ฟังเสียงพร้อมดนตรีประกอบ :
http://www.4shared.com/mp3/Jgg5ByDl/The_Truth_of_the_Good___1_.html
http://www.mediafire.com/download/6t6k3j4b6spy8d6/The+Truth+of+the+Good.mp3
http://www.youtube.com/watch?v=2RL2ZSTX5ts&feature=youtu.be
ลอกคราบคนอัปรีย์ศรีแผ่นดิน
( The Truth of the Good )
หัวหอกตุลาโกง
แต่ไหนแต่ไรมาตุลาโกงของไทยก็เป็นแค่การทำตามใบสั่งนายเท่านั้น
เอาใครมาทำก็ได้ คงไม่ต่างกัน ทำเสร็จก็ให้รางวัลกันไป จะเป็นแบบสมัยโบราณอ้างว่ากาคาบข่าวมายังไงก็ได้
หาหลักฐานไม่เจอ เชื่อมไม่ถึงก็ไม่เป็นไร เพราะมีธงหรือคำตัดสินอยู่แล้ว มาในยุคกษัตริย์ภูมิพล
ก็เห็นได้ชัดไม่มีอะไรแตกต่าง
จากการตัดสินประหารชีวิตผู้บริสุทธิ์สามคนเพื่อปิดปากยุติคดีสวรรคต
ต่อมาตุลาโกงไทยก็ช่วยรับรองการรัฐประหารและสืบทอดคำสั่งของพวกที่ยึดอำนาจตามความประสงค์ของกษัตริย์ภูมิพลด้วยดีเสมอมา
กระบวนการอยุติธรรมของไทยจึงยังคงเส้นคงวา เป็นที่ไม่น่านับถือไม่น่าเลื่อมใสเหมือนเดิม
โดยมีพวกนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ รุ่นปี 2499 เป็นกำลังสำคัญ
ชาญชัย ลิขิตจิตถะ
นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ เป็นประธานศาลฎีกาในปี 2548 ต่อจากนายศุภชัย ภู่งาม
ขบวนการตุลาโกงวิบัติเริ่มประกาศตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2549 เวลา 17.42 น. โดยกษัตริย์ภูมิพลให้นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด นำตุลาการศาลปกครองสูงสุด เข้าเฝ้าที่วังไกลกังวล เพื่อสาบานตนก่อนเข้ารับตำแหน่ง พร้อมทั้งกล่าวว่า มีการเปิดสภาไม่ครบ 500 คน การขอนายกฯพระราชทานทำให้ประชาธิปไตยมั่ว การเลือกตั้งเพียงพรรคเดียวไม่ใช่ประชาธิปไตย ให้ศาลปกครองไปหาทางยกเลิกการเลือกตั้ง 2 เมษา 2549 ต่อมาประธานศาลทั้ง 3 ฝ่าย จึงได้ประชุมปรึกษาหารือร่วมกันเพื่อหาทางล้มล้างระบอบประชาธิปไตยตามความต้องการของฝ่ายกษัตริย์
17 ก.พ.2498 วันประหาร ผู้บริสุทธิ์ 3 คนกรณีสวรรคต |
ชาญชัย ลิขิตจิตถะ
นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ เป็นประธานศาลฎีกาในปี 2548 ต่อจากนายศุภชัย ภู่งาม
ขบวนการตุลาโกงวิบัติเริ่มประกาศตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2549 เวลา 17.42 น. โดยกษัตริย์ภูมิพลให้นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด นำตุลาการศาลปกครองสูงสุด เข้าเฝ้าที่วังไกลกังวล เพื่อสาบานตนก่อนเข้ารับตำแหน่ง พร้อมทั้งกล่าวว่า มีการเปิดสภาไม่ครบ 500 คน การขอนายกฯพระราชทานทำให้ประชาธิปไตยมั่ว การเลือกตั้งเพียงพรรคเดียวไม่ใช่ประชาธิปไตย ให้ศาลปกครองไปหาทางยกเลิกการเลือกตั้ง 2 เมษา 2549 ต่อมาประธานศาลทั้ง 3 ฝ่าย จึงได้ประชุมปรึกษาหารือร่วมกันเพื่อหาทางล้มล้างระบอบประชาธิปไตยตามความต้องการของฝ่ายกษัตริย์
ผัน จันทรปาน ศาลรัฐ อักขราทร จุฬารัตน ชาญชัย ลิขิตจิตถะ หารือกันเมื่อ 28 เม.ย.2549 |
นายชาญชัยเป็นประธานศาลฎีกา ซึ่งถือเป็นประมุขของฝ่ายตุลาโกงที่ฝ่ายนิยมระบอบกษัตริย์ได้ยึดกุมมาตลอด โดยไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างหรือรูปการจิตสำนึกใดๆเลย และประธานศาลฎีกาที่ได้ทำงานสนองความต้องการของกษัตริย์ภูมิพลมาด้วยดี ก็มักจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นองคมนตรวยซึ่งถือว่าเป็นเกียรติยศสูงสุดในชีวิตหลังการเกษียณอายุราชการ
ชาญชัย ลิขิตจิตถะ |
วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2550 นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ได้สั่งการให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) รวบรวมคำกล่าวมอบนโยบายในการปราบปรามยาเสพติดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อนำมาประกอบสำนวนการสอบสวนใน
คณะองคมนตรีช่วงปี 2556 |
วันที่ 6 เมษายน 2552 ชุดสืบสวนภูธรภาค 1 ได้ควบคุมตัวชายต้องสงสัย ขณะเดินอยู่ใกล้บ้านนายชาญชัย โดยผู้ต้องสงสัยสารภาพว่า ได้รับการติดต่อจ้างวานให้ลงมือสังหารนายชาญชัยภายในวันที่ 7 เมษายน 2552 โดยจงใจซัดทอดเตรียมทหารรุ่น 10 รุ่นเดียวกับพตท. ทักษิณ ชินวัตร ว่าอยู่เบื้องหลังการบงการลอบสังหารองคมนตรวยชาญชัย ต่อมาเรื่องก็เงียบหายไปเพราะไม่มีมูล
จรัญ ภักดีธนากุล
จรัญ ภักดีธนากุล |
9 พฤษภาคม 2549 นายจรัญ เลขาธิการศาลฎีกาแถลงการประชุม 3 ศาลในตอนเช้า ว่าได้ข้อสรุปตรงกันว่าการเลือกตั้ง 2 เม.ย. 2549 ขัดรัฐธรรมนูญ พร้อมกับเสนอให้ กกต.ลาออก เปิดทางให้ใช้ รัฐธรรมนูญ ม.138 เพื่อสรรหากกต.ใหม่ทั้งชุด เพราะมีปัญหาว่ากกต.ที่เหลืออยู่ไม่เป็นที่ยอมรับ จะทำให้การเลือกตั้งใหม่ไม่ราบรื่น
จรัญกล่าวหาว่าพรรคเพื่อไทยซื้อเสียงหัวละพันบาท |
ถาวร เสนเนียม |
แต่พวกตุลาโกงก็ต้องหาเรื่องเอา กกต. เข้าคุกเพื่อปูทางสู่การล้มรัฐบาลให้ได้
โดยในวันที่ 25 กรกฎาคม 2549 นายอำนวย
ธันธรา อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาพิพากษาให้ตัดสิทธิการเลือกตั้งของ พล.ต.อ. วาสนา
เพิ่มลาภ พร้อมกับนายวีระชัย แนวบุญเนียร และนายปริญญา นาคฉัตรีย์ เป็นเวลา 10 ปี
และให้จำคุกเป็นเวลา 4 ปี ในคดีที่สมาชิกพรรคแมลงสาบฟ้องว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
โดยไม่รอลงอาญา และไม่ให้ประกันตัว ทั้งๆที่เป็นการขัดรัฐธรรมนูญที่ห้ามจับกุมหรือคุมขัง
กกต. ในระหว่างที่มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง
ทั้งนี้เพื่อสร้างวิกฤติไม่ให้มี กกต.
ตามแผนการล้มรัฐบาลที่ประชุมกันที่บ้านนายปีย์ พร้อมกันนั้น นายอำนวย ธันธรา
ยังได้แจ้งความ ดำเนินคดีต่อผู้ชุมนุมที่สนับสนุน กกต.ทั้ง 3 คนฐานละเมิดอำนาจศาลในสองวันต่อมา
ในวันที่ 19 กันยายน 2549 นายอำนวย ธันธรา ยังได้แจ้งความจับนายธนา เบญจาทิกุล
ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีในข้อหาดูหมิ่นศาล
กรณีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนพาดพิงการทำงานของศาลภายหลังมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว 3 อดีต
กกต.
หลังการปล้นอำนาจของประชาชนเมื่อ 19 กันยายน 2549 ต่อมานายอำนวย ธันธราได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน คตส. ตามประกาศคณะปฏิกูลการปกครอง ฉบับที่ 30 เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2549 เพื่อทำหน้าที่บดขยี้ ขุดรากถอนโคนนายกทักษิณ ตามแผนบันไดสี่ขั้นของกบฏคมช. ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุก กกต. เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2551
แต่ในวันที่ 13 มิถุนายน 2556 ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง เพราะพรรคแมลงสาบไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง จึงไม่มีอำนาจในการฟ้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่เห็นชัดเจนมาตั้งแต่ต้นแล้ว แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ยังต้องดันทุรังทำตามแผนเพียงเพื่อล้มล้างรัฐบาลทักษิณให้ได้
หลังการปล้นอำนาจ 19 กันยายน 2549 คณะโจรปฏิกูลการปกครองได้แต่งตั้งนายจรัญเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2549 และเป็นสมาชิกสภาร่างรัดทำมะนวย
หลังการปล้นอำนาจของประชาชนเมื่อ 19 กันยายน 2549 ต่อมานายอำนวย ธันธราได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน คตส. ตามประกาศคณะปฏิกูลการปกครอง ฉบับที่ 30 เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2549 เพื่อทำหน้าที่บดขยี้ ขุดรากถอนโคนนายกทักษิณ ตามแผนบันไดสี่ขั้นของกบฏคมช. ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุก กกต. เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2551
แต่ในวันที่ 13 มิถุนายน 2556 ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง เพราะพรรคแมลงสาบไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง จึงไม่มีอำนาจในการฟ้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่เห็นชัดเจนมาตั้งแต่ต้นแล้ว แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ยังต้องดันทุรังทำตามแผนเพียงเพื่อล้มล้างรัฐบาลทักษิณให้ได้
หลังการปล้นอำนาจ 19 กันยายน 2549 คณะโจรปฏิกูลการปกครองได้แต่งตั้งนายจรัญเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2549 และเป็นสมาชิกสภาร่างรัดทำมะนวย
จรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการรัดทำมะนวย |
แต่ถ้าจะแก้ไขรัดทำมะนวยก็ให้แก้ไขเพิ่มเติมได้ แต่ไม่ได้บอกว่าให้ยกร่างทั้งฉบับ
อักขราทร จุฬารัตน
อักขราทร จุฬารัตน |
ต้นตระกูลของนายอักขราทรคือ เจ้าพระยาบวรราชนายก หรือเฉกอะหมัด ขุนนางเชื้อสายเปอร์เซีย ในสมัยพระเจ้าประสาททอง เฉกอะหมัดเป็นมหาเศรษฐีผู้มีความชอบได้รับแต่งตั้งเป็นพระยาเฉกอะหมัด รัตนราชเศรษฐี เจ้ากรมท่าและจุฬาราชมนตรีคนแรกของชาวมุสลิมแห่งประเทศไทย ได้รับพระราชทานที่ดินให้ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ตำบลท้ายคู กรุงศรีอยุธยา เฉกอะหมัดได้สร้างมัสยิดนิกายชีอะห์และสุสานมุสลิม ต่อมาได้ช่วยปราบพ่อค้าญี่ปุ่นที่ก่อการจลาจล จึงได้เลื่อนยศขึ้นเป็นเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ ที่สมุหพระกลาโหม และในบั้นปลายได้เป็นเจ้าพระยาบวรราชนายกที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน บุตรหลานของเฉกอะหมัดได้รับราชการมีชื่อเสียงและบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ไทยตลอดมาเกือบ 400 ปี บุตรหลานได้แยกสายออกเป็นตระกูลใหญ่ๆ ทั้งที่นับถือศาสนาพุทธและศาสนาอิสลามมากมายหลายตระกูล สมัยรุ่นพ่อของนายอักขราทรคือ นายเลิศ จุฬารัตน ได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ เพื่อความสะดวกในการขึ้นครองอำนาจ นายอักขราทรเป็นญาติกับพลเอกบังสนธิ ที่เป็นมุสลิมซุนนีย์ตามมารดาของตน หลังการรัฐประหาร 2549 นายอักขราทรได้รับแต่งตั้งเป็นรองประธานตุลาการรัดทำมะนวย รับหน้าที่ยุบพรรคไทยรักไทยและตัดสิทธิกรรมการบริหาร 111 คน เป็นเวลา 5 ปี เมื่อ 30 พฤษภาคม 2550
ห้องพิจารณาคดีศาลโปกคลองสูงสุด |
คำวินิจฉัยของนายอักขราทร ให้ยุบพรรคไทยรักไทยตามประกาศคณะปฏิกูลฉบับที่ 27 ที่ให้มีผลย้อนหลัง โดยนายอักขราทรอ้างว่า แม้หลักของกฎหมายไม่ให้มีผลย้อนหลัง แต่เป็นหลักกฎหมายเก่าที่สมควรจะต้องมีการพัฒนาให้เหมาะสม อีกทั้งการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งย่อมไม่ใช่โทษในทางอาญา หากแต่เป็นเพียงมาตรการทางกฎหมาย เพื่อมิให้กรรมการบริหารพรรคที่ถูกยุบ ไปก่อความเสียหายแก่บ้านเมืองและการปกครองในระบอบประชาธิปไตยชั่วระยะเวลาหนึ่ง อันเป็นมาตรการที่เหมาะสมแก่การคุ้มครองประโยชน์ของความสงบสุข เพื่อให้การปกครองระบอบประชาธิปไตยดำรงอยู่ได้
นายนาม ยิ้มแย้ม
นายนาม ยิ้มแย้ม |
อภิรักษ์ โกษะโยธิน |
ต่อมานายนาม ยิ้มแย้ม ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานอนุกรรมการ คตส.คดีรถและเรือดับเพลิงฯ ปรากฎว่า ผลการสอบสวนคดีนี้ยืดเยื้อ จนกระทั่งคตส.หมดวาระลงในวันที่ 30 มิถุนายน 2551
วิชา มหาคุณ |
นายนาม ให้การว่า โจทก์ คือนายสมัคร บิดเบือนข้อเท็จจริงตามสัญญาเพื่อปกปิดความผิดของตนและหวังโยนความผิดให้กับนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งให้มาดำรงตำแหน่งต่อจากนายสมัคร ซึ่งได้ตกลงทำสัญญาในฐานะตัวแทนผู้ซื้อร่วมกับผู้ขาย ส่วนการเปิด Letter of Credit หรือคำสั่งซื้อจากธนาคารนั้น เป็นเพียงเงื่อนไขในการชำระหนี้ตามสัญญา นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งจึงจำเป็นต้องออก L/C ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญา
คำให้การของนายนามทำให้เกิดข้อสงสัยหลายประการ เพราะนายนามไม่ได้อยู่ในคณะอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริงและคณะอนุกรรมการไต่สวน ก็ยังไม่สรุปสำนวนทั้งหมดส่งให้นายนาม ส่วนนายอภิรักษ์ ก็เป็นคนของพรรคแมลงสาบ
ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร |
โดยพรรคแมลงสาบส่ง นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. ต่อมานายอภิรักษ์ ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ได้เปิดแอลซี ตามที่ได้ลงนามสัญญาไว้ กับ บริษัท สไตเออร์ ทั้งๆที่ยังมีการร้องเรียนจากนายยุทธพงศ์อีกว่า การจัดซื้อรถดับเพลิงครั้งนี้ ยังคงมีราคาแพงผิดปกติ มีการเรียกรับสินบนของข้าราชการ กทม.
นายยุทธพงศ์ยื่นเรื่องต่อป.ป.ช.ในเดือน ต.ค. 2548 แต่เกิดรัฐประหาร จึงนำเรื่องไปให้คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน (คตส.) ไปพิจารณา แต่คตส.ที่มี นายนาม ยิ้มแย้ม ได้พิจารณานานกว่า 1 ปีครึ่ง ก็ยังไม่จบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จึงรับเข้าเป็นคดีพิเศษและในเดือน ก.ค. 2549 ได้มีข้อสรุปพบความผิด เช่น มีการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิงมูลค่า 6,687 ล้านบาท จากราคาที่ซื้อขายจริงเพียง 3,000 - 3,500 ล้านบาทเท่านั้น จึงมีมติชี้มูลความผิดให้ ป.ป.ช.พิจารณา
คดีไปค้างอยู่ในชั้นอัยการอยู่ 2 ปี ป.ป.ช.จึงฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกหาเรื่องนักการเมือง ขณะที่รถและเรือดับเพลิงที่ถูกส่งมาตั้งแต่ปี 2549 ต้องจอดทิ้งไว้แล้วประมาณ 7 ปี จนเสื่อมสภาพจนไม่น่าจะใช้การได้ จะต้องเสียงบประมาณในการซ่อมแซมก่อนนำมาใช้ โดยผู้บริหารบริษัทสไตเออร์ฯ ยืนยันว่า ผลของสัญญา เกิดขึ้นจากการเปิดแอลซีหรือคำสั่งซื้อผ่านธนาคารของนายอภิรักษ์ ทั้งๆที่ได้มีการทักท้วงจากกรรมการทบทวนสัญญา แต่เมื่อมีการเปิดแอลซีจึงทำให้สัญญามีผลสมบูรณ์และมีเหตุให้ส่งสินค้า ซึ่งเป็นสินค้าที่ผิดไปจากมติ ครม. โดยผู้ขายในประเทศออสเตรียไปเลือกว่าจ้างบริษัทจากประเทศอื่นให้ประกอบและผลิตแทน อีกทั้งไม่เป็นการซื้อแบบการค้าต่างตอบแทนตามมติ ครม. การเปิดแอลซีถือเป็นส่วนสำคัญที่สุด คือ การให้อำนาจธนาคารสั่งจ่ายเงินค่าสินค้าตามเอกสารการส่งมอบ ถ้าไม่มีการเปิดแอลซี ก็จะไม่มีการส่งมอบ นอกจากนี้ยังสามารถระบุเงื่อนไขที่ผู้ซื้อต้องการไว้ในแอลซี
ประชา มาลีนนท์ และอธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ |
สัก กอแสงเรือง
นายสัก กอแสงเรืองเป็นอดีตนายกสภาทนายความ อดีตเลขาธิการเนติบัณฑิตยสภา เป็นกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ตามประกาศคณะปฏิกูลการปกครอง นายสัก ทำหน้าที่อย่างขมักเขม้น รับใช้กบฏ คมช. อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ตามล้างตามเช็ด นายกทักษิณอย่างเต็มที่ ด้วยข้ออ้างว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า นายกทักษิณ มีการทุจริตและประพฤติมิชอบ ร่ำรวยผิดปกติ แต่นายสักเองก็เคยโดนกรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีย้อนหลังเมื่อปี 2527 เป็นเงิน 4 แสนบาท แต่นายสัก ได้ยื่นฟ้องกรมสรรพากร แต่ทั้งสามศาลพิพากษายกฟ้อง ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 373/2532 ให้นายสักแพ้คดี ต้องชำระภาษีเพิ่มพร้อมทั้งเบี้ยปรับตามกฎหมายให้กับกรมสรรพากร
นายสัก ยังถูกฟ้องคดีจากนางอัญชลี กองอำนวยสุข ซึ่งเป็นลูกความของนายสักเอง ตามคำพิพากษาคดีแดงที่ 2078 / 2550 ของศาลแพ่งธนบุรี ลงวันที่ 17 กันยายน 2550 ให้นายสัก ผิดจริยธรรม มารยาทอาชีพทนายความ และผิด พ.ร.บ.ทนายความ 2475 จากการที่นายสักเป็นทนายความไปทำสัญญากับลูกความในลักษณะที่ตนเองเข้าไปมีส่วนได้เสียโดยตรงในคดี เป็นการเรียกร้องค่าจ้างที่เป็นส่วนแบ่งจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาทระหว่างจำเลยกับบุคคลภายนอก มีลักษณะหาผลประโยชน์จากการที่ผู้อื่นเป็นความกัน ถือเป็นข้อสัญญาที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน สัญญาจึงตกเป็นโมฆะ นายสักได้ฟ้องเรียกค่าทนายจากลูกความของตนเองเป็นเงินถึง 6 ล้านบาทโดยยึดเอาโฉนด 8 แปลง และบังคับให้ลูกความขายโฉนดทั้ง 8 แปลง มาจ่ายค่าทนายความ แต่ศาลแพ่งธนบุรีพิพากษายกฟ้องให้นายสักคืนโฉนดทั้ง 8 แปลง ให้แก่ลูกความ
รายได้ของนายสักมาจาก 2 แห่งคือเงินเดือน ส.ว. ปีละประมาณ 1.3 ล้าน และเงินจากวิชาชีพทนายความราวปีละ 1.8 ล้าน ดอกเบี้ยปีละราวแสนบาท รวมๆ แล้วมีรายได้ปีละ 3.39 ล้านบาท แต่นายสักมีที่ดิน 42 แปลง มูลค่า 52.7 ล้านบาท ในหลายจังหวัด นายสักและนางชุลี ภรรยามีทรัพย์สินรวมกว่า 90 ล้านบาท นายสักไปกล่าวหาว่านายกทักษิณร่ำรวยผิดปกติ ทั้งๆที่คุณทักษิณทำธุรกิจ รวยมาก่อนแล้ว แต่นายสักซึ่งเป็นแค่ทนายที่ทำงานให้พวกเผด็จการกลับมีทรัพย์สินที่แจ้งต่อปปช.ถึง 90 กว่าล้านบาท
นายสักได้เป็น ส.ว.ลากตั้งโดยคมช. ในปี 2554
เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ |
ต่อมาเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2555 ศาลฎีกาแผนกเลือกตั้งได้สั่งเพิกถอน นายสักออกจาก สว.สรรหา ตามมติของ กกต. เนื่องจากนายสักหลุดจากการเป็นส.ว.ครั้งแรกไม่ถึง 5 ปี ทั้งๆที่สภาทนายความซึ่งคัดสรรส่งชื่อนายสักให้คณะกรรมการสรรหาก็ล้วนเป็นนักกฎหมายชั้นยอด
นายสัก เป็น ส.ว. ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการคตส.เช่นเดียวกับ นางจารุวรรณ เมณฑกา เมื่อพ้นจากการเป็นคณะกรรมการ คตส. ก็ได้รับเลือกให้เป็นประธานสภาทนายความ และต่อมาเมื่อมีการพิจารณา ส.ว.สรรหาจำนวนหนึ่งตามข้อกำหนดของรัดทำมะนวย 2550 สภาทนายความก็เลือก นายสัก กอแสงเรือง ให้เข้าสู่กระบวนการสรรหาอันประกอบด้วย ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครอง ประธานศาลรัดทำมะนวย เป็นต้น รวม 6 คน แต่ขาดประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินเพราะนางจารุวรรณ อยู่ระหว่างการพิจารณาว่ายังดำรงตำแหน่งนี้อยู่หรือไม่
พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส |
แต่ในการประชุมคณะกรรมการสภาทนายความวันที่ 20 สิงหาคม 2555 ยังคงมีมติ ให้ส่งนายสัก เข้ารับการสรรหาเป็นส.ว. ในปี 2555 อีกครั้งหนึ่ง โดยอ้างว่าคำสั่งของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งยังมีความคลาดเคลื่อน อีกทั้งคำสั่งเพิกถอนการสรรหาเป็นโมฆะ เท่ากับว่านายสัก มิได้เป็นส.ว.มาตั้งแต่ต้น นายสัก จึงนำเงินเดือนส.ว.ทั้งหมดที่ได้รับ มาส่งคืนแก่วุฒิสภาแล้ว
ประสาร มฤคพิทักษ์ สว.ลากตั้งแกนนำ 40 สว. |
1 มิ.ย. 2555 คณะกรรมการสรรหากรรมการนโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือ ไทยพีบีเอส ได้เสนอให้ นายสัก นายกสภาทนายความ ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการสรรหาทดแทนผู้ที่จะครบวาระ
4 มี.ค. 2556 นายสัก กอแสงเรือง ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยโดยมีนายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ จากหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ อดีตเลขาธิการสมาคมฯ ขึ้นเป็นนายกสมาคมฯคนใหม่
นางจารุวรรณ เมณฑกา
นางจารุวรรณมีชื่อเล่นว่า เป็ด เป็นอดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและอดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)
นางจารุวรรณปฏิเสธไม่ยอมออกจากตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินหลังจากศาลรัดทำมะนวยวินิจฉัยว่ากระบวนการสรรหาของนางไม่ชอบด้วยกฎหมายโดยไม่ชี้สถานภาพของนางจารุวรรณว่า เมื่อผ่านการสรรหามาไม่ชอบด้วยรัดทำมะนวย จะพ้นจากตำแหน่งหรือไม่ อย่างไร และในขณะที่นางจารุวรรณถือว่า ตนเองยังอยู่ในตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และมีหลายฝ่ายออกมาท้วงติงว่า ไม่สมควรจะมีการสรรหาผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินคนใหม่ให้มาทับซ้อนกับคนเดิม คือนางจารุวรรณ แต่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินก็ไม่ฟัง ยังเดินหน้าสรรหาต่อจนได้ นายวิสุทธิ์ มนตริวัต ซึ่งส.ว.เสียงส่วนใหญ่เกิน 100 คนก็ลงมติเห็นชอบ แต่นายวิสุทธิ์ ได้ยื่นหนังสือขอถอนตัวจากการได้รับเสนอชื่อให้เป็นผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เพราะนางจารุวรรณไม่ยอมออกจากตำแหน่ง
ก่อนหน้านั้นนางจารุวรรณสวมบทบาท ทั้งเป็นผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และเป็นผู้ใช้อำนาจ คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ( ค.ต.ง ) อย่างเบ็ดเสร็จ จากคำสั่งของคณะปฏิกูล ที่ให้ยุบ ค.ต.ง. แล้วตั้งให้นางจารุวรรณเป็นผู้ใช้อำนาจแทนคณะกรรมการ 10 คนที่ถูกยุบไปแต่เพียงผู้เดียว ทำให้นางจารุวรรณมีอำนาจเบ็ดเสร็จเพียงคนเดียว
นางจารุวรรณถูกกล่าวหาว่าจ้างบุตรชายตนเองเป็นเลขานุการส่วนตัว ทั้งยังใช้เงินหลวงกว่าสามล้านบาท พาพวกพ้องและบุตรหลานไปเที่ยวยุโรป ถึง 40 คน
ยังมีกรณีทำสัญญาอำพราง ว่าจ้างจัดการอบรมสัมมนาเจ้าหน้าที่ตรวจเงินแผ่นดิน 9 รุ่น โดยที่บริษัทออดิต แอนด์ แมเนจเม้นท์ ได้จ่ายเงินให้แก่ นางจารุวรรณและสามี คือนายทรงเกียรติ เป็นค่าเช่าอาคารพาณิชย์ของสามีนางจารุวรรณ ทั้งๆที่เป็นอาคารร้าง ปิดเงียบ ไม่มีการเข้าไปอยู่จริง
จากการตรวจสอบยังได้พบว่า บริษัทนี้ มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 6.4 ล้านบาท เป็น 10.9 ล้านบาท ในปี 2548 ถึงปี 2549 จากการจัดสัมมนาในช่วงที่นางจารุวรรณ ได้กลับเข้ามาเป็นผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินอีกครั้ง เมื่อ 31 มกราคม 2549
ปัญญา ตันติยวรงค์ |
กล้านรงค์ จันทิก
นายกล้าณรงค์ จันทิกเป็นอดีตเลขาธิการป.ป.ช. และได้รับการแต่งตั้ง เป็นกรรมการ ปปช.จากประกาศคิกูลการปกครอง และได้เป็นสมาชิกสภาร่างรัดทำมะนวย 2550
นายกล้านรงค์เคยเป็นสมาชิกยุวแมลงสาบ และในปี 2518 ได้ทำหน้าที่เลขานุการส่วนตัว มรว.เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรี แห่งพรรคแมลงสาบ
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ |
สมัยที่นายกล้านรงค์เรียน วปอ. รุ่น 36 ปี 2536 ได้ลอกวิทยานิพนธ์ของนายชิดชัย พานิชพัฒน์ นักศึกษาวปอ. รุ่น 22 ปี 2533 โดยเปลี่ยนตัวหนังสือไม่กี่ตัว
นายกล้านรงค์ ยังได้จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินโดยปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ โดยเมื่อเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการ ป.ป.ช. ปี 2543 มิได้ยื่นรายการทรัพย์สินของนางพันทิพาคู่สมรสที่เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทภานันทน์จำกัดตั้งแต่ปี 2532 และมีหุ้นอยู่ในวันยื่นบัญชี และเมื่อพ้นจากตำแหน่ง เมื่อปี 2546 ก็มิได้ยื่นรายการทรัพย์สินของนางพันทิพาคู่สมรสซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัท ภานันท์ จำกัด ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท บูลเบิร์ด เทคโนโลยี จำกัด ตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 45 / 1-2 ซอยอารีสัมพันธ์ 3 ซึ่งเป็นบ้านที่ นายกล้านรงค์ กับนางพันทิพา อาศัยอยู่ด้วยกันจนทุกวันนี้ แสดงให้เห็นว่า นายกล้านรงค์จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จแล้วยังลอยหน้าลอยตา ปล่อยให้ภริยาใช้บ้านพักของตนเอง เป็นสถานที่ประกอบการค้า อันเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ปปช. 2542 มาตรา 41 ซึ่งจะต้องพ้นจากการเป็นกรรมการปปช. ตั้งแต่วันที่พบการกระทำผิด และเป็นความผิดตามมาตรา 119 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน
เสวก ปิ่นสินชัย |
นางยมนา สุธาสมิธ ร้องเรียนผ่านทางยูทูบ |
กล้านรงค์-พันทิพา พ่อตัวอย่างปี 2554 |
วันที่ 1 กรกฎาคม 2556 นายกล้านรงค์ได้ปฏิเสธว่าไม่เคยนำโฉนดของนางยมนามากู้หนี้ยืมสินแต่อย่างใด แต่นางยมนาเป็นคนทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีและทำสัญญาจำนองโดยนำโฉนดที่ดินมาค้ำประกันด้วยตนเอง และมีการเบิกเงินเกินบัญชีเรื่อยมา จนกระทั่งมีการฟ้องร้องนางยมนา และศาลได้พิพากษา เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2546 ให้นางยมนาชดใช้เงินประมาณ 2 ล้านบาท ภรรยาตนไม่เคยทำธุรกิจกับนางยมนา ขณะนี้ตนได้มอบหมายให้ทนายความศึกษาข้อเท็จจริงและหากจำเป็นจะดำเนินคดีเพื่อรักษาชื่อเสียงของตนเอง ถ้าสิ่งที่นางยมนากล่าวหาไม่มีมูลความจริง ทำไมนาย กล้านรงค์ถึงไม่รีบฟ้อง แต่ถ้าจริงก็ต้องถือว่ามีความผิดหนักมาก ในการที่เอาโฉนดที่ดินของผู้อื่นไปจำนอง ทั้งๆที่มิได้มีลายเซ็นยินยอม แสดงว่าคงต้องมีการปลอมแปลงเอกสาร ดังนั้นนายกล้านรงค์ก็คงได้แต่ปฏิเสธไปเรื่อยๆ แล้วหาทางไปไกล่เกลี่ยกันเงียบๆ
นายแก้วหน้าม้า
ขวัญสรวง (ซ้าย) และ แก้วสรร (ขวา) |
หลังการรัฐประหารปี 2549 นายแก้วสรรได้รับการทาบทามจากคณะปฏิกูลการปกครองให้เป็นป.ป.ช. แต่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของคณะปฏิกูลแย้งว่านายแก้วสรรไม่ได้เป็น
ศาสตราจารย์
ขวัญสรวง อติโพธิประธานทีพีบีเอส แถลงข่าว 15 มค.2551 |
นายมีชัย ฤชุพันธ์ นักกฎหมายรับใช้พวกเผด็จการ ได้วางแผนตั้งค.ต.ส. ขึ้นมาเป็นพนักงานสอบสวนพิเศษ เพื่อทำสำนวนส่งให้อัยการฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกหาเรื่องนักการเมืองเป็นผู้ตัดสิน ทำให้ดูเหมือนเป็นเรื่องที่ชอบด้วยกฎหมาย โดยอาศัยค.ต.ส.ที่เป็นปรปักษ์กับนายกทักษิณ ชี้ว่ามีความผิด ตามกฎหมายป.ป.ช. มาตรา 100 ทั้งๆที่ ป.ป.ช.เคยมีมติว่า ไม่เป็นความผิดที่ต้องขึ้นศาลฎีกาแผนกเล่นงานนักการเมือง แต่ ค.ต.ส.จงใจฟ้องนายกทักษิณต่อศาลฎีกาแผนกเล่นงานนักการเมืองด้วยข้อหาว่าเป็นเจ้าพนักงานกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ทั้งๆที่ศาลยกฟ้องคดีประมูลซื้อที่ดินรัชดาทุกข้อหา
แก้วสรร อติโพธิ และวสิษฐ เดชกุญชร |
นายแก้วสรรอ้างว่าพวกตนต่อต้านทรราชย์เสียงข้างมาก ทั้งๆที่นายแก้วสรรเองทำงานรับใช้เผด็จการทหารที่ปล้นอำนาจของประชาชน ทำให้ประเทศชาติถดถอย สร้างความเสียหายจนประเมินค่ามิได้ และส่งผลถึงปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมืองมาจนถึงทุกวันนี้
มีคนตั้งข้อสังเกตว่านายแก้วสรรคงมีชนักติดหลังตั้งแต่ครั้งก่อสร้างศูนย์กีฬาธรรมศาสตร์รังสิต เมื่อสมัย ที่นายแก้วสรรดำรงตำแหน่งรองอธิการบดีฝ่ายกิจการพิเศษ ทำให้นายแก้วสรร จำเป็นต้องยอมขายวิญญาณเป็นสมุนรับใช้ฝ่ายเผด็จการเพื่อให้คุ้มครองตนเอง เพราะผลกรรมชั่วที่ทำไว้เริ่มปรากฏหลังจากการสร้างศูนย์กีฬาธรรมศาสตร์รังสิต
นายนพดล ธรรมวัฒนะฟ้องแพทยสภา ให้ตรวจสอบจริยธรรมหมอพรทิพย์ โรจนสุนันท์ |
แก้วสรร อติโพธิ |
ก่อนการเลือกตั้ง 4 กรกฎาคม 2554 นายแก้วสรร จงใจเล่นงานนส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้ตายคามือ โดยกล่าวหาว่า น้องสาวคุณทักษิณ ให้การเท็จในคดีซุกหุ้น ภาค 2 ยิ่งกว่านั้นนายแก้วสรร เขียนบทสัมภาษณ์แบบ ถามเองตอบเอง
โดยตั้งประเด็นน่าหวาดเสียวว่า ถ้าประชาชนต้องการ พรรคที่เอาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ก็ให้เลือกพรรคแมลงสาบ ถ้าประชาชนต้องการ พรรคที่ปกครองระบอบประชาธิปไตย แต่เอาสถาบันกษัตริย์ เป็นเพียงสัญลักษณ์และพร้อมจะเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ก็ให้เลือกพรรคเพื่อไทย
แต่ในที่สุดเมื่อ 4 ก.ค. 2554 ประชาชน 15 ล้านคนก็เลือกพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล
และเลือกให้พรรคแมลงสาบไปเป็นฝ่ายค้าน
อดีตนายกทักษิณโฟนอิน เวทีรำลึก 3 ปีราชประสงค์ |
สุเมธ ตันติเวชกุล
สุเมธ ตันติเวชกุล วชิราวุธ 2498 |
นายสุเมธเข้าเฝ้าเรื่องน้ำที่วังไกลกังวล 2 กพ.2552 |
นางประสานสุขหัวหน้าห้องครัวไทยวังจิตรลดา |
เมื่อขาดโดม เจ้าพระยา ท่าพระจันทร์
ก็ขาดสัญลักษณ์พิทักษ์ธรรม
สุเมธ แถลงงานจัดงานวชิราวุธ100 ปี 16ตค.2553 |
ป๋วย อึ๊งภากรณ์และปรีดี พนมยงค์ ที่ฝรั่งเศส |
สุเมธในงานวันสัญญาธรรมศักดิ์ 5 เมย.2551 |
-สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา นายกสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้มีอำนาจแต่งตั้งอธิการบดี
-ประเวศ วะสี กรรมการสภามหาวิทยาลัย
-สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีธรรมศาสตร์ และอุปนายกสภามหาวิทยาลัย
-ชวน หลีกภัย ผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคแมลงสาบ
-นรนิติ เศรษฐบุตร ประธานสภาร่างรัดทำมะนวย 2550
-สมคิด เลิศไพฑูรย์ มือเขียนรัดทำมะนวย 2550
-เอนก เหล่าธรรมทัศน์ เจ้าของทฤษฎี สองนคราประชาธิปไตย ที่กล่าวว่า คนชนบทตั้งรัฐบาล แต่คนกรุงเทพล้มรัฐบาล อดีตหัวหน้าพรรคมหาชนของพลตรีสนั่นที่เป็นสาขาของพรรคแมลงสาบ
ตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นตำแหน่งที่กษัตริย์ภูมิพลแต่งตั้ง โดยสภามหาวิทยาลัยมีอำนาจในการดำเนินการให้กษัตริย์แต่งตั้งและถอดถอนอธิการบดี ศาสตราจารย์ คณบดี รองคณบดี หัวหน้าแผนก ผู้อำนวยการสถาบัน ผู้อำนวยการศูนย์ หัวหน้าภาควิชา ฯลฯ
ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมสนธิลิ้มถึงต้องไปเริ่มต้นก่อม็อบไล่ทักษิณที่หอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์ และตอนก่อนรัฐประหาร 19 กันยา 2549 สนธิลิ้มก็ยกพวกมาม็อบปิดเกมที่ธรรมศาสตร์โดยใช้สัญลักษณ์เสื้อสีเหลืองกับผ้าพันคอสีฟ้าอย่างออกนอกหน้า ใช้คำว่าฟ้าเปิดกันอย่างโจ่งแจ้งที่หอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์ เพราะพวกพันธมารได้รับความอนุเคราะห์เป็นอย่างดีทั้งจากท่านอธิการบดี และท่านนายกสภามหาเวรตะไล
สุรพล นิติไกรพจน์ |
อนุพงษ์ออกทีวีช่อง 3 ให้นายกสมชาย ยุบสภา 26พย.2551 |
วันดีคืนดีนายสุรพลก็ไปเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยเกษตร เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีทบวงมหาทะไล เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีโจรสุรยุทธ์ เป็นประธานคณะกรรมการบริษัท อสมท. คุมทีวีช่อง 9
แต่ในสมัยนายกทักษิณไม่เคยให้นายสุรพลมีตำแหน่งอะไรเลย ตำแหน่งอธิการของนายสุรพลมีผลประโยชน์มากมายมหาศาล คุมทั้งคนคุมทั้งงบประมาณ คุมโครงการรับเหมาก่อสร้างเป็นพันเป็นหมื่นล้าน เช่น สนามกีฬาเอเชียนเกมส์ที่รังสิต รวมทั้งแคมปัสหรือวิทยาเขตต่างจังหวัด โครงการปริญญาโทภาคพิเศษ โครงการธรรมศาสตร์อินเตอร์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นช่องทางหาเงินทั้งนั้นเลย
มหาลัยธรรมศาสตร์จึงเกี่ยวพันกับการเมืองมาโดยตลอด ตั้งแต่สมัยนายปรีดีก่อตั้งธรรมศาสตร์ ก็เอาคนของตนเข้าไปดูแล ใช้ธรรมศาสตร์เป็นฐานกู้ชาติสมัยเสรีไทย แม้แต่ตอนจะทำปฏิวัติ 26ก.พ. 2492 ยึดอำนาจคืนจากพวกรัฐประหาร 2490 ก็ได้ฐานกำลังจากบรรดาลูกศิษย์ลูกหาที่ธรรมศาสตร์นี่แหละที่ช่วยลุยเป็นแนวหน้า พอนายปรีดีโดนขับไสไล่ส่งออกไปแล้ว พวกนิยมระบอบเจ้าก็ยึดเอาคืน โดยการแต่งตั้งพรรคพวกของตนมาเป็นนายกสภามหาวิทยาลัย
นรนิติ เศรษฐบุตรและสมคิด เลิศไพทูรย์ |
สุเมธ
นักโฆษณาสถาบันกษัตริย์
11 ม.ค. 2554
นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนามาบรรยายเรื่อง
หลักการทรงงาน ที่กองบัญชาการทหารพัฒนา เนื่องในพิธีเปิดโครงการ 84 พรรษา
หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา เทิดไท้ มหาราชัน
นายสุเมธ กล่าวว่ากษัตริย์ภูมิพลเป็นผู้นำในทุกๆด้าน มีความสามารถหลากหลายจนได้รับปริญญาสดุดีทั้งในและต่างประเทศ ทั้งในสาขานิติศาสตร์ หรือหมอความ ทางด้านการแพทย์ ก็ได้เป็นหมอยา ทางด้านดนตรี ก็ได้เป็นหมอลำ
นายสุเมธอ้างว่ากษัตริย์ภูมิพลได้ทำงานมากมายตลอดเวลาที่ครองอำนาจ
ประชาชนก็ได้รับผลจากการพัฒนามากมาย
แต่ประชาชนไทยไม่เคยสนใจในคำสั่งสอนของกษัตริย์ภูมิพล บางคนชอบมารอต้อนรับ
เอาแต่พากันวิ่งมาหาน้ำตาไหล แต่ไม่เข้าใจในคำสั่งสอนของกษัตริย์ ตลอดเวลาการครองอำนาจมากว่า 60 ปี
กษัตริย์ภูมิพลได้พูดไว้มากมายหลายเรื่อง แต่คนไทยไม่เข้าใจและไม่เคยใส่ใจ
กลับชอบไปเห่อค่านิยมของต่างชาติ ทำให้สังคมเละแทะ เช่น ความอยากร่ำรวยซึ่งไม่ใช่เรื่องสำคัญ
แต่ที่สำคัญอยู่ที่การใช้เงินให้เกิดประโยชน์เหมือนกับงบประมาณของแผ่นดิน
ที่เราต้องรู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์ คนไทยจะต้องภูมิใจในความเป็นไทย
ต้องปฎิบัติตามธรรมภิบาล 10 ประการ อย่าให้กษัตริย์ภูมิพลต้องทำอยู่คนเดียว
การทำงานของกษัตริย์ภูมิพลยังเน้นเรื่อง คุณธรรม จริยธรรม
ข้าราชการที่ทำงานต้องไม่มีที่ดินอยู่รอบโครงการ ถึงแม้ว่าจะไม่ผิดกฎหมายแต่ผิดจริยธรรม
ถ้าหากโกงทุกอย่างก็จบ และ ถ้าอยากร่ำรวย ก็จะต้องลาออกจากข้าราชการ
แต่สิ่งที่นายสุเมธไม่ได้ชี้แจงคือกษัตริย์ภูมิพลและคนที่ทำงานให้กษัตริย์ภูมิพล
ทั้งนายสุเมธ เปรมิกา
องคมนตรวยและนายทหารแห่งกองหน่วยบัญชาการทหารพัฒนานั้นร่ำรวยมั่งคั่งกันแค่ไหน มีทรัพย์สินกันคนละกี่สิบกี่ร้อยล้านพันล้านและเอามาจากไหน
โครงการพระราชดำริเริ่มมา 60 กว่าปีแล้ว และก็มีต่อเนื่องกันมาเรื่อยๆ รวมถึงโครงการใหม่ๆ ถึงแม้ว่ากษัตริย์ภูมิพลจะป่วยและรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช แต่โครงการต่างๆก็ดำเนินการผ่านพระเทพฯและหน่วยงานต่างๆที่กษัตริย์ภูมิพลได้ตั้งไว้ และระยะหลังๆมานี้จะมีเรื่องภัยพิบัติมาเรื่อยๆตั้งแต่ สินามิ ดินถล่ม น้ำท่วม ซึ่งต่อไปนี้ เราจะต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติมากขึ้น โลกกำลังเปลี่ยนแปลง ซึ่งกษัตริย์ภูมิพลเคยบอกไว้ว่า มนุษย์เราชอบรังแกธรรมชาติ ระวังว่าสักวันหนึ่งธรรมชาติจะโกรธและลงโทษ เวลานี้ก็รู้สึกจะครบแล้วทั้งดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งทุกประเทศได้รับผลกระทบแม้แต่สหรัฐอเมริกาที่มีเทคโนโลยีสูง สามารถรู้ล่วงหน้าแต่ก็หนีไม่พ้น จึงเป็นเรื่องยากที่จะเอาชนะธรรมชาติได้ เพราะฉะนั้นเราควรที่จะปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติให้ได้ แทนที่จะไปเอาชนะธรรมชาติ เราจะต้องปรับตัวให้ได้และต้องฟื้นฟูในเรื่องของ ดิน น้ำ ลม ไฟ ให้กลับมาอยู่ในสภาพที่ดี เราจะต้องลงไม้ลงมือทำ รักษาดิน น้ำ ดูแลเรื่องมลพิษ ขยะ ควบคุมบริหารทรัพยากรธรรมชาติให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จะปล่อยปละละเลยอีกต่อไปไม่ได้แล้ว แต่เป็นหน้าที่ของเราต้องทำทุกคน โดยต้องหันหน้ามาเริ่มดำเนินการตามโครงการพระราชดำริที่ควรจะเริ่มมาหลายปีแล้ว
นายสุเมธ กล่าวว่ากษัตริย์ภูมิพลเป็นผู้นำในทุกๆด้าน มีความสามารถหลากหลายจนได้รับปริญญาสดุดีทั้งในและต่างประเทศ ทั้งในสาขานิติศาสตร์ หรือหมอความ ทางด้านการแพทย์ ก็ได้เป็นหมอยา ทางด้านดนตรี ก็ได้เป็นหมอลำ
ประชาชนบางคน พากันซาบซึ้งน้ำตาไหลพราก |
ให้องคมนตรีและภริยาเข้าพบ 9 กค.2555 |
โครงการพระราชดำริเริ่มมา 60 กว่าปีแล้ว และก็มีต่อเนื่องกันมาเรื่อยๆ รวมถึงโครงการใหม่ๆ ถึงแม้ว่ากษัตริย์ภูมิพลจะป่วยและรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช แต่โครงการต่างๆก็ดำเนินการผ่านพระเทพฯและหน่วยงานต่างๆที่กษัตริย์ภูมิพลได้ตั้งไว้ และระยะหลังๆมานี้จะมีเรื่องภัยพิบัติมาเรื่อยๆตั้งแต่ สินามิ ดินถล่ม น้ำท่วม ซึ่งต่อไปนี้ เราจะต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติมากขึ้น โลกกำลังเปลี่ยนแปลง ซึ่งกษัตริย์ภูมิพลเคยบอกไว้ว่า มนุษย์เราชอบรังแกธรรมชาติ ระวังว่าสักวันหนึ่งธรรมชาติจะโกรธและลงโทษ เวลานี้ก็รู้สึกจะครบแล้วทั้งดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งทุกประเทศได้รับผลกระทบแม้แต่สหรัฐอเมริกาที่มีเทคโนโลยีสูง สามารถรู้ล่วงหน้าแต่ก็หนีไม่พ้น จึงเป็นเรื่องยากที่จะเอาชนะธรรมชาติได้ เพราะฉะนั้นเราควรที่จะปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติให้ได้ แทนที่จะไปเอาชนะธรรมชาติ เราจะต้องปรับตัวให้ได้และต้องฟื้นฟูในเรื่องของ ดิน น้ำ ลม ไฟ ให้กลับมาอยู่ในสภาพที่ดี เราจะต้องลงไม้ลงมือทำ รักษาดิน น้ำ ดูแลเรื่องมลพิษ ขยะ ควบคุมบริหารทรัพยากรธรรมชาติให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จะปล่อยปละละเลยอีกต่อไปไม่ได้แล้ว แต่เป็นหน้าที่ของเราต้องทำทุกคน โดยต้องหันหน้ามาเริ่มดำเนินการตามโครงการพระราชดำริที่ควรจะเริ่มมาหลายปีแล้ว
สุเมธ ตันติเวชกุล งานวันเกี่ยวข้าวธรรมศาสตร์ |
ส่วนพวกที่ชอบเอาเรื่องของกษัตริย์มาพูดวิพากษ์วิจารณ์ตามที่สาธารณะก็เป็นพวกที่ไม่มีตัวตน ไม่มีสาระ ไม่ควรไปสนใจให้รกสมองเปล่าๆ แม้ว่าตอนนี้กษัตริย์ภูมิพลยังป่วยอยู่ เจ็บหลังและเดินไม่ได้ แต่ท่านก็ยังขยันทำงานอยู่ตลอด ไม่เคยได้หยุด ทั้งเรื่องน้ำ ดิน อากาศ และทุกข์สุขของประชาชน
สุเมธระหว่างถ่ายทำรายการจารึกไว้ในแผ่นดิน |
เจ้าหน้าที่รายงานผล 4350โครงการพระราชดำริ 11กย.2556 |
โคฟีอันนันถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุด ด้านการพัฒนามนุษย์ วังไกลกังวล 26 พค.2549 |
ในฐานะกษัตริย์ภูมิพลเป็นประธานกิตติมศักดิ์สถาบันน้ำ
ได้สั่งให้ข้อมูลและสั่งราชการตลอดเวลา แม้ว่ายังเจ็บไข้ได้ป่วย ออกไปไหนไม่ได้
แต่ท่านเป็นคนฉลาดเหนือมนุษย์ ท่านรู้ทุกเรื่อง ขนาดหลับตาก็ยังเห็นหมด
มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านได้โทรศัพท์มาเข้ามาตอนประมาณตีสองตีสาม
แสดงให้เห็นว่าท่านทำงานตลอดเวลาเหมือนเซเว่นอีเลเว่น ไม่ต้องหลับไม่ต้องนอน
และไม่สนใจว่าคนอื่นต้องหลับต้องนอนหรือเปล่า แต่ส่วนมากจะสั่งงานผ่านพระเทพฯ
กษัตริย์ใช้วิทยุสื่อสารสั่งงานและฟังข่าวตำรวจ |
กษัตริย์ภูมิพลจะมุ่งมั่นอยู่กับงานกับงานโดยไม่คำนึงถึงสุขภาพร่างกาย เวลาที่ท่านทำงานทุกอย่าง ท่านคิดแต่เรื่องคนอื่นตลอดเวลา ท่านเกรงใจคน ไม่ต้องการให้คนอื่นลำบาก บางคราวเดินทางออกไปโดยไม่แจ้งหมายกำหนดการล่วงหน้า เพราะกลัวว่าจะต้องมีคนมาคอยรับจะทำให้ลำบาก พวกเราก็ต้องคอยเก็งเอาว่าท่านจะไปทางไหน โดยเราก็ต้องเตรียมพร้อมเสมอ มีรถนำขบวนเตรียมไว้ทั้งซ้าย-ขวา ท่านอยากไปทางไหน พวกเราก็พร้อมไปได้ทุกทางทุกเวลา
สั่งนายกยิ่งลักษณ์เร่งผันน้ำทางตะวันออก 12ตค.2554 |
ท่านไม่เคยยกเลิกกำหนดการ ไม่ว่าฝนตก แดดออก ท่านก็จะต้องไปให้ได้ มีอยู่ปีหนึ่งท่านออกพื้นที่ทั้งๆน้ำท่วม ท่านโดนแมลงกัดจนมีแผลที่เท้า ท่านก็ยังมีสั่งงานต่างๆต่อไป เพราะท่านต้องดูด้วยตาตนเองทุกอย่างทุกเรื่อง
พันธมารชูภาพกษัตริย์เคลื่อนไหวล้มรัฐบาลเป็นประจำ |
ท่านเป็นคนไม่ทุกข์ แต่ถ้าลูกๆทะเลาะกัน แบ่งเป็นเสื้อเหลืองเสื้อแดง ท่านเป็นพ่อเป็นแม่ท่านก็ต้องทุกข์ ทั้งๆที่ท่านเป็นคนที่ให้ท้ายเสื้อเหลืองรังแกเสื้อแดงมาตลอด แต่ท่านก็อยากให้เสื้อแดงยอมแพ้ราบคาบซะดีๆ อย่าดื้อ อย่าไปรักทักษิณอีกต่อไปเลย เมื่อบ้านเมืองมีวิกฤต จากการสร้างสถานการณ์ของลูกน้องท่านเอง ท่านก็จะเตือนให้รักษาบ้าน รักษาเมือง ให้มีสติ เอาสติกลับมา อย่าทะเลาะกัน ให้ยอมศิโรราบต่อพวกเผด็จการที่มันปล้นประเทศ
จำลองและสุจินดาเข้าเฝ้า 20 พค. 2535 |
ท่านไม่เคยทำอะไรตามอำเภอใจ เพราะท่านทำผิดไม่ได้ ท่านต้องยึดหลักกฎหมายและรัดทำมะนวยอย่างเคร่งครัด
ตอนพฤษภาทมิฬ 2535 ที่มีการยิงประชาชน ตอนนั้นยังมีนายกรัฐมนตรี
ท่านจะออกมายุ่งเรื่องการเมืองไม่ได้ เพราะจะถูกหาว่าเข้าข้างรัฐบาล เมื่อทั้ง 2
ฝ่ายปะทะกันจนควบคุมกันไม่ได้ มีคนตาย ท่านจึงต้องออกมา ที่จริงใครๆก็เห็นว่าตอน 14 ตุลา
ท่านเข้าข้างถนอมและตำหนินักศึกษา ตอนพฤษภทมิฬ ท่านเข้าข้างรสช. และตำหนิพลตรีจำลอง
แต่เมื่อเกิดการปะทะ และท่านเห็นประชาชนไม่ยอมแน่ๆ
ท่านจึงฉวยโอกาสมาเล่นงานพวกขุนศึก
ทรงแจกลูกฟุตบอลแก่เด็กในชนบทห่างไกล |
ตลอด 63
ปี ท่านทำงานตลอด ท่านทำอะไรไม่ดีต่อแผ่นดินบ้าง
ความจริงก็คือรัฐบาลพลเอกเปรมิกาของกษัตริย์ภูมิพลเองนั่นแหละที่เป็นคนถวายคำว่ามหาราชทั้งๆที่กษัตริย์ยังไม่ทันตาย
ถ้าถามว่ากษัตริริย์ภูมิพลทำอะไรที่ไม่ดีบ้าง
ก็คงดูแค่ว่าทำไมท่านไม่คัดค้านการปล้นอำนาจ แต่กลับแสดงท่าทีสนับสนุนพวกปล้นอำนาจมาโดยตลอด
แม้แต่ในการปล้นอำนาจเมื่อ 19 กันยายน
2549 ท่านก็ยังให้องคมนตรวยสุรายึดมาเป็นนายก
และได้แต่งตั้งให้พวกที่มีบทบาทร่วมสมคบกันปล้นอำนาจประชาชน อย่างนายชาญชัย
ลิขิตจิตถะและ พล.อ.อ. ชลิต ผุกผาสุข ได้เป็นองคมนตรวย
นายสุเมธยังได้ตำหนิเด็กรุ่นใหม่
ที่ถูกครอบงำโดยโลกตะวันตก จนลืมรากเหง้าตัวเอง คิดเรื่องเงินอย่างเดียว
ทำงานก็เพื่อเงิน ไม่สนใจเรื่องคุณธรรม ไม่รู้เรื่องผิดชอบชั่วดี ยกย่องคนรวยคนคอร์รัปชั่น นั่นคือการโจมตีนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง
ทั้งๆที่นักการเมืองต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ต้องผ่านการตรวจสอบมากมายสารพัดและยังมีขบวนการตุลาโกงที่คอยหาเรื่องใส่ความยัดเยียดความผิดเพื่อสกัดกั้นและทำลายนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย แต่สถาบันกษัตริย์ที่ถูกเปิดโปงว่าเป็นราชวงศ์ที่มั่งคั่งร่ำรวยที่สุดในโลก กลับได้รับการยกเว้น ไม่ถูกตรวจสอบและห้ามวิจารณ์โดยเด็ดขาดเพราะถือว่าเป็นการละเมิดกฎหมายความมั่นคงของชาติมาตรา 112
ทั้งๆที่นักการเมืองต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ต้องผ่านการตรวจสอบมากมายสารพัดและยังมีขบวนการตุลาโกงที่คอยหาเรื่องใส่ความยัดเยียดความผิดเพื่อสกัดกั้นและทำลายนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย แต่สถาบันกษัตริย์ที่ถูกเปิดโปงว่าเป็นราชวงศ์ที่มั่งคั่งร่ำรวยที่สุดในโลก กลับได้รับการยกเว้น ไม่ถูกตรวจสอบและห้ามวิจารณ์โดยเด็ดขาดเพราะถือว่าเป็นการละเมิดกฎหมายความมั่นคงของชาติมาตรา 112
นายสุเมธแก้ตัวว่าราชวงศ์ไทยถูกโจมตี ถูกนินทาและถูกนำไปแอบอ้างมาตลอดนับตั้งแต่สมัยรัชกาลที่
5 แล้ว แต่กษัตริย์ไทยก็ยังต้องอดทนอบรมสั่งสอนให้คนไทยเลิกทะเลาะกัน
แต่ก็ยังโดนด่าอีก นายสุเมธอ้างตนว่าเป็นอำมาตย์ 100% ในชีวิตไม่เคยทำอะไร
นอกจากเป็นข้าราชการ ที่มียศ มีศักดิ์ เมื่อบ้านเมืองจนมุม ก็มีแต่พวกอำมาตย์ที่กู้ชาติ
และทำงานไม่เคยหยุด เสาร์ - อาทิตย์ก็ทำงาน ถ้าใครยังไม่พอใจ ไม่อยากอยู่เมืองไทย
ก็เชิญอพยพไปอยู่ประเทศอื่นได้ แต่ตนอยากอยู่ที่นี่ อยากให้ลูกหลานอยู่ที่นี่
ใครจะสร้างรัฐใหม่ ไปอยู่รัฐใหม่ เราไม่ไป เราจะอยู่รัฐเก่านี่แหละ
สื่อต้องทบทวนตัวเอง
ถ้าสื่อจับมือกันกระหน่ำคนที่ทำผิด พักเดียวก็อยู่ ตอนนี้สื่อไม่มีเอกภาพ
แต่ถ้าลองพร้อมใจกัน หยุดทำมาหากินสักพัก แล้วเห็นใครบ้า ๆ บอ ๆ ก็กระหน่ำให้อยู่
ขุดโคตรมาเลย รับรอง ทุกอย่างจะเข้าที่โดยเร็วที่สุด
นายสุเมธคาดหวังในพลังของสื่อมาก ให้หันมาเป็นสื่อกู้ชาติในลักษณะแบบสื่อพันธมารที่ช่วยกันล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
นายสุเมธกล่าวอ้างว่าประชาธิปไตยไม่ได้สอนว่าให้อยู่เฉยๆ
เวลาเห็นคนโกงแม้ว่าจะมาจากการเลือกตั้ง ตนเองเป็นอำมาตย์ แต่เป็นคนทำงานพัฒนาชนบท
เคยออกรบ โดดร่มกลางป่า ตอนนี้เป็นอดีตอำมาตย์ที่เกษียณ แต่ยังกินเงินเดือนอำมาตย์อยู่
รับเงินเดือนทุกเดือน โดนด่าทั้งๆที่มาทำงานช่วยเหลือประชาชน แดงก็ด่า เหลืองก็ด่า
ทั้งๆที่ตนอยู่ตรงกลางที่สุดแล้ว จะเอาอะไรไปตอบโต้ ใครเดือดร้อนก็ไปช่วย
อย่าพะวงว่าจะโดนด่า เพราะพระพุทธเจ้ายังถูกนินทา โดนทำร้ายด้วย แล้วเราจะเหลืออะไร
คนที่พูดคำว่า จงรักภักดี จะต้องมีสติเหนือสิ่งอื่นใด ก็จะไม่ทำให้ใครเดือดร้อน
เพราะฉะนั้น คนในสังคมต้องมีสติ อย่าขาดสติ ก็จะทำให้เราเข้าใจได้ดีที่สุด
นายสุเมธยอมรับว่าตนเองเป็นอำมาตย์ที่กินเงินเดือนของประชาชนแต่ทำงานให้กษัตริย์
และใช้ชีวิตความเป็นอยู่อย่างอำมาตย์แต่กลับเรียกร้องต้องการให้คนรากหญ้าที่เป็นเจ้าของเงินภาษีอากรให้อยู่อย่างพอเพียง
นายสุเมธและคณะพร่ำสอนให้ประชาชนอยู่อย่างพอเพียง
ทั้งๆที่สังคมประเทศชาติต้องล้มลุกคุกคลานเพราะการทำรัฐประหารของพวกอำมาตย์
ที่พากันแสดงตัวแสดงตนออกมากดดัน สร้างวาทะกรรมต่างๆ
เตรียมทำการรัฐประหารเงียบอีกโดยไม่ยอมรับวิถีทางในระบอบประชาธิปไตย
นายสุเมธและคณะโอ้อวดและยืนยันในแนวความคิดให้คนดีมีอำนาจ
และต้องหาทางกีดกันให้คนไม่ดีออกจากอำนาจ
โดยที่นายสุเมธอุปโลกน์ว่าพวกตนเท่านั้นที่เป็นคนดี
เป็นคนตัดสินชี้ว่าใครเป็นคนดีและใครเป็นคนไม่ดี
การให้คนดีมีอำนาจและการป้องกันไม่ให้คนที่ไม่ดีขึ้นมีอำนาจ ก็คือการเปิดทางให้ใช้วิธีที่ไม่ชอบธรรมไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
กษัตริย์ซาร์นิโคลัสที่ 2 และมเหสี |
อนุสาวรีย์นักบญนิโคลัสของโบสถ์รัสเซีย |
รัสปูติน (Rasputin ) |
การที่นายสุเมธต้องหลอกตัวเอง และหลอกคนอื่นด้วยการยกเรื่องโกหกขึ้นมาอ้างนั้น สะท้อนให้เห็นถึงความเสื่อมโทรมตกต่ำของสถาบันกษัตริย์ไทยนั่นเอง ทั้งๆที่โลกได้เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว โลกไม่ได้แบน แต่โลกหมุนรอบตัวเองและรอบดวงอาทิตย์ตามหลักการวิทยาศาสตร์ โลกแบนๆตามความเชื่อโบราณที่เป็นจุดรวมศูนย์ของกษัตริย์ที่ศักดิ์สิทธิ์ไม่มีอีกแล้ว ดวงอาทิตย์ไม่ได้หมุนรอบตัวกษัตริย์ กษัตริย์มิใช่ราชาแห่งเทพที่เป็นศูนย์รวมของจักรวาลอีกต่อไปแล้ว พลเมืองโลกต้องการประชาธิปไตย ต้องการยืนขึ้นเป็นอย่างมนุษย์ ที่ต้องการมีสิทธิเสมอภาคเท่าเทียม
สมบัติ ธำรงธัญวงศ์
NIDA สถาบันบัณฑิตย์พัฒนบริหารศาสตร์ ถนนเสรีไทย คลองจั่น บางกะปิ |
ดร.ปรีชา จรุงกิจอนันต์ |
ในตอนนั้น ศ.ดร. สมบัติก็รอคิวจะเป็นอธิการบดี แต่ไม่เห็นดร.ปรีชาพ้นจากตำแหน่งเสียที ดร.สมบัติจึงย้ายข้ามฟากจากคณะรัฐประศาสน์ไปอยู่คณะบริหารที่อยู่ตึกเดียวกัน แล้วเดินสายหาคะแนนว่า ถ้าเอาดร.ปรีชาลง แล้วตนได้เป็นอธิการบดี ก็จะให้คณะบริหารได้เป็นรองอธิการดูแลเรื่องเงินทอง อยากสร้างอะไรอยากรับเหมาอะไร อยากเปิดโครงการภาคพิเศษ อยากเปิดอินเตอร์ อยากเปิดมินิเอ็มบีเอเพื่อทำมาหากินอะไร ก็เชิญตามสบายเลย
เมื่อคณะใหญ่ที่สุดคือรัฐประศาสน์ รองลงมาก็คณะบริหาร จับมือกันก็ช่วยให้ดร.สมบัติได้เป็นอธิการบดีแบบลอยลำ ดร.ปรีชาที่หลุดจากเก้าอี้ แทนที่จะได้ไปพักผ่อนอย่างมีความสุข แต่กลับกลายเป็นเหยื่อให้คณะปฏิกูล 19 กันยา ตามถล่ม โดน ดร.สมบัติและสนธลิ้มตามไปเล่นงานในฐานะบอร์ดการท่าอากาศยานว่าโกงกิน ตั้งกรรมการสอบเพื่อหาเรื่องให้ได้
สมบัติ ธำรงค์ธัญวงศ์ |
ทวีศักดิ์ สูทกวาทินนำถวายสัตย์ฯต้านระบอบทักษิณ |
ดร.สมบัติได้ชื่อว่าเป็นจอมฉวยโอกาสมาตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษา ที่แกมีชื่อในประวัติศาสตร์ 14 ตุลาเป็นเพราะบังเอิญถึงคิวของมหาลัยเกษตรที่ได้เป็นเลขาธิการศูนย์นิสิต ในปี 2516 แต่นายสมบัติก็ไม่ได้มีบทบาทอะไร พอเสกสรรค์ ประเสริฐกุลพาคลื่นมหาชนไปพึ่งบารมีกษัตริย์ภูมิพลที่สวนจิตรลดา สมบัติก็ไปตะโกนด่าผ่านโทรโข่งกล่าวหาว่าเสกสรรค์จะบุกสวนจิตรลดา ไปรับแผนของพวกคอมมิวนิสต์ แต่พอนักศึกษาประชาชนได้รับชัยชนะ นายสมบัติก็เฮกับเขาด้วย อวดอ้างว่าเป็นผลงานของตนที่เป็นเลขาศูนย์นิสิต จากนั้นนายสมบัติก็ชอบเข้าหาพวกอำนาจนอกระบบ โดยอาศัยชื่อ 14 ตุลาไปนัดกินข้าวกับบิ๊กจิ๋วยุให้เป็นนายก ต่อมายุคหลังๆเมื่อพลเอกอนุพงศ์ไปเรียนโทที่คณะรัฐประศาสน์ สมบัติก็เกาะติดหากินกับอนุพงศ์ สร้างสายสัมพันธ์ออกมาหน้าจอทีวีเรียกร้องให้นายกสมชายลาออก
ดร. ประดิษฐ์ วรรณรัตน์ |
คณะกรรมโกงสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ศ. เสน่ห์ จามริก
รัฐธรรมนูญ 2540 มาตรา 199 ให้มีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติรวม 11 คน ซึ่งกษัตริย์แต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภา จากผู้ซึ่งมีความรู้หรือประสบการณ์ด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนเป็นที่ประจักษ์ชุดแรกมีนายเสน่ห์ จามริกเป็นประธาน มีวาระ 6 ปี ตั้งแต่ปี 2544 ต่อเนื่องมาถึงกลางปี 2552
เสน่ห์ จามริก |
จรัล ดิษฐาอภิชัย |
ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2551 คณะกรรมโกงสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่มีนายเสน่ห์ จามริก เป็นประธานได้มีหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติ นายบัน คี มูน เพื่อแสดงถึงความกังวลและความผิดหวังอย่างยิ่ง กรณีขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยเห็นว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงโดยองค์กรของสหประชาชาติ ซึ่งเป็นบทบาททางการเมืองของคณะกรรมโกงสิทธิมนุษยชนของไทยที่ออกนอกลู่นอกทางไปไกล เพราะกรณีปราสาทพระวิหาร ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องสิทธิมนุษยชนเลยแม้แต่น้อย แต่กลับจะเพิ่มความขัดแย้งระหว่างประเทศให้มีมากขึ้นไปอีก ตามความต้องการของฝ่ายนิยมระบอบเผด็จการโดยกษัตริย์
นางอมรา พงศาพิชญ์ |
ชัยอนันต์ สมุทวณิช |
นางอมราเป็นประธานคณะกรรมโกงสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่มีผลงานที่คาดไม่ถึงหลายกรณี คือ คราวที่ม็อบพันธมารก่อจราจลปิดล้อมรัฐสภา 7 ตุลาคม 2551 รวมทั้งบุกยึดทำเนียบ สถานีโทรทัศน์NBT และสถานที่ราชการ คณะกรรมโกงสิทธิ์ประท้วงว่าฝ่ายรัฐบาลละเมิดสิทธิมนุษยชน และละเมิดกฎหมาย รัฐบาลต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่ในสมัยรัฐบาลมาร์คแมลงสาบสั่งปราบกลุ่ม นปช. ระหว่างเดือนเม.ย.ถึงพ.ค. 2553 ทำให้มีคนตายไม่ต่ำกว่า 91 คน คณะกรรมโกงสิทธิ์กลับระบุว่า การที่รัฐบาลมาร์คแมลงสาบสังหารประชาชน ไม่ถือเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ และไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่พอนายวีระและนางสาวราตรี เจตนาไปบุกรุกแดนให้เขมรจับเมื่อ 29 ธันวาคม 2553 คณะกรรมโกงสิทธิ์ก็แห่กันไปช่วย กรรมโกงสิทธิมนุษยชนในสมัยของนางอมราไม่เคยสนใจเรื่องกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งเป็นกฎหมายเผด็จการที่โบราณและป่าเถื่อนและมีประชาชนถูกริดรอนสิทธิเสรีภาพเป็นจำนวนมากจากกฎหมายปิดปากประชาชนฉบับนี้ นอกจากนี้ยังได้มีการมอบรางวัลเกียรติยศ ผู้อุทิศเพื่อสิทธิมนุษยชนประจำปี 2555 ให้แก่พวกที่อยู่ตรงข้ามฝ่ายประชาธิปไตย เช่น ว. วชิรเมธี นางพรทิพย์ โรจนสุนันท์ นายวีระ สมความคิด และน.ส. ณาตยา แวววีรคุปต์ ฯลฯ
หอการค้าเพื่อพ่อค้าใหญ่
สภาหอการค้าไทย 150/2 ถนนราชบพิธ |
หอการค้าไทยยังคงอุ้มชูมาร์คแมลงสาบอย่างออกนอกหน้า แม้ว่ารัฐบาลมาร์คแมลงสาบจะใช้นโยบายคลั่งชาติ ประกาศลดระดับความสัมพันธ์กับกัมพูชาซึ่งกระทบต่อการค้าระหว่าง 2 ประเทศซึ่งมีมูลค่านับแสนล้านบาทต่อปี แทนที่ประธานหอการค้าจะออกมาเรียกร้องสันติภาพจะได้ทำมาค้าขายกันต่อไป กลับออกมาสนับสนุนอย่างออกนอกหน้าและเมื่อพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งอย่างท่วมท้น แทนที่จะแสดงความยินดีตามมารยาท ก็กลับแสดงท่าทีไม่เป็นมิตรออกมาตำหนิแบบไม่มีเหตุผลว่าให้หารัฐมนตรีที่ฉลาดๆมาหน่อย เพราะทีมเศรษฐกิจมีแต่พวกโนเนม ทั้งๆที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็มีบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างดร.โอฬาร ไชยประวัติ กับนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ อยู่ในหัวแถวทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยแล้วก็ตาม
ดุสิต นนทะนาคร |
ประมนต์ สุธีวงศ์ |
นายดุสิต มีบทบาทก่อนหน้านั้น
โดยออกมาพูดตอนม็อบพันธมารยึดสนามบินเมื่อปลายปี 2551 ว่า "ไทยจะต้องยุติปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองโดยเร็วที่สุด
ถ้าปล่อยให้ยืดเยื้อจะมีปัญหาแน่นอน การที่รัฐบาลไม่สามารถยุติความขัดแย้งได้
ทำให้รัฐบาลหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศนายกรัฐมนตรีจึงควรที่จะประกาศลาออกจากตำแหน่ง
เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองอื่น เข้ามาบริหารประเทศ หากนายกไม่ลาออก
ก็ควรที่จะประกาศยุบสภา เพื่อเลือกตั้งใหม่ “ ต่อมาเมื่อมีการแก้ไขปัญหาพันธมารยึดสนามบินด้วยการรีบร้อนสั่งยุบพรรคพลังประชาชน
มีผลให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 2 ธันวาคม 2551
ตอนนั้นนายดุสิตซึ่งเป็นรองประธานสภาหอการค้าก็ออกมาเป็นตัวตั้งตัวตีแถลงข่าวร่วมกับสภาอุตสาหกรรม
กับสมาคมธนาคารไทยว่า พรรคพวกทักษิณพอได้แล้ว เป็นนายกฯมา 2 คนแล้ว ทั้งสมัคร
สุนทรเวช ทั้งสมชาย บ้านเมืองก็ชิบหายมากพอแล้ว ให้คนอื่นคือฝ่ายมาร์ค-แมลงสาบลองเป็นมั่ง
พวกพ่อค้าจะได้ทำมาหากินกันเป็นปกติสุข... ต่อมาพอพวกนปช.เสื้อแดงชุมนุมใหญ่ไล่รัฐบาลมาร์คแมลงสาบช่วงสงกรานต์
ปี 2552 และเรียกร้องให้รัฐบาลจากค่ายทหารยุบสภาในเดือนมีนาคม และ19 พฤษภาคม 2553
แต่หนหลังนี้นายดุสิตกลับเรียกร้องให้ผู้ชุมนุม ยุติการกระทำใดๆ
ที่จะก่อให้เกิดผลเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ
บุคคลที่เป็นต้นเหตุควรต้องมองถึงประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ในประเทศ
นายดุสิตจบปริญญาโทวิศวกรรมโครงสร้างจากอเมริกา
เป็นลูกหม้อทำงานกับเครือซิเมนต์ไทยมาแต่ต้นจนเกษียณ โดยเครือซิเมนต์ไทยก็เป็นที่ทราบกันดีว่ามีสำนักงานทรัพย์สินของกษัตริย์ภูมิพลเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ นายดุสิตก็ออกมาคัดค้านการประกันค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทตั้งแต่เริ่มต้น ในนามของ 3 สมาคม สุดท้ายก็ต้องถอย ต่อมาก็ตั้งศูนย์ต่อต้านคอรัปชั่น ที่หอการค้า และเสนอให้เพิ่มอำนาจ ปปช. โดยเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2554 นายดุสิตร่วมก่อตั้งภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น (ภตค.) 21 องค์กร ร่วมกันประกาศงดจ่ายใต้โต๊ะ โดยเจาะจงกล่าวหาโจมตีรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่มาจากการเลือกตั้งว่า ในอดีตจ่ายเงินใต้โต๊ะ 2-3 % ยังพอรับได้ แต่ตอนนี้ตัวเลขถึง 30% หากไม่ต่อต้านจริงจัง อนาคตอาจเพิ่มเป็น 80-100% ประเทศล่มจมแน่
นายดุสิตถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2554 ทำให้เว็บไซต์หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ในเครือเนชั่ว ของสุทธิชัย หยุ่น จัดทำคลิปวิดิโอไว้อาลัยนายดุสิต นนทะนาคร ที่ได้อุปถัมถ์ค้ำจุนกันมาในฐานะผู้ร่วมอุดมการณ์เผด็จการดักดานต่อต้านรัฐบาลประชาธิปไตยมาด้วยกัน
สำหรับภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่นที่นายดุสิตเป็นประธานและเป็นตัวตั้งตัวตีนั้น มีเครือเนชั่วของสุทธิชัยหยุ่น รับจ้างเป็นผู้จัดกิจกรรมมาตลอด โดยนายดุสิตได้ขอให้สภาหอการค้าไทยที่เขาเป็นประธานอยู่เข้าร่วมสนับสนุน รวมทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยด้วย
ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ นายดุสิตก็ออกมาคัดค้านการประกันค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทตั้งแต่เริ่มต้น ในนามของ 3 สมาคม สุดท้ายก็ต้องถอย ต่อมาก็ตั้งศูนย์ต่อต้านคอรัปชั่น ที่หอการค้า และเสนอให้เพิ่มอำนาจ ปปช. โดยเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2554 นายดุสิตร่วมก่อตั้งภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น (ภตค.) 21 องค์กร ร่วมกันประกาศงดจ่ายใต้โต๊ะ โดยเจาะจงกล่าวหาโจมตีรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่มาจากการเลือกตั้งว่า ในอดีตจ่ายเงินใต้โต๊ะ 2-3 % ยังพอรับได้ แต่ตอนนี้ตัวเลขถึง 30% หากไม่ต่อต้านจริงจัง อนาคตอาจเพิ่มเป็น 80-100% ประเทศล่มจมแน่
นายดุสิตถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2554 ทำให้เว็บไซต์หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ในเครือเนชั่ว ของสุทธิชัย หยุ่น จัดทำคลิปวิดิโอไว้อาลัยนายดุสิต นนทะนาคร ที่ได้อุปถัมถ์ค้ำจุนกันมาในฐานะผู้ร่วมอุดมการณ์เผด็จการดักดานต่อต้านรัฐบาลประชาธิปไตยมาด้วยกัน
สำหรับภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่นที่นายดุสิตเป็นประธานและเป็นตัวตั้งตัวตีนั้น มีเครือเนชั่วของสุทธิชัยหยุ่น รับจ้างเป็นผู้จัดกิจกรรมมาตลอด โดยนายดุสิตได้ขอให้สภาหอการค้าไทยที่เขาเป็นประธานอยู่เข้าร่วมสนับสนุน รวมทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยด้วย
สันติ วิลาสศักดานนท์
คนสหพัฒน์
สปอนเซอร์หลักพันธมาร-เนชั่ว
คนสหพัฒน์
สปอนเซอร์หลักพันธมาร-เนชั่ว
สันติ วิลาสศักดานนท์ |
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นตัวตั้งตัวตีสำคัญในเรื่องดันมาร์คแมลงสาบเป็นนายกฯ เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง(SPI) บริษัทในเครือสหพัฒนพิบูล ยักษ์ใหญ่ที่ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคขายคนไทยมานานหลายสิบปีเป็นสหพัฒน์ที่ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากมาหลายปีจากการถูกพวกโมเดิร์นเทรด อย่างคาร์ฟู และโลตัสเล่นงาน ไล่บี้อย่างหนัก
วงจรธุรกิจที่ผลิตและขายสินค้าป้อนพวกร้านค้าย่อยหรือโชห่วย เป็นกิจการที่เป็นหม้อข้าวมาตั้งแต่ยุคเจ้าสัวเทียม โชควัฒนา กำลังยอบแยบ จนกระทั่งนายณรงค์ โชควัฒนา ลูกชายเจ้าสัวเทียมคนที่ 4 ต้องออกมาเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ต่อต้านการขยายตัวของห้างสมัยใหม่หรือโมเดิร์นเทรด เป็นการเคลื่อนไหวที่แนบแน่นอย่างยิ่งกับพันธมารของสนธิลิ้ม โดยสหพัฒน์เป็นสปอนเซอร์หลักของพันธมาร ทั้งนายสันติและนายณรงค์ยังมีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกับพวกนายทหารและอำนาจโบราณของไทย ทั้งสองคนจึงได้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ( สนช. ) ในยุคที่โจรกบฏคมช.ครองเมือง สหพัฒน์จัดงานใหญ่ซุปเปอร์แกรนด์เซลทุกปี และทุกปีจะจ้างเครือเนชั่วเป็นผู้จัดและประสานงาน โดยให้เปรมิกาเป็นประธานเปิดงานทุกปี มีอยู่ปีหนึ่งที่สหพัฒน์จัดหนุ่มหล่อล่ำไปโชว์กล้ามต้อนรับเอาใจเปรมิกาจนน้ำลายหกเป็นที่ฮือฮา
พยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล |
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล เป็นประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ต่อจากนายสันติ เมื่อ 20 เมษายน 2553 นายพยุงศักดิ์ทำงานปูนซิเมนต์ไทย ตั้งแต่ ปี 2518 - มกราคม 2553 แต่ต่อมาได้มีการเสนอให้ปลดนายพยุงศักดิ์ เพราะไม่สามารถขับเคลื่อนให้รัฐบาลเลื่อนการประกาศขึ้นค่าแรงทั่วประเทศวันละ 300 บาท จากวันที่ 1 มกราคม 2555 ไปเป็นวันที่ 1 มกราคม 2558 นั้น จึงถูกนำขึ้นมาปั่นกระแสเพื่อสร้างแนวร่วมต่อต้านรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจากสมาชิกธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมซึ่งมีอยู่ราว 10,000 ราย และกล่าวหาว่านายพยุงศักดิ์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดรัฐบาลยิ่งลักษณ์มากเกินไปโดยได้เสนอให้นายสันติ วิลาสศักดานนท์อดีตประธานให้เป็นประธานส.อ.ท.คนใหม่
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์
ประธานสมาคมธนาคารไทย
อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ |
บวรศักดิ์งานเปิดสมาคมสถาบันพระปกเปล้า 23พย.2553 |
กลายเป็นเอกลักษณ์แบบไทยๆ ที่นายทุนกับกองทัพจับมือกันปล้นประเทศ
ขี้ฑูต 3 ตัว
กระทรวงต่างประเทศและนักการทูตถือเป็นขบวนการในเครือข่ายนิยมระบอบกษัตริย์ที่ตามล่าตามล้างนายกทักษิณ เลยพลอยทำลายประชาธิปไตยให้ย่อยยับลงไปด้วย เป็นอีกองค์กรหนึ่งที่มีบทบาทสูง และถือว่ามีเครดิตในเวลาเคลื่อนไหว
นักการทูตตัวเด่นๆที่ประกาศตัวเป็นฝ่ายพันธมารก็มีนายกษิต ภิรมย์ อันนี้ไม่ขอสาธยายสรรพคุณ เพราะมีให้หาอ่านตามร้านขายยาทั่วไปอยู่แล้ว
อัษฎา ชัยนาม |
ที่กลายเป็นปัญหาใหญ่เพราะนายกทักษิณไปตั้งนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ด๊อกเตอร์ทางกฎหมายจากฮาร์วาร์ดไปคุมกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นในช่วงก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 สมัยรัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา ก็ดันไปตั้งนายสุรเกียรติ์เป็นรัฐมนตรีคลัง ทั้งๆที่ไม่ความรู้เรื่องเศรษฐกิจ นายสุรเกียรติก็มั่วของแกไปเรื่อย
วิจิตร สุพินิจ |
เสรี จินตนเสรี |
ท่านผู้หญิงบุษบา สธนพงศ์ แม่ยายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย |
นายอัษฎาถูกนายนิตย์ พิบูลสงคราม ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ตั้งกรรมการสอบสวนเนื่องจากนายอัษฎาไม่ได้ไปรับเสด็จเจ้านายระดับสูง แม้จะอ้างว่าป่วย แต่ก็ไม่ได้มีการแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทน เป็นเหตุให้นายอัษฎากล่าวหาว่านายสุรเกียรติ์พยายามปลดตนออกจากตำแหน่ง แต่นายกทักษิณได้ช่วยไว้ถึง 3 ครั้ง
นายสุรเกียรติ์ยังสวมบทหมาป่ากับลูกแกะ โดยหันมาเล่นงานนายสุรพงษ์ ผู้เป็นน้องชายของนายอัษฎา เริ่มจากการย้ายจากอธิบดีกรมใหญ่ไปเป็นท่านทูตที่เยอรมัน แถมให้ย้ายไปอยู่แถวอาฟริกา ต่อมานายกทักษิณให้มีทูตซีอีโอ แต่พวกทูตที่ถือว่าตนเป็นพวกผู้ดีก็ไม่ค่อยพอใจ หาว่านายกทักษิณไปลดเกียรติลดศักดิ์ศรีให้ท่านทูตลงมาเป็นพ่อค้า
สุรพงษ์ ชัยนาม |
ต่อมานายสุรเกียรติ์ ได้ยื่นฟ้อง นายอัษฎา ฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานและหมิ่นประมาทตนว่าไม่มีคุณสมบัติที่จะได้รับเลือกเป็นเลขาธิการยูเอ็น รวมทั้งการวิจารณ์นโยบายบริหารงานกระทรวงการต่างประเทศ
ในท้ายที่สุดนายสุรเกียติ์ก็หันมาหักหลังนายกทักษิณตอนเกิดรัฐประหาร 19 กันยา 2549
ส่วนนายสุรพงษ์กลายมาเป็นมือไม้ให้รัฐบาลโจรสุรยุทธ์และเขียนบทความเชียร์รัฐประหาร 19 กันยา 2549 โดยโมเมเอาว่าเหมือนการปฏิวัติสังคมนิยมเพื่อกอบกู้ฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตย
นายสุรพงษ์ ชัยนาม ได้เป็นที่ปรึกษานายกษิตรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ ในสมัยรัฐบาลมาร์ค แมลงสาบ ส่วนนายอัษฎาได้เป็นกรรมาธิการเขตแดนไทย-กัมพูชา หรือ JBC
เบื้องหลังคนทำโพล
เอแบคโพล
ศรีศักดิ์ จามรมาน
ประธาน เอแบคโพล ABAC POLL
ศรีศักดิ์ จามรมาน |
ศ.ดร. ศรีศักดิ์ จามรมานเป็นลูกพระยานิติศาสตรไพศาลย์ ( วัน จามรมาน ) อดีตอธิบดีกรมพระอาลักษณ์ รัฐมนตรียุติธรรมและรักษาการนายกรัฐมนตรีระหว่างที่พระยาพหลพลพยุหเสนาลาป่วยประมาณ 6 เดือน รวมทั้งตำแหน่งประธานคณะราษฎร คุณศรีศักดิ์จบวิศวกรรมศาสตร์โยธาจุฬา จบปริญญาเอกคอมพิวเตอร์ จากจอร์เจีย สหรัฐเมื่อปี 2507 เป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เป็นประธานบริษัทคอมพิวเตอร์และสหวิทยาการจำกัด ให้คำปรึกษาแก่ธนาคารไทยพาณิชย์ ลูกค้าธนาคารกรุงเทพ เป็นที่ปรึกษาสำนักปลัดบัญชีทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทเคเอสซี ที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์รายแรกและใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่มีมูลค่าถึง 40,000 ล้านบาท เป็นผู้ก่อตั้งและเป็นประธานสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ รับทำวิจัยเชิงธุรกิจและทำวิจัยสาธารณประโยชน์ ได้รับขนานนามว่าเป็นบุรุษคอมพิวเตอร์แห่งเอเซีย และเป็นบิดาอินเทอร์เน็ตไทย
นพดล กรรณิกา |
ส่วนดร. นพดล กรรณิกา เป็นผอ.สำนักวิจัย จบปริญญาเอกด้านการจัดการวิศวกรรมคอม พิวเตอร์ มหา วิทยา ลัยอัสสัมชัญ ปริญญาโทด้านระเบียบวิธีวิจัยเชิงสำรวจและการทำโพล จากมิชิแกน ดร.นพดลประกาศตัวว่าเป็นนักวิชาการที่เป็นกลาง คอยออกโพลสำรวจความเห็นของประชาชนว่าเดือดร้อนจากการชุมนุมปิดถนนของทั้งเสื้อเหลืองและเสื้อแดง แต่มีทัศนะส่วนตัวเอียงไปทางเหลือง ทัศนะบ้านเมืองก็ไปทางเดียวกับมาร์คแมลงสาบ เลยได้รับเชิญให้เข้าทำเนียบสมัยรัฐบาลมาร์คแมลงสาบเป็นประจำ เพราะมาร์คแมลงสาบอยากขอคำปรึกษาในเรื่องของประชามติต่อตัวเขา และคำชี้แนะทางวิชาการ
สวนดุสิตโพล
สุขุม เฉลยทรัพย์ |
ในการเลือกตั้งผู้ว่ากทม. 3 มีนาคม 2556
สวนดุสิตโพลถูกกล่าวหาว่าไปทำโพลเชียร์ พล.ต.อ.พงศพัศ พงศ์เจริญผู้สมัครผู้ว่ากทม.ของพรรคเพื่อไทย
ก่อนหน้านี้นายมานิจ สุขสมจิตร ลาออกจากนายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
เนื่องจากไม่พอใจกรณีมหาวิทยาลัยไปรับจัดทำเวทีเสวนาแก้ไขรัดทำมะนวย 108
แห่งให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เพราะนายมานิจเองก็เป็นสมาชิกสภาร่างรัดทำมะนวยของคณะปฏิกูลการปกครอง แต่ผลการเลือกตั้งปรากฏว่าหม่อมสุขุมพันธ์แห่งพรรคแมลงสาบกลับพลิกล้อคชนะการเลือกตั้ง
ทำให้พรรคแมลงสาบและพวกสลิ่มออกมาถล่มสวนดุสิตโพลว่ารับจ้างพรรคเพื่อไทยสร้างโพลโกหก
อาจารย์สุขุมจึงต้องออกมายอมรับความผิดพลาด พร้อมสรุปเพื่อการวางแผนให้รัดกุม
ต้องควบคุมตัวแปร โดยเฉพาะพฤติกรรมการให้ข้อมูลของคนกรุงเทพฯ แม้จะได้ดำเนินการตามหลักวิชาการอย่างเคร่งครัดแล้วก็ตาม
แต่ยังขาดความรอบคอบในการควบคุมตัวแปรที่คณะทำงานต้องทันกับเกมการเมืองที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง
โดยความเป็นจริงแล้วไม่ว่าวงการไหนก็ล้วนแต่มีฝักฝ่ายด้วยกันทั้งนั้น ตราบใดที่คนยังต้องอยู่ต้องกิน แต่บางคนก็ชอบอวดอ้างว่าตนบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่เข้าข้างใครทั้งสิ้น นับจากปี 2547-2555 สวนดุสิตได้รับว่าจ้างวิจัยเชิงสำรวจ และทำโพลให้แก่หน่วยงานรัฐทั้งสิ้น 21 แห่ง 42 ครั้ง วงเงินรวมกว่า 141 ล้านบาท
โดยความเป็นจริงแล้วไม่ว่าวงการไหนก็ล้วนแต่มีฝักฝ่ายด้วยกันทั้งนั้น ตราบใดที่คนยังต้องอยู่ต้องกิน แต่บางคนก็ชอบอวดอ้างว่าตนบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่เข้าข้างใครทั้งสิ้น นับจากปี 2547-2555 สวนดุสิตได้รับว่าจ้างวิจัยเชิงสำรวจ และทำโพลให้แก่หน่วยงานรัฐทั้งสิ้น 21 แห่ง 42 ครั้ง วงเงินรวมกว่า 141 ล้านบาท
กรุงเทพโพลล์
เจริญ คันธวงศ์ |
โดยมีนายเจริญ คันธวงศ์ เป็นอธิการบดีคนแรกที่เป็นมาถึง 25 ปีตั้งแต่สมัยเรียกว่าครูใหญ่
เป็นประธาน ส.ส.พรรคแมลงสาบ ปัจจุบันยังคงเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัย
และได้รับการยกย่องเป็นอธิการบดีกิตติคุณก่อตั้ง
ธนู กุลชล |
ส่วนอธิการบดีคนที่สอง ที่เป็นมาถึง 20 ปี คือ ดร.ธนู กุลชล
ก็เข้าไปเป็น สว.ลากตั้งของพวกโจรกบฏคมช.เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2551
ทำไมนิด้าโพล
จึงแม่นอยู่โพลเดียว
ผลการเลือกตั้งสส.ทั่วประเทศ 3 กค. 2554 |
โดย กทม. พรรคเพื่อไทยจะได้ 28 คน พรรคแมลงสาบได้ 5 คน
เอแบคโพล ให้พรรคเพื่อไทยได้ส.ส.รวม 299 พรรคแมลงสาบได้ส.ส.รวม 132
โดยกทม. พรรคเพื่อไทยจะได้ 24 คน พรรคแมลงสาบได้ 9 คน
หลังปิดหีบลงคะแนน สื่อก็รีบแถลงผลของโพล แต่พรรคแมลงสาบรีบโต้แย้งทันทีว่าพวกตนต้องชนะการเลือกตั้งส.ส.ในกทม. และผลที่ออกมาสำหรับกทม.กลับผิดคาด คือ พรรคเพื่อไทยได้ส.ส.แค่ 10 คน พรรคแมลงสาบได้ส.ส.ถึง 23 คน
มรว.สุขุมพันธุ์ และ พล.ต.อ.พงศพัศ |
เอแบคโพลและสวนดุสิตโพล ฟันธงให้พงศพัศ ชนะเลือกตั้ง ผู้ว่าฯกทม.
สวนดุสิตโพล ให้พงศพัศ 49.01% ตามด้วยสุขุมพันธ์ 39.65%
เอแบคโพลล์ ให้พงศพัศ 40.9 ถึง 50.9% ตามด้วยสุขุมพันธ์ 34.1%
มีแต่นิด้าโพลเท่านั้น ที่ให้ สุขุมพันธุ์ 43.16% ตามด้วยพงศพัศ 41.45%
ผลการเลือกตั้ง สุขุมพันธุ์ ได้ราว 1,250,000 หรือ 47.75 % พงศพัศ ได้ราว 1,070,000 หรือ 40.97 %
ดร. สุวิชา เป้าอารีย์ ผอ.นิด้าโพล เจ้าตำรับโพลมือถือ ที่ดังเป็นพลุแตกชั่วข้ามคืนวันที่
3
มี.ค.2556 สำหรับนิด้าโพล เพราะเป็นเพียงโพลเดียว
ที่ทำนายว่าสุขุมพันธุ์ จะชนะการเลือกตั้งผู้ว่าราชการ กทม. เหนือพงศพัศ อ้างว่านิด้าโพลทำการสำรวจผ่านทางโทรศัพท์
มีการทำความรู้จักกับกลุ่มตัวอย่างก่อนที่จะมีการเก็บข้อมูล
เพื่อเป็นสร้างความสัมพันธ์ ทำให้ผู้ตอบพร้อมจะให้ข้อมูลที่แท้จริง
คือจะไม่มีการเผชิญหน้า ลดความไม่ไว้วางใจ ทำให้ได้คำตอบตามความจริง
แต่เมื่อได้พิจารณาตามข้อเท็จจริงแล้ว
จะเห็นได้ว่าวิธีการทำโพลของนิด้า ก็ไม่น่าจะช่วยให้แม่นยำกว่าโพลอื่นๆเลย
เพราะนิด้าโพลบอกเองว่าเป็น โพลมือถือ มีฐานข้อมูลอายุ อาชีพ รายได้ ที่อยู่ เพศ
แล้วโทรไปสอบถาม อ้างว่าทำให้คนกล้าพูด แต่เอาเข้าจริง
คนไม่รู้จักกันมาโทรถามทางมือถือ เราก็มักโกหกได้ง่ายๆ ต่างกับการถามซึ่งหน้า
ถ้าผู้สอบถามมีการฝึกมาดี จะดูออกว่าพูดจริงหรือโกหก ถ้าคิดอย่างนิด้า สำนักโพลทุกสำนักก็ต้องหันมาใช้การสอบถามทางมือถือหมดแล้วเพราะมันง่ายดี
แต่ ดร.นพดล กรรณิกา ผอ.เอแบคโพล วิเคราะห์ว่าเอแบคโพลมีหัวหน้าคุมงานดูแลการลงพื้นที่และให้แต่ละคนถ่ายรูปส่งมาให้ซุปเปอร์ไวเซอร์ เพื่อยืนยันว่าไปเก็บข้อมูลในจุดไหนบ้าง และมีวิธีที่ทำให้ผู้ตอบไว้ใจโดยเอาแบบสอบถามใส่ซองให้เห็นต่อหน้าแล้วปิดผนึก เพื่อยืนยันว่าคนที่ลงพื้นที่เก็บข้อมูลไม่รู้ว่ากลุ่มตัวอย่างรายนั้นตอบว่าอะไร ตนเชื่อว่าวิธีการนี้จะทำให้คนไว้ใจที่จะให้ข้อมูลกับเอแบคโพล ทั้งนี้เอแบคโพลสุ่มตัวอย่างทั้งหมด 5 ชั้น ทั้งเขตปกครอง แขวง ชุมชน ครัวเรือน และคนในครัวเรือน ต่างจากสหรัฐที่มีการสุ่มมีเพียง 2 ชั้น โดยใช้สอบถามทางโทรศัพท์อีกชั้นหนึ่ง เพราะมีโทรศัพท์เกือบทุกครัวเรือน แต่ประเทศไทยทำไม่ได้ เพราะครัวเรือนที่มีโทรศัพท์บ้านมีเพียง 35% ทำให้ต้องสุ่มตัวอย่างถึง 5 ชั้น
การที่นิด้าโพลนำมาอ้างว่าตนมีวิธีการทำโพลที่แม่นยำเพราะใช้วิธีสอบถามทางโทรศัพท์แบบไม่ต้องเผชิญหน้า
จึงน่าจะเป็นแค่ข้ออ้าง เพราะเจ้าของนิดาโพลคงจะรู้ดีว่าโพลอื่นๆเขาแม่นอยู่แล้ว
เพราะทำตามหลักวิชาการ แต่นิด้าโพลไม่ใช่โพลธรรมดา เพราะดร.สุวิชา เป้าอารีย์ ผอ.นิด้าโพลเป็นหนึ่งในแกนนำกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์
ที่แสดงจุดยืนชัดเจนคือเป็นศัตรูกับฝ่ายทักษิณและคนเสื้อแดง โดยอ้างว่าต่อต้านการผูกขาดอำนาจในสังคมไทยซึ่งก็คือต่อต้านการที่พรรคของคุณทักษิณชนะการเลือกตั้งทุกครั้ง
โดยได้ออกแถลงการณ์ของกลุ่ม เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2555 มี รศ.ทวีศักดิ์ สูทกวาทิน
ดร.บรรเจิด สิงคะเนติ ดร. พิชาย
รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ดร.สุวิชา เป้าอารีย์
รศ.นเรศร์ เกษะประกร ดร.ปุ่น วิชชุไตรภพ ซึ่งบรรดาคณาจารย์พวกนี้เป็นฝ่ายนิยมชมชอบและรับใช้ระบอบเผด็จการดักดานมาโดยตลอด
ดังนั้นการที่พรรคแมลงสาบชนะการเลือกตั้งในกทม. ทั้งการเลือกตั้งสส.และผู้ว่ากทม. จึงเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยและฝ่ายประชาธิปไตยควรจะต้องตั้งข้อสงสัยและพยายามค้นหาสาเหตุที่แท้จริงให้ได้ เพื่อหาทางปรับปรุงแก้ไขในคราวต่อไป
…………
สุวิชา เป้าอารีย์ |
ภาพตัดต่อที่ใช้โจมตีพล.ต.อ. พงศพัศ |
แต่ ดร.นพดล กรรณิกา ผอ.เอแบคโพล วิเคราะห์ว่าเอแบคโพลมีหัวหน้าคุมงานดูแลการลงพื้นที่และให้แต่ละคนถ่ายรูปส่งมาให้ซุปเปอร์ไวเซอร์ เพื่อยืนยันว่าไปเก็บข้อมูลในจุดไหนบ้าง และมีวิธีที่ทำให้ผู้ตอบไว้ใจโดยเอาแบบสอบถามใส่ซองให้เห็นต่อหน้าแล้วปิดผนึก เพื่อยืนยันว่าคนที่ลงพื้นที่เก็บข้อมูลไม่รู้ว่ากลุ่มตัวอย่างรายนั้นตอบว่าอะไร ตนเชื่อว่าวิธีการนี้จะทำให้คนไว้ใจที่จะให้ข้อมูลกับเอแบคโพล ทั้งนี้เอแบคโพลสุ่มตัวอย่างทั้งหมด 5 ชั้น ทั้งเขตปกครอง แขวง ชุมชน ครัวเรือน และคนในครัวเรือน ต่างจากสหรัฐที่มีการสุ่มมีเพียง 2 ชั้น โดยใช้สอบถามทางโทรศัพท์อีกชั้นหนึ่ง เพราะมีโทรศัพท์เกือบทุกครัวเรือน แต่ประเทศไทยทำไม่ได้ เพราะครัวเรือนที่มีโทรศัพท์บ้านมีเพียง 35% ทำให้ต้องสุ่มตัวอย่างถึง 5 ชั้น
การแถลงเปิดตัวกลุ่มสยามภิวัฒณ์ |
ดังนั้นการที่พรรคแมลงสาบชนะการเลือกตั้งในกทม. ทั้งการเลือกตั้งสส.และผู้ว่ากทม. จึงเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยและฝ่ายประชาธิปไตยควรจะต้องตั้งข้อสงสัยและพยายามค้นหาสาเหตุที่แท้จริงให้ได้ เพื่อหาทางปรับปรุงแก้ไขในคราวต่อไป
…………
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น