ฟังเสียง : http://www.mediafire.com/?r3ws0km586ln7kl
หรือที่ : http://www.4shared.com/mp3/31QsNzQP/See_Thru_Floor_16_-1606_.html...........
...........
ชีวิตคนไทยภายใต้ฝ่าพระบาท

ความเป็นไทย




กรณีการขัดขวางพ.ร.บ.3 ฉบับ คือ ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขกฎหมายลักษณะอาญา วิธีพิจารณาความอาญาและ ประมวลกฎหมายอาญาทหาร ให้ผู้ต้องโทษให้ประหารชีวิตต้องได้ขอพระราชทานอภัยโทษ และยอมให้ญาติขอแทนได้ด้วย และในระหว่างที่ยังไม่ได้ทรงวินิจฉัยให้รอการประหารชีวิตไว้ กลายเป็นศาลชั้นที่ 4 คือกษัตริย์เป็นเจ้าชีวิตของราษฎร

การที่รัชกาลที่ 7 สนับสนุนการก่อกบฎเพื่อโค่นล้มการปกครองแบบประชาธิปไตย เป็นความผิดฐานสนับสนุนการก่อกบฎ มีโทษถึงประหารชีวิต เช่นเดียวกับกษัตริย์ภูมิพลที่สนับสนุนการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยมาแล้วหลายครั้ง

ถือเป็นความพยายามแทรกแซงการบังคับใช้กฎหมายและการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม





นอกจากนี้ยังมีพวกราชนิกูลหรือพวกที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขของจักรี ที่ได้รับพระราชทานนามสกุลในฐานะที่เป็นลูกหลานของพระราชโอรสและพระราชธิดาทั้งหลายอยู่ประมาณ 131 ราชสกุล ครอบครัวเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะรับใช้อยู่ในสำนักพระราชวัง และดูแลกิจการโครงการพระราชดำริที่มีมากมายหลายร้อยโครงการ





นายกรัฐมนตรีจอมพล ป. ไม่มีเวลาแม้แต่จะหยิบแปรงสีฟัน ต้องหนีออกจากประเทศทันที พร้อมด้วยผู้ติดตามเพียงสองสามคนเท่านั้นโดยเดินทางด้วยรถยนต์ ต่อด้วยเรือประมงเข้าเขมรทางเกาะกง พลตำรวจเอกเผ่า เจ้าพ่อฝิ่น ต้องลี้ภัยไปอยู่ที่สวิสเซอร์แลนด์

![]() |
วุฒิสมาชิกโนเบิร์ตเคนเนดี้เข้าพบนายกสฤษดิ์ |




ช่วงสิบปีระหว่าง 2490 ถึง 2500 ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์ประเทศไทย ที่ได้ฝังรากของปัญหาที่มีผลต่อมาถึงอนาคตของชาติและปัญหาของประเทศในปัจจุบัน

ทหารในพระเจ้าอยู่หัว
เพื่อรัฐบาลของพระเจ้าอยู่หัว


จับเรียบ ฆ่าเรียบ
และ เผาให้เรียบ







พัฒนาการของรัฐธรรมนูญ
และระบอบการเมือง
ก่อนวันที่ 19 กันยายน 2549





แต่กษัตริย์ไทยเป็นผู้ใช้อำนาจสูงสุดและเป็นจอมทัพไทยโดยห้ามผู้ใดละเมิดหรือฟ้องร้อง ในเมื่อกษัตริย์เป็นหัวหน้าที่สนับสนุนและรับรองการรัฐประหาร จึงทำให้บทบัญญัตินี้ รวมทั้งกฎหมายอาญาที่ห้ามการเป็นกบฏ ไม่มีความหมายใดๆ เมื่อเทียบกับความต้องการของพระเจ้าอยู่หัว
สถานะของกษัตริย์ในรัฐธรรมนูญ
หลังการปฏิวัติ 2475


แนวคิดเรื่องการละเมิดมิได้

หลักพระมหากษัตริย์ทรงกระทำผิดมิได้ เพื่อให้กษัตริย์ดำรงฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ โดยมีผู้ลงนามสนองพระบรมราชโองการเป็นผู้รับผิดชอบ ดังนั้น กษัตริย์จะต้องเว้นการกระทำใดๆโดยเปิดเผยอันอาจทำให้ประชาชนนำไปวิจารณ์








ล้างสมองรองรับระบอบกษัตริย์


นับตั้งแต่ทศวรรษที่ 2490 ถึงทศวรรษที่ 2520 มีการโหมโฆษณาเรื่องความเป็นไทย ที่สอนให้ยอมจำนนต่อระบอบราชาธิปไตยที่อาศัยการอุปถัมภ์ค้ำชูจากกษัตริย์ โดยมีพวกชนชั้นสูงที่นิยมเจ้าช่วยทำการตลาดเผยแพร่ความคิดที่สวามิภักดิ์จงรักภักดี ให้ประชาชนยอมศิโรราบต่อระบอบกษัตริย์ที่เป็นเหมือนสมมุติเทพ


ในปี 2501 จอมพลสฤษดิ์เปิดตัวสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5

9 ปีต่อมาจอมพลถนอมก็เปิดตัวสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ในปี 2510




มีการเพิ่มสถานีโทรทัศน์สาธารณะอีก 2 ช่อง คือโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ช่อง 11(เอนบีที NBT) ในปี 2531 หรือช่องหอยม่วงและ ทีวีไทย (ไทยพีบีเอส Thai PBS) ในปี 2551 โดยได้เงินสนับสนุนจากภาษีสรรพสามิตปีละ 2,000 ล้านบาท














แต่ก็ต้องถูกบดขยี้อีกครั้งโดยรัฐประหารปี 2549 ที่โค่นรัฐบาลทักษิณและยังได้ผลักประเทศไทยเข้าสู่การเผชิญหน้าครั้งใหญ่ ทำให้คนไทยจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่สามารถทนดูนิ่งเฉยได้อีกต่อไป และเข้ามาร่วมการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย














ในการที่จะก้าวให้พ้นไปจากการจองจำภายใต้วาระแห่งชาติของเครือข่ายกษัตริย์ จำเป็นที่ประชาชนต้องได้รับทราบความจริงเกี่ยวกับความผิดเพี้ยนบิดเบี้ยวของลัทธินิยมกษัตริย์ที่แอบอ้างว่าเป็นชาตินิยม แม้ว่าระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์จะถูกยกเลิกไปร่วม 80 ปีแล้วก็ตาม แต่ประเทศไทย ที่มีความอุดมสมบูรณ์พร้อมด้วยโอกาสมากมาย ยังคงวนเวียนอยู่ในความรุนแรงและการสูญเสียจากวิกฤติการเมืองที่ไม่รู้จักจบสิ้น



















ถ้าใครไม่ทำตามที่ขบวนการนิยมกษัตริย์เรียกร้อง ก็ถือว่าไม่ใช่คนไทยและไม่ควรอยู่ในประเทศไทยอีกต่อไป
สืบสานอุดมการณ์ของคณะราษฎร

ประกาศคณะราษฎร ที่ประกาศเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ได้สะท้อนถึงความจริงที่หักล้างการโฆษณาชวนเชื่อของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์และเป็นสิ่งที่ไปด้วยกันไม่ได้โดยสิ้นเชิงกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 รัฐธรรมนูญมาตรา 8 และวัฒนธรรมอุดมการณ์กษัตริย์นิยม

มาตรา 112 คือเพชรฆาตด่านแรกในการปกปิดความจริง คือการรักษาความลับและความลวงหรือเรื่องโกหกต่างๆของราชวงศ์จักรีเอาไว้ตลอดไป


การรณรงค์เรื่องมาตรา 112 คือการบรรเทาความบ้าคลั่งหรือลดจำนวนคดีเท่านั้น หรืออย่างมากที่สุดก็ขยับเพดานขึ้นอีกเล็กน้อย แต่มิใช่การได้มาซึ่งสิทธิเสรีภาพในความเป็นมนุษย์ ในการแสดงความคิดเห็น และในการนำเสนอความจริงอย่างแท้จริง ตามประกาศของคณะราษฎร ที่ว่า



ไม่มีประเทศใดในโลกจะให้เงินเจ้ามากเช่นนี้ นอกจากพระเจ้าซาร์และพระเจ้าไกเซอร์เยอรมัน ซึ่งชนชาตินั้นได้โค่นราชบัลลังก์เสียแล้ว รัฐบาลของกษัตริย์ได้ปกครองอย่างหลอกลวงไม่ซื่อตรงต่อราษฎร มีเป็นต้นว่า หลอกว่าจะบำรุงการทำมาหากินอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ครั้นคอยๆ ก็เหลวไปหาได้ทำจริงจังไม่










ลัทธิซาบซึ้ง
มีองค์ประกอบครบครัน คือ

มีสาวก พวกรักในหลวง สวมเสื้อเหลือง ที่มีตราสัญญลักษณ์และผูก สายข้อมือสีเหลือง

มีนักรบศักดิ์สิทธิ์ ที่ประกาศว่าศีรษะนี้มอบแด่พระเจ้าแผ่นดิน แผ่นดินนี้เป็นของพ่อ ใครไม่รักพ่อให้ออกไปจากประเทศไทย โหวตเพื่อพ่อโดยการเลือพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นพรรคของพ่อ เพราะพ่อสำคัญกว่าประเทศชาติและประชาชน อย่าไปเลือกพรรคที่ไม่ซาบซึ้ง ต้องไล่ล่าทำลายพวกเสื้อแดงและพวกทักษิณที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของพ่อ







โดยเปิดช่องให้กับการแสดงพระราชอำนาจและพระราชบารมีในการพระราชทานอภัยโทษ ต้นกำเนิดความศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงคือสิ่งที่มนุษยชาติสร้างขึ้นเพื่อครอบงำและควบคุมสังคม








.........
.........
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น