่เหล็ก ที่จะดึงดูดความมั่งคั่งทุกอย่างเข้ามาสู่ตัวผู้มีอำนาจ เหมือนพวกประเทศราชที่จะพากันมาน้อมถวายเครื่องราชบรรณาการ 
ศิลปินและนักปราชญ์ก็เข้าหา ถวายอาเศียรวาท โดยไม่ต้องไปคิดว่าการได้อำนาจนั้นชอบธรรม หรือไม่ชอบธรรม เพราะอำนาจในตัวของมันเองคือความชอบธรรมอยู่แล้ว ฉะนั้น จะได้มาจากการเลือกตั้งหรือจากการรัฐประหาร หรือในค่ายทหาร ก็ไม่ต่างกันตรงไหน


รถยนต์พระที่นั่งฟ้าชาย งาน 5 ธค. 2550
อำนาจกับทรัพย์สมบัติจึงไปด้วยกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คนไทยประเมินอำนาจของคนอื่นด้วยทรัพย์สมบัติ ตำรวจจราจรย่อมรู้สึกว่าคนขี่เบนซ์ 500 นั้นไม่ธรรมดา คือมีอำนาจมากและอำนาจนั้นย่อมดึงดูดผู้บังคับบัญชาของเขาให้มาอยู่ใต้วงจรอำนาจของเจ้าของรถเบนซ์ด้วย ความคิดความเชื่อนี้เป็นกันทั่วไป เหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดาของสังคม พวกลูกท่านหลานเธอที่ขับรถราคาแพงก็มักไม่เคยต้องติดคุก
การใช้ชีวิตหรูหราอย่างออกหน้าออกตากับการมีอำนาจจึงเป็นเรื่องปกติในสังคมไทยมาแต่โบราณแล้ว จนต้องมีกฎเกณฑ์ห้ามหรูหราเกินกษัตริย์ เช่น ห้ามใช้เสื้อผ้าที่ทำจากทองคำ ห้ามสร้างเรือนปราสาท 



งานสโมสรสันนิบาต 5 ธค. 2555
ผู้มีอำนาจที่แท้จริงจะมีพลังดูดเอาอำนาจอื่นๆ รวมทั้งทรัพย์สมบัติเข้ามาหาเองโดยอัตโนมัติ จะไปดิ้นรนใฝ่หาแบบประเจิดประเจ้อไม่ได้ การใช้อำนาจไปแสวงหาทรัพย์ ย่อมแสดงว่ายังไม่มีอำนาจที่แท้จริง การไม่มีอำนาจที่แท้จริง  คือความไม่ชอบธรรม กษัตริย์ที่ไม่มีอำนาจอันแท้จริง จึงไม่ชอบธรรม และในที่สุดก็มักถูกคนที่มีอำนาจแท้จริง แย่งชิงราชสมบัติไป
คนรวยที่สุดในอยุธยาก็คือกษัตริย์ ทั้งๆที่กษัตริย์นั่งอยู่บนบัลลังก์เฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรเลย แม้จะมีกฎระเบียบผูกขาดการค้า การเก็บส่วยสาอากร การเลือกบังคับซื้อ ก็เป็นหน้าที่ของกรมพระคลังเท่านั้น

กษัตริย์ภูมิพลเป็นกษัตริย์รวยที่สุดในโลกหลายปีติดต่อกัน
เมื่อนิตยา สาร ฟอร์บ รายงานว่า กษัตริย์ ภูมิพลเป็นกษัตริย์ที่รวยที่สุด ในโลก น่าจะเป็นการชื่นชม ในพระราชอำนาจ ที่แสดงให้เห็นว่ากษัตริย์ภูมิพลทรงมีอำนาจจริงๆ เพราะไม่ต้องทำมาหากินอะไร ก็ยังร่ำรวยที่สุดได้ เนื่องจากพลังอำนาจของพระองค์เป็นตัวดูดเอาทรัพย์สมบัติเข้ามาเองโดยอัตโนมัติเหมือนกษัตริย์สมัยอยุธยา ดังนั้นนายสุเมธ ตันติเวชกุลและสำนักเลขาธิการพระราชวังก็ไม่ควรออกมาแก้ตัวให้เสียเวลาเปล่าๆ ทางที่ดีน่าจะยอมรับความจริงว่ากษัตริย์ภูมิพลทรงมีอำนาจมากจริงๆ ก็เลยมีคนเอาทรัพย์ศฤงคารสารพัดมาถวายให้มากมายมหาศาล
เพราะอำนาจทางเศรษฐกิจกับอำนาจทางการเมืองนั้นแยกออกจากกันไม่ได้ คอร์รัปชั่นคือการลงไปใช้อำนาจเพื่อหาทรัพย์ จึงเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ แต่ทรัพย์มันมาของมันเองเมื่อมีอำนาจ มีเกียรติยศน่านับถือ


พลเอกเปรม ผู้มีบารมีเพราะเป็นตัวแทนกษัตริย์ภูมิพล
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เคยแนะนำว่า เราควรรังเกียจคนโกง ไม่คบหาสมาคมหรือร่วมกิจกรรมด้วย แต่ในระหว่างที่พลเอกเปรมเป็นนายกรัฐมนตรีถึง 8 ปีนั้น พรรคการเมืองที่คอยค้ำบัลลังก์ให้พลเอกเปรม ล้วนมีชื่อเสียงในด้านการใช้อำนาจแสวงหาทรัพย์มาทั้งนั้น พลเอกเปรมก็คงไม่ได้ไปแสวงหาทรัพย์เอาเอง แต่เนื่องจากทุกคนทราบกันดีว่าพลเอกเปรมเป็นตัวแทนขนานแท้ของกษัตริย์ภูมิพล ทุกคนก็ต้องเข้าหาและจัดหาเครื่องบรรณาการถวายให้พลเอกเปรม ส่วนพลเอกเปรมก็ทำหน้าที่สอนคนไม่ให้โกง ให้ซื่อสัตย์ รับใช้แผ่นดินซึ่งก็คือพระเจ้าแผ่นดิน เพราะแผ่นดินมันพูดไม่ได้


สามนายพลของระบอบเก่าที่เข้าข่ายร่ำรวยผิดปกติ
จุดอ่อนที่สำคัญก็คือ ประเทศไทยไม่ค่อยได้ใช้ข้อหาร่ำรวยผิดปกติอย่างทั่วถึงจริงจัง  เพราะในความเป็นจริงบรรดาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งทหารตำรวจพลเรือนและตุลาการผู้พิพากษาก็คงไม่สามารถพิสูจน์ที่มาของทรัพย์สินตนเองได้ รวมไปถึงองคมนตรีและสถาบันกษัตริย์
ฉะนั้น หากจะปราบคอร์รัปชั่นกันจริงๆ ก็ต้องใช้การพิสูจน์ที่มาของรายได้เป็นเครื่องมือสำคัญ ที่จะทำให้อำนาจที่จะใช้ในการโกงถูกจับตา ตรวจสอบและฟ้องร้องได้ง่ายขึ้น โดยข้าราชการระดับสูงทุกฝ่ายทุกตำแหน่งต้องแจ้งรายได้และทรัพย์สินของตนทั้งหมดแก่สาธารณะ พร้อมทั้งที่มาของรายได้
เรื่องคอร์รัปชั่นกับอำนาจจึงเป็นเรื่องเดียวกัน ถ้ามุ่งแต่จะปราบคอร์รัปชั่น แต่ยังให้คนไม่กี่คนมีอำนาจเต็มที่ ก็จะไม่มีทางปราบคอร์รัปชั่นได้สำเร็จเลย

ตำนานการฉ้อราษฎร์บังหลวง
โพลหลายสำนักบอกตรงกันว่า คนไทยไม่รังเกียจการคอร์รัปชั่น ขอแต่ให้ส่วนรวมได้ประโยชน์ หรือร้ายไปกว่านั้นให้ตัวเองได้ประโยชน์ก็แล้วกัน


นายกรัฐมนตรี 8 คน 8 แบบ
คนไทยบอกว่านักการเมืองขี้โกงก็รับได้ ขอให้ทำประโยชน์แก่ส่วนรวม ความเห็นนี้ตั้งอยู่บนสมมติฐานว่า นักการเมืองขี้โกงทั้งนั้นแหละ หรือว่าที่จริงผู้ปกครองก็ขี้โกงหรือเอารัดเอาเปรียบผู้ถูกปกครองทั้งนั้น  ฉะนั้น ใครสักคนในบรรดาคนขี้โกงด้วยกัน ยังอุตส่าห์หันมาทำประโยชน์แก่ส่วนรวมบ้าง ก็น่าจะรับได้

นายกชวนเข้าคารวะพล.อ.เปรม ตัวแทนกษัตริย์ภูมิพล
ทัศนคติของคนไทยที่ว่านี้เกิดจากประสบ การณ์ของคนไทยเอง แม้แต่นักการเมืองที่ได้ชื่อว่ามือสะอาดหรือไม่เคยมีข่าวอื้อฉาวว่าโกง เช่น นายชวน หลีกภัย หรือ พลเอกเปรม ก็จำต้องปล่อยให้นักการเมืองที่สนับสนุนตนโกงโดยหลับตาข้างหนึ่ง ไม่อย่างนั้นก็ดำรงตำแหน่งต่อไปไม่ได้ และคงไม่มีใครคอยเอาเงินมาให้ถ้าไม่ช่วยแต่งตั้งพวกเขา แม้แต่นายกรัฐมนตรีที่ทหารตั้งขึ้นมาหรือนายกพระราชทาน ก็ยังต้องปล่อยให้ทหารโกงตามสะดวกเป็นธรรมดา ไม่อย่างนั้นทหารจะเสี่ยงชีวิตยึดอำนาจไปทำไม คนโกงที่ยังทำงานให้บ้านเมืองบ้างก็ยังดีกว่าคนโกงที่ไม่รู้จักทำอะไรให้บ้านเมืองเลย  มันเป็นทัศนคติของคนไทยในยุคก่อน ที่เชื่อว่าใครที่อยากมีตำแหน่งทางการเมือง ย่อมมีแรงจูงใจที่ไม่บริสุทธิ์ทั้งนั้น เป็นยุคสมัยซึ่งการซื้อสิทธิ์ขายเสียงยังแพร่หลายมาก คนไทยก็พร้อมขายเสียง เพื่อเอาเงินจากคนโกงเสียบ้าง แต่ถ้าเห็นว่ามีคนดีสุจริตจริง เขากลับไม่ยอมขายเสียงง่ายๆอีกต่อไปแล้ว
การฉ้อราษฎร์คือเอาอำนาจจากตำแหน่งไปรีดนาทาเน้นราษฎรเพื่อเอาประโยชน์ใส่ตน ซึ่งคนไทยไม่ชอบแน่ และมีการร้องเรียนกันมาแต่โบราณแล้ว แต่ไม่ค่อยได้ผล


สยามยุคค้าสำเภาที่อาศัยเจ้าภาษีนายอากร
รับเหมาการเก็บภาษีอากร
ส่วนการบังหลวงหมายถึงการยักยอกประโยชน์ของหลวงไปเป็นประโยชน์ส่วนตน ข้อนี้คนไทยไม่ค่อยรังเกียจนัก แต่บางทีมันคาบเกี่ยวกัน เช่นเจ้าภาษีนายอากรจะยักยอกส่วนเกินที่ต้องส่งหลวง โดยหันมารีดจากราษฎรให้เต็มที่  แต่ถ้าเป็นการเป็นการขโมยทรัพย์สินของหลวง ซึ่งหมายถึงอะไรก็ไม่รู้ แต่ไม่ใช่ของราษฎรแน่ ประชาชนจึงไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไรด้วย
ของหลวงกับสาธารณสมบัตินั้นไม่เหมือนกัน ประชาชนจะมีสาธารณสมบัติที่เป็นของชุมชนได้ใช้ร่วมกัน ซึ่งไม่มีใครเป็นเจ้าของ ใครจะละเมิดเอาไปเป็นของตนคนเดียวไม่ได้ ชุมชนจะช่วยกันดูแลรักษาให้เป็นสมบัติของส่วนรวมสืบไป แต่ไม่ได้เรียกว่าของหลวง เพราะของหลวง จะหมายถึงของรัฐบาลหรือของกษัตริย์


วัดมหรรนพพารามเป็นโรงเรียนแห่งแรกเมื่อปี 2427
สาธารณสมบัติ
อย่างหนึ่งที่เคยมีมาแต่โบราณก็คือวัด โดยเฉพาะวัดที่ราษฎรสร้างขึ้นในชุมชนของตนเอง ในวัดมีสมบัติหลายอย่าง เช่น ถ้วยโถโอชาม เสื่อสาด เก้าอี้ กระโถน หรือแม้แต่ศาลาวัด ซึ่งชาวบ้านอาจยืมไปใช้ หรือเอาคนมาฝากให้อยู่วัดก็ได้  สมบัติของวัดเหล่านี้ ชาวบ้านดูแลรักษาอย่างดี และเชื่อว่าการขโมยของวัดเป็นบาปมหันต์กว่าการขโมยของชาวบ้าน
แต่ต่อมารัฐหรือหลวงก็มายึดเอาสาธารณสมบัติเหล่านี้ไปเป็นของตนเองหมด เช่น วัดก็กลายเป็นสถาบันภายใต้การกำกับของคณะสงฆ์ซึ่งเป็นของหลวง อันไม่เคยมีมาก่อน ดิน-น้ำ-ป่าซึ่งชาวบ้านเคยดูแลมาในฐานะที่เป็นสาธารณสมบัติของชุมชนก็มีกรมกองของหลวง มายึดไปดูแลเอง


สนามหลวงที่เคยเป็นสถานที่สาธารณะ
กลายเป็นสมบัติของพวกคลั่งกษัตริย์

ชาวบ้านไทยจะมองของหลวง ว่าไม่ใช่สาธารณสมบัติของชุมชนที่สามารถใช้ร่วมกันได้อีกต่อไป อะไรที่เป็นของหลวง ก็เป็นของรัฐหรือของกษัตริย์หมด ส่วนชาวบ้านก็เหลือแต่ลูกเมียและทรัพย์สินในบ้านเรือนเท่านั้น ดังนั้นการบังหลวง จึงไม่ใช่เกี่ยวกับประชาชนและไม่น่ารังเกียจแต่อย่างใด ในสมัยโบราณคือสมบัติของพระเจ้าแผ่นดิน ในสมัยใหม่คือของที่รัฐขโมยไปจากประชาชน
ทั้งนี้ รวมไปถึงทรัพย์สมบัติใหม่ๆทั้งหลาย เช่น งบประมาณ ตู้โทรศัพท์ คลื่นความถี่ ราชการส่วนกลาง ฯลฯ ล้วนเป็นของหลวงทั้งสิ้น มิใช่สาธารณสมบัติเหมือนแต่ก่อน

ดังนั้น ถ้าจะแก้ไขปรับปรุง ก็จะต้องกระจายอำนาจ เพื่อคืนของหลวงที่ไปยึดมาจากชุมชน ให้เป็นสาธารณสมบัติของชุมชนจริงๆ ประชาชนในท้องถิ่นต้องมีอำนาจจัดการดูแลและใช้ประโยชน์จากสาธารณสมบัติในท้องถิ่น โดยส่วนกลางอาจมีอำนาจในการถ่วงดุลได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ใช่เป็นผู้ชี้ขาดแต่ผู้เดียว ให้ประชาชนมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น มีอำนาจในการตรวจสอบหรือตัดสินใจ ที่สำคัญยังเป็นของประชาชนอยู่ต่อไป


รัฐบาลยิ่งลักษณ์แจกแทปเล็ตเด็กป.1 / ม.1
จำนวน 1.6 ล้านเครื่อง ในปี 2556

ประชาชนยินดีที่จะเสียภาษี เพราะเชื่อว่าเขาคุมรัฐบาลของเขาได้จริง และมีความมั่นคงในชีวิตที่เกิดขึ้นจากความไว้วางใจที่มีต่อสังคม เพราะในโลกสมัยใหม่นั้นรัฐต้องเข้ามารับผิดชอบกับความมั่นคงในชีวิตของทุกคนแทนระบบประเพณีเดิม และการอำนวยความมั่นคงแบบรวมหมู่ก็ประหยัดมากกว่าการทำกันเป็นรายๆไป แบบตัวใครตัวมัน
ประชาธิปไตย ซึ่งต้องมาจากการเลือกตั้งและเปิดช่องให้ทุกคนมีส่วนร่วม นั่นแหละที่มีอำนาจในการต่อต้านคอร์รัปชั่น ถ้าอยากสู้กับคอร์รัปชั่นก็ต้องผลักดันประชาธิปไตย ไม่ใช่เพียงแต่นั่งเทศนาศีลธรรม เพราะศีลธรรมก็ต้องมีเงื่อนไขที่เอื้ออำนวย เหมือนสิ่งอื่นๆในโลก ถ้าเป็นเผด็จการดักดาน ศีลธรรมก็เป็นแค่เรื่องโอ้อวด แต่ในสังคมที่เป็นประชาธิปไตยเท่านั้น ที่จะช่วยให้ศีลธรรมหรือความถูกต้องเป็นจริงเติบโตได้ง่าย

สังคมตอแหลแบบไทยๆ



ประเทศไทยดีที่สุด เพราะมีในหลวง
สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการแสดงหรือเป็นสังคมเสแสร้งเหมือนเป็นโรงลิเกกันแทบทั้งหมด
ทุกสิ่งทุกอย่างในประเทศนี้ล้วนแต่เป็นเรื่องของการแสดงและการจัดฉาก ที่ถือว่าสำคัญกว่าข้อเท็จจริงทุกประการ โดยโรงละครโรงใหญ่ที่เรียกกันว่าประเทศไทยนี้ จะเล่นละครกันอยู่เรื่องเดียวที่มีชื่อเรื่องว่า  ประเทศไทยเรานี้ดีที่สุด ไม่เหมือนใครในโลก
โดยต้องเล่นตามบทที่เขียนโครงเรื่องเอาไว้ว่า...

รัชกาลที่ื 4 พร้อมพระมเหสีและพระโอรส
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอารยธรรม และวัฒนธรรมเก่าแก่ดีงาม เป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่มาตั้งแต่ในอดีต เหนือกว่าอาณาจักรอื่นๆในภูมิภาค  แม้ว่าอาณาจักรไทยของเราจะเคยเพลี่ยงพล้ำในการสงครามแต่ก็กอบกู้เอกราชมาได้เสมอด้วยความสามัคคีของคนในชาติ การเสียสละชีวิตของบรรพบุรุษไทย และด้วยพระปรีชาสามารถของกษัตริย์โดยเฉพาะรัชกาลที่ 4 และ 5 แห่งราชวงศ์จักรี ที่มีทั้งคุณธรรม ความกล้าหาญ และพระอัจฉริยภาพ จนนำพาประเทศชาติให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร เราไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใคร ไม่ยอมสูญเสียดินแดนแม้แต่หนึ่งตารางนิ้วให้แก่ใคร เรายินดีปกป้องเชิดชูศักดิ์ศรีของประเทศชาติไว้เหนือสิ่งอื่นใด เราไม่เคยมีระบบข้าทาส กษัตริย์ไทยปกครองแบบพ่อปกครองลูก และรักราษฎรเหมือนลูกๆของตนเอง ทรงอดทนเหนื่อยยากเพื่อราษฎรมาโดยตลอด
คนไทยเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถไม่แพ้ชาติใด และเราจะยกเอาชื่อเสียงและความสำเร็จมอบถวายให้กษัตริย์ภูมิพลเสมอ
ละครเรื่องนี้ใช้หลักการง่ายๆตลอดเรื่องนั่นคือ อะไรที่ดีๆ เราจะบอกว่าเป็นไทย อะไรที่ไม่ดีก็จะรีบโยนให้คนอื่น ตามคติที่ว่า เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น



ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ คนไทยชอบทำบุญ
ในละครเรื่องนี้ประเทศไทยต้องมีโขน ปี่พาทย์ ระนาดเอก ผ้าไหม มีสาวไทยนั่งบนตั่งแกะสลักผลไม้ มีรำไทย ตลาดน้ำ มีชาวนาผู้เบิกบานและควายที่อ้วนท้วนสมบูรณ์ แข็งแรงประเทศไทยเป็นเมืองพุทธที่เปี่ยมไปด้วยบรรยากาศแห่งความเมตตาและไมตรีจิต ท่ามกลางความอร่ามเรืองของศิลปะ จิตรกรรมในวัด เจดีย์สีทอง และผู้คนที่แต่งตัวแบบไทยๆ นุ่งผ้าฝ้าย ผ้าถุง เดินเข้าวัด ไหว้พระ ทำบุญกับพระสงฆ์ที่ดูเคร่งคัดทุกกระเบียดนิ้ว สำรวม ไม่เป็นกะเทย ไม่เล่นหวย ไม่เล่นยา และมีใบหน้าเปี่ยมด้วยความเมตตาปรานีที่มีแต่รอยยิ้ม หากไม่ใช่ฉากนี้อาจตัดสลับไปที่ฉากความเป็นพุทธสายปฏิบัติหรือพระสายป่า ที่อยู่อย่างสมถะในป่าลึก
เมืองไทยจึงเป็นเมืองพุทธขนานแท้ที่สุดแสนจะลึกซึ้งไม่มีประเทศใดเทียบได้เลย


ห้องนิพพาน ที่หลวงตาบัวมรณภาพ (ภายนอก)
ในละครเรื่องนี้จะให้ตัวละครออกมาบอกว่า ไม่ว่าจะมีความทันสมัยในสังคมแค่ไหน เราก็ยังต้องรักษาจิตวิญญาณแห่งความเป็นพุทธ และรัฐบาลต้องแบ่งงบประมาณมาให้เหล่าสถาปนิกเชิงพุทธมาสร้างสถาปัตยกรรม หรือสวนแห่งจิตวิญญาณกันให้มาก มิเช่นนั้นมันจะถึงกาลเสื่อมแห่งวิถีทางจิตวิญญาณแบบไทย ส่วนจะมีคนจนหรือปัญหาโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ในประเทศที่ต้องใช้งบประมาณอีกมากนั้น ก็ช่างหัวมัน
ห้องนิพพาน ที่หลวงตาบัวมรณภาพ (ภายใน)
เพราะไม่มีอะไรมาสำคัญไปกว่าจิตวิญญาณแบบไทยอีกแล้ว และถ้าจะให้ดีเราต้องช่วยกันสร้างห้องนิพพานจำลองกันให้มากๆ เพื่อคนจะได้เข้าไปสัมผัสประสบการณ์แห่งการเข้าถึงนิพพานแล้วจะได้ไม่ต้องไปกินยาระงับประสาท หรือไม่ต้องไปหมกมุ่นกับปัญหาทางโลกย์ๆ ให้มากนัก

ในละครเรื่องนี้ ภาพของครอบครัวไทยจะเป็นภาพของความรักความกตัญญูของลูกหลานที่มีต่อพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย มีภาพยายกับหลาน ปู่กับหลาน ภาพคนแก่ที่มีความสุขท่ามกลางลูกหลานยอดกตัญญู เป็นคนแก่อารมณ์ดี เราจะไม่มีวันเห็นภาพคุณปู่คุณตาคุณย่าคุณยายเจ้าอารมณ์หรือหงุดหงิดเลย บางครั้งก็จะเป็นภาพคนแก่กำลังโศกเศร้าที่ลูกหลานทิ้งไป เป็นการกระตุ้นให้เรารีบมารักษาวัฒนธรรมไทยด้วยความรักความอบอุ่นในครอบครัว อย่างไม่มีเงื่อนไข

สี่แผ่นดิน นิยายเชิดชูระบอบกษัตริย์ไทย
ผู้หญิงไทยในละครเรื่องประเทศไทยยังคงเป็นแม่พลอยในเรื่องสี่แผ่นดินผู้รักและเทิดทูนสถาบันกษัตริย์และยึดมั่นในประเพณีวัฒนธรรมในรั้ววัง สนใจงานบ้านงานเรือน การปรนนิบัติรับใช้สามีบังเกิดเกล้า สงบเสงี่ยมเจียมตัว นั่งพับเพียบเรียบร้อย ห้ามนั่งไขว่ห้างเป็นอันขาด
ละครประเทศไทย ได้แสดงอย่างต่อเนื่องไปอย่างนี้ปีแล้วปีเล่า ไม่เคยปรับเปลี่ยนโครงเรื่องหรือเนื้อหาให้ทันสมัย มีแต่จะเสริมความตื่นเต้นเข้มข้นที่เกินจริง  ไร้เหตุผล ห่างไกลจากข้อเท็จจริงมากขึ้น แต่ก็ยังมีคนไทยจำนวนมากที่ยึดเอาบทละครประเภทไทยนี้เป็นที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ จนถึงกับหลับตาเสียหนึ่งข้างกับความเป็นจริง
คนไทยจำนวนมาก ถึงกับร้องไห้กับหมาจรจัด เสียใจกับหมาที่ถูกฆ่าเพื่อเป็นอาหารตามกระแสข่าวของรายการเรื่องเล่าเช้านี้ของนายสรยุทธ์แห่งทีวีช่องสาม  แต่คนไทยพวกนี้กลับทำไม่รู้ไม่ชี้กับชะตากรรมของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันที่อดอยาก ยากจน ถูกกดขี่รังแก แม้แต่ถูกสังหารเพียงเพราะมาชุมนุมเรียกร้องรัฐบาลที่จัดตั้งกันในค่ายทหารให้คืนอำนาจให้ประชาชน


พบศพทารกกว่า 2000 ศพ ที่วัดไผ่เงิน 19 พย. 2553
คนไทยจำนวนมากจึงไม่ยอมรับความจริงที่ว่าประเทศไทยของเรานี้ก็มีทุกอย่างเหมือนบ้านเมืองทั่วๆไปในมนุษย์โลกที่เขามีกัน นั่นคือ บ่อน ซ่อง หวย การทำแท้ง  พระที่มอมเมาชาวบ้าน มีการรับสินบนกันทั่วไป มีหมอและมีครูรวมทั้งทหารตำรวจและผู้พิพากษาที่ประพฤติชั่ว และมีอะไรอีกมากมายหลายร้อยพันประการที่เป็นความอัปลักษณ์อันต่างจากภาพฝันที่ละครแบบไทยๆมอบให้แก่เรา ความอัปลักษณ์ใดๆ ก็ตามจะไม่ได้รับการเยียวยาเลย หากเราไม่เริ่มต้นที่การยอมรับความจริงอย่างที่มันเป็น เช่น ประเทศเราก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่ ภาษาไทยก็ไม่ได้เก่าแก่อะไรนักหนา คนไทยก็เหมือนปุถุชนพลเมืองโลกทั่วๆไป ไม่ได้เก่งหรือโง่เป็นพิเศษแต่อย่างใด


คอมมานโด1กองร้อยจากเพชรบุรีบุกบ่อนเตาปูน 22 มิย.2548
ปัญหาเรื่องบ่อน เรื่องซ่อง และอีกหลายๆเรื่องเป็นปัญหาปกติที่ต้องแก้ด้วยการบริหารจัดการล้วนๆคนไทยต้องยอมรับว่าการพนันมีอยู่จริง คนชอบเล่นการพนันมีอยู่จริง คนเที่ยวผู้หญิงก็มีอยู่จริง แทนการห้าม และการปิดตายไปเลย เราน่าจะมีวิธีการบริหารจัดการบ่อนและซ่อง ให้ยังผลประโยชน์แก่คนทุกฝ่าย และปลอดภัยสำหรับคนทุกฝ่าย เช่น ปลอดภัยพอที่จะไม่เป็นการส่งเสริมให้พลเมืองของประเทศติดการพนันจนไม่ทำมาหากิน ซึ่งไม่น่าจัดการยาก แค่ดูตัวอย่างการจัดการของประเทศอื่นๆ ที่มีบ่อนถูกกฎหมายก็น่าจะพอสรุปได้
ภาษีจากบ่อน ก็อาจจะได้นำไปเพิ่มเงินเดือนแก่ตำรวจให้มีรายได้มากพอจะมีชีวิตอยู่อย่างมีศักดิ์มีศรี มีรายได้มากพอจะพยุงเกียรติยศของตน เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้วคงไม่มีตำรวจคนไหนอยากรับเงินเจ้าพ่อหรือลดตัวไปรับเงินร้อยสองร้อยบาทข้างถนนจากผู้ทำผิดกฎจราจร


ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์เตรียมแฉบ่อน-ซ่อง 77 จังหวัด 28พย.2555
แต่มันน่าแปลกใจว่าทำไมคนไทยจึงต้องทำเป็นดัดจริตแตกตื่นกับการฉายคลิ้ปบ่อน กลาง กรุงของ นาย ชูวิทย์ กมล วิศิษฎ์ กันนักหนา เมื่อหลายปีก่อนโทรทัศน์ไอทีวีในสมัยนั้นก็เคยติดกล้องแอบถ่ายตำรวจจราจรรับเงินจากคนขับรถบรรทุก
ทั้งๆที่คนไทยทุกคนก็รู้ดีว่ามีสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นเป็นปกติมานานแล้ว และหลายคนก็คงเคยให้เงินตอบแทนน้ำใจตำรวจจราจรเพื่อจะได้ไม่ต้องไปเสียค่าปรับทีหลัง โดยถือว่าเป็นการช่วยกัน ในเชิงต่างตอบแทน เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทยเงินเดือนก็น้อย ส่วนเรื่องการส่งส่วยให้ตำรวจเป็นรายเดือนก็เป็นสิ่งปกติที่ทำกันมานานแล้ว และมันคงต้องแก้กันด้วยการบริหารจัดการในเชิงระบบ แทบทุกประเทศก็มีการเปิดบ่อนแบบถูกกฎหมาย ประเทศรอบๆบ้านก็เปิดบ่อนถูกกฎหมายเพื่อรับลูกค้าจากประเทศไทยเป็นหลัก อาบอบนวดสมัยใหม่ที่มีกันดาดดื่น รวมทั้งบรรดาคลับหรูที่เปิดบริการเฉพาะสมาชิก ก็คือรูปแบบอำพรางของการค้าประเวณีที่ใครๆก็รู้
แล้วทำไมเมื่อเกิดเหตุการณ์ประเภทแอบถ่ายเอามาแฉ คนจำนวนมาก รวมทั้งคนที่เคยทำ เคยใช้บริการ เคยเห็นสิ่งหรือพฤติกรรมเหล่านั้นด้วยตาของตนเอง ก็ยังรู้สึกว่า ต้องตื่นเต้น ต้องประโคมข่าว ต้องกดดันให้รัฐ ให้ตำรวจจัดการกับเรื่องนี้ให้เด็ดขาดเสียที

นายชูวิทย์แฉบ่อนกลางกรุง 11 ธค.2555
การตื่นเต้นตกใจกับคลิ้ปบ่อนเถื่อนของสังคมไทย ก็ยังเป็นแค่อาการตกใจ เพื่อจะไปเรียกร้อง ศีลธรรม เรียกร้องให้ย้ายตำรวจที่รับผิดชอบ ซึ่งทุกคนก็รู้กันอยู่เต็มอกว่า มันไม่ได้ช่วยอะไร ต่อให้ย้ายเอาตำรวจที่ดีที่สุดในโลกมาคุมก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร เพราะนี่ไม่ใช่ปัญหาระดับตัวบุคคล ไม่ใช่ปัญหาของระดับศีลธรรม แต่เป็นปัญหาของสังคมที่ถูกกล่อมให้หลับใหลจนไม่มีศักยภาพในการคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล และไม่สามารถมองเห็นโลกตามความเป็นจริง
สังคมเช่นนี้เชื่อว่าปัญหาใดๆก็ตามจะถูกทำให้หายไปด้วยการมีคนดีมาดูแล แทนที่จะมุ่งสร้างระบบตรวจสอบ ถ่วงดุล ในการบริหารงานราชการและการเมือง
สังคมเช่นนี้จึงมองเห็นปัญหาบ่อนซ่อง เป็นปัญหาทางศีลธรรมแทนที่จะมองเห็นว่าเป็นปัญหาในระดับการเมืองและเศรษฐกิจ

ชูวิทย์อาศัยลีลาเปิดโปงแฉแหลกในสิ่งที่คนไทยรู้อยู่แล้ว
สังคมเช่นนี้จึงคับแคบตื้นเขินพอที่จะสรุปเอาว่า เหล้า บุหรี่ บ่อน ซ่อง คือ ความเลว และความเสื่อมทางศีลธรรมเท่านั้น ไม่มีทางเป็นอื่น พร้อมกับเสนอชุดความดีที่ตื้นเขิน แบบสำเร็จรูปและเป็นบ่อเกิดของนักบุญจอมปลอมที่เสพกินความโง่เขลา ตื้นเขินของมวลชนเป็นอาหาร นายชูวิทย์ที่นำคลิ้ป ออกมาแฉก็เป็นคนที่รู้ปัญหาเชิงโครงสร้างนี้ดีกว่าใครในฐานะเป็นผู้อยู่ในแวดวงและมีประสบการณ์โดยตรง


นายชูวิทย์เองเป็นเจ้าของอาบอบนวด 6 แห่งในเครือเดวิสกรุ๊ป
และนายชูวิทย์ย่อมรู้ดีว่าการแก้ปัญหานี้ไม่ได้แก้ด้วยการเรียกร้องให้ย้ายตำรวจ หรือการปลุกให้ประชาชนแตกตื่น แต่มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเล่นละครไปตามบท เพื่อจะได้รับเสียงปรบมือ ชื่นชมจากคนดูในฐานะผู้พิทักษ์ความถูกต้อง กล้าพูด กล้าเปิดโปง และแล้วสังคมไทยคนไทยก็มีชีวิตรอดกันไปอีกวัน ด้วยหนทางการแก้ปัญหาแบบละคร และทิ้งความจริงให้ดำเนินต่อไปอย่างไม่ใยดี

............





ไม่มีความคิดเห็น: