น้ำหมักอีเอ็ม
มีการค้นพบเอ็นไซม์ ตั้งแต่เมื่อสองร้อยปีก่อนในยุโรปในชื่อ คอมบูชา Kombucha ที่อเมริกาได้ทำเป็นแอปเปิ้ลไซเดอร์ ( apple cider )
มีการค้นพบเอ็นไซม์ ตั้งแต่เมื่อสองร้อยปีก่อนในยุโรปในชื่อ คอมบูชา Kombucha ที่อเมริกาได้ทำเป็นแอปเปิ้ลไซเดอร์ ( apple cider )
ญี่ปุ่นได้นำเอามาวิจัยจนพบจุลินทรีย์อีเอ็ม หรือ Effective
Micro - organ isms โดย ศาสตราจารย์ ดร.เทรโอะ ฮิงะ ( TEROU
HIGA ) แห่งมหาวิทยาลัยริวกิว เมืองโอกินาว่า และพัฒนานำไปใช้ทางด้านชีวเคมี
เป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆในชีวิตประจำวัน พร้อมทั้งคุณสมบัติในการคืนสภาพเซลล์ จีนและอินเดียได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้มาก
เพราะสามารถนำไปผสมผสานกับนาโนเทคโนโลยี พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ได้มากมาย
ดร.ดิ๊คซี่ ฟูลเลอร์ ( Dr. Dicqie Fuller ) ของสหรัฐ ได้ใช้เอนไซม์รักษาโรคและฟื้นฟูเซลล์เหมือนนำสารอาหารดูดซึมเข้าเซล
สูตรวิธีการทำน้ำหมัก
สูตร 3:1:5
-นำผลไม้ที่ต้องการหมัก มาล้างน้ำ อย่างน้อย 5 ครั้งผลไม้ที่น่าสนใจ ได้แก่ มะขามป้อม ลูกยอ บอระเพ็ด สมอ ลิ้นจี่ ลำใย หรือผลไม้อื่นๆ ที่มีตามฤดูกาล
-ตัดผลไม้ส่วนที่เสียหรือโดนแมลงกัดเจาะออกไป
-ใช้สูตร 3:1:5 เตรียมของหมัก 3 กิโลกรัม ต่อ น้ำตาลทรายแดง 1 ก.ก. และ น้ำสะอาด 5 ลิตร ( ห้ามใช้น้ำที่มีคลอรีน )
น้ำหมักผลไม้หมักใว้ให้ได้เวลา 1 ปี
วิธีหมัก
-ใส่น้ำ และน้ำตาลทรายแดงตามส่วนข้างต้น ละลายเข้าด้วยกัน ใส่ผลไม้ตามส่วน ปิดฝาถังหลวม ๆ
-ทุกเย็นหมั่นกดผลไม้ให้จมเพื่อป้องกันส่วนบนเน่า และทำความสะอาดฝาภายในถังและขอบภายในถังให้สะอาด
-เมื่อเกิดฝ้าขาวนิ่งแล้วจึงปิดฝาสนิท ทิ้งไว้ ซึ่งส่วนนี้จะกลายเป็นวุ้นในโอกาสต่อไป
-เก็บในที่อุณภูมิปกติ มีอากาศถ่ายเทสะดวก ห้ามโดนแสงแดด
ส่วนน้ำหมักเศษอาหาร ต้องหมักอย่างน้อย 4 เดือน
ถ้าใช้ถัง 20 ลิตร ใส่น้ำไม่มีคลอรีน 10 ลิตร น้ำตาลทรายแดง 2 ก.ก. ผลไม้ 6 ก.ก.
ถ้าถัง 50 ลิตร ใส่น้ำไม่มีคลอรีน 25 ลิตร น้ำตาลทรายแดง 5 ก.ก. ผลไม้ 20 ก.ก.
ถัง 120 ลิตร ใส่น้ำไม่มีคลอรีน 60 ลิตร ตาลทรายแดง 12 ก.ก. ผลไม้ 36 ถึง 40 ก.ก.
ดร.ดิ๊คซี่ ฟูลเลอร์ ( Dr. Dicqie Fuller ) ของสหรัฐ ได้ใช้เอนไซม์รักษาโรคและฟื้นฟูเซลล์เหมือนนำสารอาหารดูดซึมเข้าเซล
สูตรวิธีการทำน้ำหมัก
สูตร 3:1:5
-นำผลไม้ที่ต้องการหมัก มาล้างน้ำ อย่างน้อย 5 ครั้งผลไม้ที่น่าสนใจ ได้แก่ มะขามป้อม ลูกยอ บอระเพ็ด สมอ ลิ้นจี่ ลำใย หรือผลไม้อื่นๆ ที่มีตามฤดูกาล
-ตัดผลไม้ส่วนที่เสียหรือโดนแมลงกัดเจาะออกไป
-ใช้สูตร 3:1:5 เตรียมของหมัก 3 กิโลกรัม ต่อ น้ำตาลทรายแดง 1 ก.ก. และ น้ำสะอาด 5 ลิตร ( ห้ามใช้น้ำที่มีคลอรีน )
น้ำหมักผลไม้หมักใว้ให้ได้เวลา 1 ปี
วิธีหมัก
-ใส่น้ำ และน้ำตาลทรายแดงตามส่วนข้างต้น ละลายเข้าด้วยกัน ใส่ผลไม้ตามส่วน ปิดฝาถังหลวม ๆ
-ทุกเย็นหมั่นกดผลไม้ให้จมเพื่อป้องกันส่วนบนเน่า และทำความสะอาดฝาภายในถังและขอบภายในถังให้สะอาด
-เมื่อเกิดฝ้าขาวนิ่งแล้วจึงปิดฝาสนิท ทิ้งไว้ ซึ่งส่วนนี้จะกลายเป็นวุ้นในโอกาสต่อไป
-เก็บในที่อุณภูมิปกติ มีอากาศถ่ายเทสะดวก ห้ามโดนแสงแดด
ส่วนน้ำหมักเศษอาหาร ต้องหมักอย่างน้อย 4 เดือน
ถ้าใช้ถัง 20 ลิตร ใส่น้ำไม่มีคลอรีน 10 ลิตร น้ำตาลทรายแดง 2 ก.ก. ผลไม้ 6 ก.ก.
ถ้าถัง 50 ลิตร ใส่น้ำไม่มีคลอรีน 25 ลิตร น้ำตาลทรายแดง 5 ก.ก. ผลไม้ 20 ก.ก.
ถัง 120 ลิตร ใส่น้ำไม่มีคลอรีน 60 ลิตร ตาลทรายแดง 12 ก.ก. ผลไม้ 36 ถึง 40 ก.ก.
การนำน้ำหมักมาขยายต่อ
ใช้สูตร 1:5:5
น้ำตาลทรายแดงหรือน้ำผึ้ง 1 ส่วน ต่อน้ำหมัก 5 ส่วน และน้ำบริสุทธิ์ไม่มีคลอรีน 5 ส่วน
โดยนำน้ำหมักที่หมักครบ 6 เดือนขึ้นไป แยกออกมา แล้วเติมน้ำบริสุทธิ์ไม่มีคลอรีนเข้าไปผสม ในปริมาณที่เท่ากัน เช่น เอาน้ำหมักออกมา 50 ลิตร ก็เติมน้ำสะอาดที่ไม่มีคลอรีนเข้าไป 50 ลิตร กับน้ำตาลทรายแดง 10 กิโลกรัม แล้วหมักโดยไม่ต้องคน ปิดฝาให้แน่น ต่อไปอีก 6 เดือนขึ้นไปจนครบ 1 ปี ก็นำมากินได้
หากต้องการขยายต่อ ก็ทำเหมือนเดิม คือ แยกน้ำหมักแล้วเติมน้ำกรองเข้าไปผสมกับน้ำหมักในปริมาณเท่ากัน แล้วเติมน้ำตาลทรายแดง หรือถ้าจะให้ดีก็เติมน้ำผึ้งแทน ด้วยสูตร 1:5:5 ปิดฝาแน่นไปอีก 1 ปี ยิ่งหมักนานเป็น 10 ปียิ่งดี หากต้องการขยายต่ออีกก็ทำไปเรื่อยๆ
การเพิ่มน้ำหมัก
โดยใช้กากผลไม้มาขยายต่อ
กากผลไม้ที่เหลือจากการนำน้ำหมักออกไปทำการขยาย ก็สามารถนำมาหมักขยายต่อได้อีก
โดยใช้สูตรเดิมคือ 1:3:5 คือ น้ำตาลทราย 1 ส่วน กากผลไม้ 3 ส่วน น้ำบริสุทธิ์ไม่มีคลอรีน 5 ส่วน
หมักไปจนครบ 1 ปี ขยายต่อไปได้เรื่อย ๆ จนกากเป็นผงนำมากวนผสมน้ำผึ้งได้อีก
ผลไม้ที่มีคุณค่าทางเวชศาสตร์สูง
ใช้สูตร 1:5:5
น้ำตาลทรายแดงหรือน้ำผึ้ง 1 ส่วน ต่อน้ำหมัก 5 ส่วน และน้ำบริสุทธิ์ไม่มีคลอรีน 5 ส่วน
โดยนำน้ำหมักที่หมักครบ 6 เดือนขึ้นไป แยกออกมา แล้วเติมน้ำบริสุทธิ์ไม่มีคลอรีนเข้าไปผสม ในปริมาณที่เท่ากัน เช่น เอาน้ำหมักออกมา 50 ลิตร ก็เติมน้ำสะอาดที่ไม่มีคลอรีนเข้าไป 50 ลิตร กับน้ำตาลทรายแดง 10 กิโลกรัม แล้วหมักโดยไม่ต้องคน ปิดฝาให้แน่น ต่อไปอีก 6 เดือนขึ้นไปจนครบ 1 ปี ก็นำมากินได้
หากต้องการขยายต่อ ก็ทำเหมือนเดิม คือ แยกน้ำหมักแล้วเติมน้ำกรองเข้าไปผสมกับน้ำหมักในปริมาณเท่ากัน แล้วเติมน้ำตาลทรายแดง หรือถ้าจะให้ดีก็เติมน้ำผึ้งแทน ด้วยสูตร 1:5:5 ปิดฝาแน่นไปอีก 1 ปี ยิ่งหมักนานเป็น 10 ปียิ่งดี หากต้องการขยายต่ออีกก็ทำไปเรื่อยๆ
การเพิ่มน้ำหมัก
โดยใช้กากผลไม้มาขยายต่อ
กากผลไม้ที่เหลือจากการนำน้ำหมักออกไปทำการขยาย ก็สามารถนำมาหมักขยายต่อได้อีก
โดยใช้สูตรเดิมคือ 1:3:5 คือ น้ำตาลทราย 1 ส่วน กากผลไม้ 3 ส่วน น้ำบริสุทธิ์ไม่มีคลอรีน 5 ส่วน
หมักไปจนครบ 1 ปี ขยายต่อไปได้เรื่อย ๆ จนกากเป็นผงนำมากวนผสมน้ำผึ้งได้อีก
ผลไม้ที่มีคุณค่าทางเวชศาสตร์สูง
มะขามป้อม มะขามป้อมมีวิตามินซีสูง และยังมีแทนนิน โพลีฟีนัล ป้องกันและรักษาโรคได้หลายอย่าง บางคนกินน้ำมะขามป้อมคั้นกับน้ำผึ้งอย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ ทุกเช้า น้ำมะขามป้อมคั้น 1ช้อนโต๊ะกับน้ำมะระคั้นสด 1 ถ้วย ดื่มทุกวันติดต่อกันนาน 2 เดือน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ลดโคเลสเตอรอลในกระแสเลือด ลดการอักเสบในทุกระบบของร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญทำให้เกิดการสั่งสมพิษ และโรคร้ายต่างๆรวมทั้งมะเร็ง
บอระเพ็ด เป็นยาอายุวัฒนะ เคี้ยวกินสดๆฟรือทำเป็นยาลูกกลอนผสมน้ำผึ้งไว้กินทุกวัน หรือผสมกับยาตัวอื่นๆ ใช้แก่นและเถาบอระเพ็ด ต้มรวมกันกินเป็นชา ลดน้ำตาลในเลือดและกระตุ้นให้เซลตับอ่อนหลั่งอินซูลิน
ลูกยอ ช่วยรักษาโรคติดสุราหรือยาเสพติด อาการแพ้ ข้ออักเสบ หอบหืด โรคสมอง แผลพุพอง มะเร็ง โรคเส้นโลหิตหล่อเลี้ยงหัวใจ แพ้สารเคมี อ่อนเพลียเรื้อรัง เบาหวาน โรคทางเดินอาหาร เก๊าท์ ความดันโลหิตสูง ภูมิคุ้มกันต่ำ อาการอักเสบ ปวดบวม เส้นโลหิตตีบ ปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อ โปลิโอ ปวดในข้อ ไซนัส และใช้เป็นยารักษาสัตว์ ช่วยลดพิษในร่างกาย ทำให้เซลล์อ่อนเยาว์ลง ร่างกายทำงานได้เป็นปกติ ป้องกันเชื้อแบคทีเรียและไวรัส ลดอาการปวด ดูดซึมอาหารและยาได้ดีขึ้น ควบคุมน้ำหนัก นอนหลับสบาย ทำให้เลือดบริสุทธิ์ เซลล์ทำงานได้ดีขึ้น ซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมโทรม เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ลดความเครียด ช่วยระบบย่อยอาหาร ทำให้ตื่นตัว มีสมาธิ ช่วยรักษาผิว ผม และหนังศีรษะ ลดความเสี่ยงการเป็นโรคสูงวัย เช่น เส้นโลหิตตีบ โรคหัวใจ เบาหวาน อัมพฤกษ์ เนื้องอกและมะเร็ง
สมอ มีสรรพคุณแก้สารพัดโรค เรียกว่าโอสถทิพย์ ที่มีเกือบครบทุกรส มีสรรพคุณกัดเสมหะ แก้ไอ ฟอกโลหิต แก้ท้องผูก ล้างเมือกมันในลำไส้ สมานแผลในปาก และแผลในกระเพาะลำไส้ แก้ท้องเสีย แก้บิด ระงับการถ่าย บำรุงกำลัง แก้ไข้ บำรุงน้ำดี ถอนพิษ ช่วยเจริญอาหาร ขับลมในกระเพาะลำไส้ แก้ปวดท้องจุกเสียด ช่วยย่อยอาหาร ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง แก้น้ำเหลืองเสีย แก้พิษฝี พิษแมลงสัตว์กัดต่อย แก้พยาธิต่างๆ แก้ริดสีดวง ระงับประสาท ทำให้นอนหลับสบาย
ใช้สมอไทย 1 ลูก แช่ในน้ำ 1 แก้ว เป็นเวลา 1 คืน ตื่นเช้ากินทั้งน้ำและเนื้อ เป็นยาบำรุงกำลัง แก้โรคท้องผูก ช่วยชำระล้างลำไส้ให้สะอาด กินวันละ 3-5 ลูกทุกวันแก้โรคท้องผูก
ผู้ที่มีอาการไอ เจ็บคอ เสียงแห้ง
มีเสมหะ คันคอ ให้เอาเนื้อลูกสมอไทยมาผสมเกลือและข่าแก่พอสมควร ตำรวมกันให้แหลกเข้ากันดี
แล้วแบ่งอมขนาดเท่าปลายนิ้วก้อย ที่เหลือเก็บแช่ตู้เย็นไว้ใช้ต่อ หลังจากอมต่อเนื่องราว
1 อาทิตย์ เสียงจะใส
ลิ้นจี่ มีวิตามินบี 2 โปแแตสเซียม และมีวิตามินซีสูงมาก เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ช่วยบำรุงหลอดเลือด กระดูกและฟัน มีวิตามิน บี 1 ป้องกันโรคเหน็บชา วิตามินบี 2 ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตป้องกันไขมันอุดตันหลอดเลือด มีแคลเซียมเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง มีไนอะซีน ช่วยเปลี่ยนน้ำตาลและไขมันให้เป็นพลังงานช่วยระบบย่อยอาหาร เป็นยาบำรุง แก้อาการไอเรื้อรัง คัดจมูก ท้องเดิน ลดกรดในกระเพาะอาหาร ระบบทางเดินอาหาร ชาเปลือกลิ้นจี่บรรเทา อาการหวัด การติดเชื้อในลำคอ ท้องเสีย โรคจากการติดเชื้อไวรัส เมล็ดมีฤทธิ์แก้ปวดบวม โดยใช้บดเป็นผงชงน้ำดื่ม หรือใช้พอกบริเวณมีอาการ
มีสารฟลาโวนอยด์มีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็ง ยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งเต้านม
น้ำหมักจากเศษอาหาร
เกิดจากการเก็บเศษอาหารมาหมักรวมกัน ช่วยลดปริมาณขยะจากครัวเรือน เพราะเศษอาหารก็ยังมีคุณค่าทางสารอาหารไม่ต่างจากอาหารที่เรารับประทาน จึงควรแปรรูปให้เกิดประโยชน์ โดยต้องหมักไว้ไม่น้อยกว่า 4 เดือน ยิ่งนานยิ่งดี ถ้าหมักเกิน 10 ปีขึ้นไป ใช้หยอดในน้ำมันเครื่องของรถ จะช่วยให้เครื่องยนต์เดินเงียบ ทำงานดีขึ้น น้ำหมักยิ่งนาน ยิ่งมีคุณค่า เพิ่มมากขึ้น เห็นผลเร็วขึ้น
ใช้แช่ผัก ให้สดและกรอบ ใช้แปรงฟัน บ้วนปาก ล้างหินปูน ช่วยให้ฟันขาว ใช้ซักผ้า ทำให้ผ้าขาว ทำความสะอาดห้องน้ำ ล้างคราบสกปรก กำจัดกลิ่นและเชื้อรา ใช้สารพัดประโยชน์
ลิ้นจี่ มีวิตามินบี 2 โปแแตสเซียม และมีวิตามินซีสูงมาก เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ช่วยบำรุงหลอดเลือด กระดูกและฟัน มีวิตามิน บี 1 ป้องกันโรคเหน็บชา วิตามินบี 2 ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตป้องกันไขมันอุดตันหลอดเลือด มีแคลเซียมเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง มีไนอะซีน ช่วยเปลี่ยนน้ำตาลและไขมันให้เป็นพลังงานช่วยระบบย่อยอาหาร เป็นยาบำรุง แก้อาการไอเรื้อรัง คัดจมูก ท้องเดิน ลดกรดในกระเพาะอาหาร ระบบทางเดินอาหาร ชาเปลือกลิ้นจี่บรรเทา อาการหวัด การติดเชื้อในลำคอ ท้องเสีย โรคจากการติดเชื้อไวรัส เมล็ดมีฤทธิ์แก้ปวดบวม โดยใช้บดเป็นผงชงน้ำดื่ม หรือใช้พอกบริเวณมีอาการ
มีสารฟลาโวนอยด์มีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็ง ยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งเต้านม
น้ำหมักจากเศษอาหาร
เกิดจากการเก็บเศษอาหารมาหมักรวมกัน ช่วยลดปริมาณขยะจากครัวเรือน เพราะเศษอาหารก็ยังมีคุณค่าทางสารอาหารไม่ต่างจากอาหารที่เรารับประทาน จึงควรแปรรูปให้เกิดประโยชน์ โดยต้องหมักไว้ไม่น้อยกว่า 4 เดือน ยิ่งนานยิ่งดี ถ้าหมักเกิน 10 ปีขึ้นไป ใช้หยอดในน้ำมันเครื่องของรถ จะช่วยให้เครื่องยนต์เดินเงียบ ทำงานดีขึ้น น้ำหมักยิ่งนาน ยิ่งมีคุณค่า เพิ่มมากขึ้น เห็นผลเร็วขึ้น
ใช้แช่ผัก ให้สดและกรอบ ใช้แปรงฟัน บ้วนปาก ล้างหินปูน ช่วยให้ฟันขาว ใช้ซักผ้า ทำให้ผ้าขาว ทำความสะอาดห้องน้ำ ล้างคราบสกปรก กำจัดกลิ่นและเชื้อรา ใช้สารพัดประโยชน์
ไข่ดิบดองน้ำส้มสายชูหมัก
สรรพคุณ
: ปรับสมดุลในร่างกาย
แก้ไขและยกระดับระบบการเกิดและย่อยสลายของเซลล์นร่างกายให้ดีขึ้น
เพิ่มความแข็งแรงของร่างกายเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคของร่างกายให้ดียิ่งขึ้น ช่วยรักษาโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ
เลือดข้นและเหนียว เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตต่ำ
ลดไขมันในเลือด
(ทั้งคลอเรสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์) ไทรอยด์ อัมพฤกษ์หรืออัมพาต
อันเนื่องจากเส้นเลือดในสมองตีบ ละลายหินปูน อาการเมื่อยชา ตึง ปวด
และบวมตามร่างกาย ปวดเข่า ปวดหลัง ขาไม่มีแรง (ส่วนใหญ่เกิดจากหินปูนพอกกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท)
โรคข้ออักเสบ ไหล่ติด หน้ามืดบ่อยๆ หมดความรู้สึกทางเพศ ทำให้หลอดเลือดสะอาด
เลือดหมุนเวียนได้สะดวก สร้างภูมิต้านทาน ไม่เกิดสิว แผลสดจะหายเร็วกว่าปกติ
ใบหน้าอ่อนวัย แข็งแรงกว่าเดิม เป็นยารักษาโรคครอบจักรวาล สำหรับผู้สูงอายุ 40
ปีขึ้นไป ไม่มีผลข้างเคียงเพราะมาจากธรรมชาติ ทำได้เอง และ เห็นได้ผล
ตัวยา :
ตัวยา :
1. น้ำส้มสายชูหมักจากข้าวหรือผลไม้จะมีวิตามินซีสูงมาก
(มีสีคล้ายน้ำชาอ่อน) ที่มีขาย คือ ตราเพชร DIAMOND (ผิดกับน้ำส้มสายชูกลั่นที่ใสและเป็นสารเคมี) เปลือกไข่จะนิ่มลงหลังจากดองได้ 1-2 วัน ทันทีี่เริ่มดองจะมีก๊าซเล็กๆจำนวนมากผุดออกมา
2. ไข่ไก่สดใหม่
8 ฟอง ต่อน้ำส้มสายชูหมัก 1 ขวด (ถ้ากิน
2 คนใช้ไข่ไก่ 16 ฟอง ต่อน้ำส้ม 2
ขวด ไข่ไก่เล็กเบอร์ 3 หรือ เบอร์ 4 จะเหมาะที่สุด) ห้ามแช่เย็นมาก่อน ถ้าใช้ไข่แช่เย็นจะเน่าเสียหมด
3. ใช้โหลแก้ว
เท่านั้น ไข่ไม่ควรซ้อนกัน จะได้ไม่แตกง่าย
การเตรียมยา
2. ไข่ไก่สดใหม่ 8 ฟอง ต่อน้ำส้มสายชูหมัก 1 ขวด (ถ้ากิน 2 คนใช้ไข่ไก่ 16 ฟอง ต่อน้ำส้ม 2 ขวด ไข่ไก่เล็กเบอร์ 3 หรือ เบอร์ 4 จะเหมาะที่สุด) ห้ามแช่เย็นมาก่อน ถ้าใช้ไข่แช่เย็นจะเน่าเสียหมด
3. ใช้โหลแก้ว เท่านั้น ไข่ไม่ควรซ้อนกัน จะได้ไม่แตกง่าย
การเตรียมยา
เช็ดผิวไข่ให้สะอาด
เช็ดให้แห้งนำไปเรียงในโหลแก้ว เทน้ำส้มสายชูหมักให้ท่วมไข่ (1 โหลต่อไข่ 8 ฟอง) ทิ้งไว้นาน 4-5 วันเต็ม เปลือกไข่จะยุบ ไข่จะนิ่ม
หนึ่งหรือสองวันแรก ควรปิดฝาขวดให้หลวม เพื่อให้แก๊สที่เกิดระบายออก
หลังจากนั้นควรปิดฝาขวดโหลจนครบ 4-5 วัน นำไข่ออกมากินวันละ 1
ฟอง จนหมดจึงทิ้งน้ำส้ม ควรกินติดต่อกันจะได้ผลเร็วมาก
การรับประทานยา
การรับประทานยา
นำไข่ซึ่งนิ่ม
1 ฟอง เปิดน้ำประปาล้างไข่พร้อมใช้นิ้วลูบเปลือกไข่เบาๆ เปลือกไข่จะยุ่ยหลุดออกเหมือนแป้งจนเกือบหมดเหลือเยื่อใสๆ
หุ้มไข่ขาวและไข่แดงอยู่ นำไข่ใส่แก้ว ใช้ไม้จิ้มฟันเจาะเอาเยื้อหุ้มไข่ทิ้ง นำไข่แดงและไข่ขาวมากินหลังอาหารเช้า
วันละ 1 ฟอง ห้ามกินตอนท้องว่าง ถ้ากินยากให้ผสมน้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อมก็ได้
แต่ห้ามทำให้สุกเด็ดขาดเพราะน้ำส้มจะเสื่อมสภาพ หลังกินแล้วให้ดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำธรรมดาให้มากๆทั้งวันเพื่อระบายท้องเสีย
หลังกินยาห้ามดื่มน้ำเย็นทันทีเพราะอาจทำให้คลื่นไส้ ถ้าหายดีแล้วควรกินเป็นประจำ
แต่ลดยาลงเหลืออาทิตย์ละ 2-3 ฟอง (ทุกครั้งที่กินยาห้ามนอนทันที
แต่ควรทำอะไรไปพลางก่อนเพื่อให้ยาเดิน ) ควรกินยาหลังอาหารมื้อเช้าประมาณ 10-15
นาที จะดีที่สุด อาจดื่มน้ำมะนาวหรือของเปรี้ยวอื่นๆเล็กน้อย ตบท้าย
จะช่วยให้รู้สึกดีมาก มีน้อยมากที่กินยาติดต่อกันแล้วมีอาการร้อนใน เช่น
ปากเป็นเม็ด ริมฝีปากแห้ง หรือมีขี้ตา ก็ควรหยุดกินยาชั่วคราว แล้วแก้อาการร้อนในด้วยการกินยาเขียวตราใบห่อชนิดระบายอ่อน
ในบางรายมีอาการปวดหรือชาอาจมากขึ้นภายในหนึ่งหรือสองวัน ให้อดทนกินต่อไป โดยทั่วไปแล้วอาการจะดีขึ้น
เนื่องจากเป็นช่วงยาออกฤทธิ์ใหม่ๆโดยเฉพาะผู้ที่กำลังป่วยอยู่
การทำงานของยาประวัติและการวิเคราะห์
ไข่ดองน้ำส้มสายชูหมัก เป็นตำรายาโบราณของจีนสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ สืบทอดเผยแพร่ไปทั่วเอเชีย และอเมริกา รักษาได้หลายโรคโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ หัวใจจะแข็งแรง
1. ผู้มีอาการเสี่ยงต่อการช๊อก
ได้แก่โรคหัวใจ (เจ็บแปลบๆจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเพราะเส้นเลือดฝอยตีบ) ,
ผู้ที่เคยผ่าตัดหัวใจทำบายพสแล้วแต่เป็นซ้ำอีก , หัวใจโต , น้ำตาลในเลือดสูง , ความดันโลหิตสูง
เส้นเลือดฝอยเปราะอาจเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ น้ำส้มสายชูหมักมีวิตามินซีสูงมากทำให้เส้นเลือดเหนียว
เปราะแตกยาก
2.ผู้ป่วยที่กินยาติดต่อกัน
30 ฟอง ระดับน้ำตาล , ความดัน ,
คลอเรสเตอรอล ไตรกรีเซอร์ไรด์ จะลดลงใกล้เคียงปกติ แต่ต้องทำยาให้ถูกต้อง
และกินต่อเนื่อง
2.ผู้ป่วยที่กินยาติดต่อกัน 30 ฟอง ระดับน้ำตาล , ความดัน , คลอเรสเตอรอล ไตรกรีเซอร์ไรด์ จะลดลงใกล้เคียงปกติ แต่ต้องทำยาให้ถูกต้อง และกินต่อเนื่อง
3. โรคที่เกิดจากหินปูนกดทับเส้นประสาทควบคุมการเคลื่อนไหว
เช่น เมื่อย ชา ปวด บวม ข้อและเข่าอักเสบ ไหล่ติด นิ้วมือเท้าแข็ง ตับ ไต ไทรอยด์
นอนไม่หลับ ฯลฯ น้ำส้มสายชูจะละลายหินปูนตามข้อต่างๆ รวมทั้งนิ่วและในไต ทำให้เส้นประสาทสั่งการจากสมองได้สมบูรณ์ด้วยการทำความสะอาดเส้นเลือดฝอยทำให้เลือดเดินได้สะดวก
อวัยวะต่างๆ เช่น ตับ ตับอ่อน ไต หัวใจ ม้าม ฯลฯ สามารถฟื้นตัวได้ปกติ โดยอาศัยไข่ไก่เป็นตัวพาน้ำส้มสายชูไปทำความสะอาดผนังหลอดเลือดในรูปของสารอาหารเพราะน้ำส้มสายชูหมักถือเป็นสิ่งแปลกปลอมทางร่างกาย
ถ้ารับประทานโดยตรงร่างกายจะไม่ดูดซึม และถูกขับออกทั้งหมดทางปัสสาวะ
4. น้ำส้มสายชูหมักในไข่ไก่จะละลายหินปูนและทำความสะอาดผนังทางหลอดเลือดทั่วร่างกาย
รวมทั้งในกระดูก ทำให้เลือดสะอาด ไหลเวียนสะดวก จึงรักษาโรคอัมพฤกษ์และอัมพาตหายได้
เพราะทำให้เซลล์ทั่วร่างกายฟื้นตัวกลับสู่ปกติ
เพราะได้รับสารอาหารและออกซิเจนจากเลือดอย่างพอเพียงและทั่วถึง และดึงของเสียที่เกิดจากการใช้งานของเซลล์กลับออกมา
เท่ากับการป้องกันและยับยั้งการเกิดการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง
5. ยาไข่ดองน้ำส้มสายชูหมักใช้ได้ผลดีและได้ผลรวดเร็วมาก แต่ที่ไม่แพร่หลายในสังคมไทยอย่างเปิดเผยเป็นทางการเพราะอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจยาและยังเป็นยาที่ทำยากและทานยาก
จึงไม่ค่อยแพร่หลายมากนัก
....
....
4. น้ำส้มสายชูหมักในไข่ไก่จะละลายหินปูนและทำความสะอาดผนังทางหลอดเลือดทั่วร่างกาย รวมทั้งในกระดูก ทำให้เลือดสะอาด ไหลเวียนสะดวก จึงรักษาโรคอัมพฤกษ์และอัมพาตหายได้ เพราะทำให้เซลล์ทั่วร่างกายฟื้นตัวกลับสู่ปกติ เพราะได้รับสารอาหารและออกซิเจนจากเลือดอย่างพอเพียงและทั่วถึง และดึงของเสียที่เกิดจากการใช้งานของเซลล์กลับออกมา เท่ากับการป้องกันและยับยั้งการเกิดการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง
5. ยาไข่ดองน้ำส้มสายชูหมักใช้ได้ผลดีและได้ผลรวดเร็วมาก แต่ที่ไม่แพร่หลายในสังคมไทยอย่างเปิดเผยเป็นทางการเพราะอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจยาและยังเป็นยาที่ทำยากและทานยาก จึงไม่ค่อยแพร่หลายมากนัก
....
....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น