ฟังเสียง : http://www.4shared.com/mp3/igjuwFY8/NGO_Conspiracy_.html
http://www.mediafire.com/listen/ls651wwj1u6laid/NGO_Conspiracy_.mp3
http://www.youtube.com/watch?v=mehn0FREv3o&feature=youtu.be
เปิดตำนานเจ้าพ่อเอ็นจีโอ : ไม่โง่ไม่บ้าแต่ว่าจมปลักดักดาน NGO Conspiracy
ที่มาและที่ไปของเอ็นจีโอ
องค์กร พัฒนา เอกชน
(อพช.) หรือ เอ็นจีโอ ( NGO
: Non Govern mental Organization ) ถือกำเนิดจากองค์กรของคริสเตียนเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ยามทุกข์ยากในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
ต่อมาเอ็นจีโอจากประเทศอุตสาหกรรมได้ขยายตัวสู่บทบาททางเศรษฐกิจและสังคมในประเทศด้อยพัฒนา
ซึ่งแนวทางการพัฒนาถูกกำหนดโดยธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
ซึ่งอยู่ภายใต้นโยบายของกลุ่มจีเจ็ด G-
7 ( มี สหรัฐ อังกฤษ แคนาดา เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี และญี่ปุ่น )
เอ็นจีโอใหญ่ ๆ ได้เงินสนับสนุนส่วนใหญ่ได้จากรัฐบาลสหรัฐฯ เช่น
องค์กรพัฒนาเอกชนสากลออกซ์แฟม ( Oxfam )
และองค์กรบรรเทาทุกข์แคร์ ( CARE Relief Agency )
แต่เดิมสหรัฐไม่ค่อยให้ความสนใจต่อกลุ่มเอ็นจีโอในประเทศด้อยพัฒนานัก
เพราะถือว่ารัฐบาลของประเทศด้อยพัฒนาต่างๆ
มักรับฟังคำแนะนำของรัฐบาลสหรัฐเป็นอย่างดี ต่อมามีการเคลื่อนไหวของเอ็นจีโอในอเมริกาใต้ที่ร่วมมือกับวาติกัน
และบางครั้งร่วมมือกับขบวนการต่อต้านรัฐบาลที่สหรัฐสนับสนุนอยู่ ทำให้สหรัฐจำเป็นต้องมีการกำหนดนโยบายเอ็นจีโอ
โดยเฉพาะนับตั้งแต่ปี 2533 หลังจากกำแพงเบอร์ลินพังทลายลง สหรัฐและธนาคารโลก จึงหันมาใช้เอ็นจีโอเป็นเครื่องมือส่วนหนึ่งเพื่อการยึดครองตลาดการค้า
และครอบงำทัศนคติของผู้คนในประเทศต่างๆ ตามมติของวอชิงตัน โดยองค์กรเอกชนที่ไม่ขึ้นต่อรัฐบาล
เอ็นจีโอไทยรุ่งเรืองมากในยุคเขมรอพยพ ได้เงินฝรั่งมาทำงานกันคึกคักทางอีสานใต้ พอป่าแตก
พรรคคอมมิวนิสต์เลิกกิจการ ก็ได้พวกที่ออกจากป่าเข้ามาร่วมขบวนเอ็นจีโอยุคนั้นกันมากมาย
สายธารนักปฏิวัติได้คลี่คลายแปรเปลี่ยนไปเป็นเอ็นจีโอภาคประชาชนที่เริ่มต้นจากงานมนุษยธรรมด้วยการช่วยเหลือเขมรอพยพในช่วงปี
2521
และเมื่อหมดยุคเขมรอพยพ ก็ค่อยหันมาทำงานพัฒนาชุมชนในชนบททั่วประเทศ แต่ต่อมาพวกฝรั่งก็ค่อยๆลดการสนับสนุน เพราะมองว่าเมืองไทยเริ่มพัฒนาแล้ว
เอ็นจีโอแทบจะตกงาน ก็พอดีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกฯพระราชทานภาคสอง กลางปี 2535
ได้ให้เงินช่วยเอ็นจีโอมีทำงานทำเป็นเรื่องเป็นราว กลายเป็นบุญคุณที่พันผูกกันมา
ดร. ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ก็เป็นผู้จุดประกายเอ็นจีโอไทยคนสำคัญ โดยในปี 2510 ดร. ป๋วยได้ร่วมกับเพื่อนๆร่วมก่อตั้ง
มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทย ถือเป็นโครงการพัฒนาชนบทแห่งแรกขององค์กรพัฒนาเอกชน
โดยใช้หลักการไปหาชาวบ้าน อยู่กับเขา เรียนรู้จากเขา วางแผนและทำงานร่วมกับชาวบ้าน
โดยดำเนินการอยู่ในเขตจังหวัดชัยนาทเป็นหลัก เพราะชาวบ้านที่ชัยนาทเคยช่วยชีวิต
ดร. ป๋วย เมื่อครั้งเป็นเสรีไทย
ลูกศิษย์ของดร.ป๋วยรุ่นแรกๆก็ยังวนเวียนอยู่และเป็นใหญ่เป็นโตในวงการเอ็นจีโอหลายคน เช่น บำรุง บุญปัญญา นักพัฒนาอาวุโส เจ้าของสมญาราชสีห์อีสาน พิศิษฐ์ ชาญเสนาะ เจ้าพ่อเอ็นจีโอปักษ์ใต้ ประธานมูลนิธิหยาดฝน จ.ตรัง ผู้ร่วมก่อตั้งโครงการอนุรักษ์ป่าชายเลนโลก เตือนใจ ดีเทศน์ เจ้าแม่เอ็นจีโอทางเหนือ ผู้ต่อสู้เรียกร้องเพื่อชาวเขา ที่ต่อมาได้เป็น สว.ลากตั้งโดยคมช. แต่เอ็นจีโอในรุ่นต่อๆมาได้ย้ายจุดยืนไปเป็นขุนนางตัวใหม่ที่ดูหมิ่นดูแคลนคนรากหญ้า
อุดมคติของเอ็นจีโอ
ลักษณะทั่วไป ของคนในขบวนการเอ็นจีโอ ก็คือ
-เป็นคนแน่วแน่ในอุดมคติที่จะเสียสละเพื่อผู้อื่น เมื่อก่อนไม่ค่อยได้รับทุนจากภาครัฐ
จึงมักต้องขอทุนสนับสนุนจากต่างประเทศ พวกองค์การสาธารณกุศล หรือองค์การด้านศาสนาพวกโบสถ์คริสเตียน
หรือองค์กรด้านแรงงาน ดังนั้นขบวนการเอ็นจีโอจึงต้องเคร่งครัดเข้มงวดมักน้อย ได้เงินเดือนแค่พอยังชีพ
แต่ต้องอุทิศตัวเสียสละอย่างสูง จะคิดหวังเอาความสะดวกสบายหรือหวังยึดเป็นอาชีพเพื่อสร้างฐานะไม่ได้เลย
แล้วยิ่งหวังว่าจะตั้งตัวได้ก็อย่าหวัง กลายเป็นว่าต้องไปหาเอาคนที่มีฐานะทางบ้านดีหน่อยหรือไม่เป็นภาระต้องเลี้ยงดูมากนักเพราะไม่ค่อยมีเงินจ้าง
-พวกเอ็นจีโอมีวิธีคิดที่ด้านเดียวตายตัวสุดโต่ง มองทุกสิ่งเป็นดำเป็นขาวไปเลย
ไม่พัฒนา ไม่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ไม่ยืดหยุ่น คือทำตัวเคร่งครัดยิ่งกว่าพระ เป็นพวกปฏิเสธและออกจะชิงชังสังคมบริโภคนิยม
ทุนนิยม และต่อต้านโลกาภิวัตน์ เช่น
ลูกของ ส.ศิวลักษณ์ ต้องไปดูทีวีที่ข้างบ้าน เพราะที่บ้านไม่มีทีวีให้ดู ญัค อภิชาต ทองอยู่ นักกิจกรรมจิตอาสาและเป็นคอลัมนิสต์ไทยโพสต์
ก็ชอบนอนในบ้านปั้นดินเหนียวแล้วจุดไต้หรือตะเกียงแทนไฟฟ้า ส่วนเปี๊ยก - บำรุง
บุญปัญญา ฉายาราชสีห์อิสานผู้ไว้หนวดเครายาวเฟื้อย ก็รณรงค์เรื่องภูมิปัญญาชาวบ้าน
ต่อต้านทุนนิยมทุกรูปแบบ อย่างเอาการเอางาน
เปี๊ยกหรือ พิภพ ธงไชย ที่หมู่บ้านเด็กเมืองกาญจนบุรี
ก็อบรมเด็ก ไม่ให้ปรับตัวไปตามสังคมภายนอกที่มันเป็นจริง ขณะที่ โย - บำรุง คะโยธา
ในหมู่บ้านที่กาฬสินธุ์ ก็จะหั่นมันสำปะหลังเลี้ยงหมู เพราะเขาต่อต้านรำข้าวจากโรงสีที่ใช้ไฟฟ้า
-พวกเอ็นจีโอมักจะรณรงค์ให้ประชาชนกลับไปใช้ภูมิปัญญาดั้งเดิม ต่อต้านกระแสทุนสมัยใหม่ที่กำลังมาแรงขึ้นทุกที ดังนั้นเขื่อนทุกเขื่อนจึงเป็นเรื่องที่ต้องต่อต้าน เพราะไฟฟ้าไปสู่เมืองและไปสู่โรงงานอุตสาหกรรมของกลุ่มทุน หรือบรรษัทข้ามชาติ สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ก็รณรงค์ตั้งสหกรณ์ครูและชาวนาให้เป็นเกียรติแก่ครูที่เสียสละในการต่อสู้กับกลุ่มทุนท้องถิ่น อภิชาต ทองอยู่ เขียนหนังสือ คำตอบอยู่ที่หมู่บ้าน บำรุง บุญปัญญา รณรงค์ให้ชาวนาทำเกษตรผสมผสานแบบทำอยู่ทำกิน ที่ต่อมากลายเป็นเศรษฐกิจพอเพียง พิศิษฐ์ ชาญเสนาะ ประธานมูลนิธิหยาดฝน จ.ตรัง นักอนุรักษ์ก็พาชาวมุสลิมในสิเกาชายฝั่งอันดามันจังหวัดตรังฟื้นฟูป่าชายเลน
-พวกเอ็นจีโอไม่ได้ค่อยสนใจการต่อสู้ในเชิงโครงสร้าง หรือการแข่งขันทางการเมือง
และออกจะปฏิเสธวิถีทางการเมือง เพราะได้เห็นมาแล้วว่าภาคประชาชนสายปฏิวัติเคยทำล้มเหลวมาแล้วตั้งแต่สมัยป่าแตก
แต่อำนาจรัฐก็บุกมารังควานภาคประชาชนสายปฏิรูป เช่น การที่รัฐจะสร้างเขื่อนน้ำโจน
จนสืบ นาคะเสถียร ต้องพลีชีพเพื่อปกป้องป่าผืนนั้น กรณีที่รัฐใช้ความรุนแรงกับชาวนาเจ้าของพื้นที่กรณีเขื่อนปากมูล
รัฐและทุนเข้าไปทำลายพื้นที่นาข้าว 3 จังหวัดอีสานด้วยการหนุนกลุ่มทุนท้องถิ่นทำอุตสาหกรรมเกลือสินเธาว์ การไล่ชาวนาออกจากพื้นที่เพื่อให้ทหารปลูกไม้ยูคาลิปตัส การรุกไล่ที่ชาวบ้านในกรณีท่อก๊าซเมืองกาญจน์ เหมืองแม่เมาะลำปาง
โรงไฟฟ้าจากถ่านหินที่บ่อนอกและหินกรูดประจวบคีรีขันธ์ และท่อก๊าซไทย-มาเลย์ ฯลฯ
เมื่อชาวนาเดือดร้อนอยู่ไม่เป็นสุข
บรรดาเอ็นจีโอที่ทำเกษตรผสมผสาน เกษตรพออยู่พอกิน ฟอกย้อมหม่อนไหมด้วยสีธรรมชาติ รักษากันด้วยสมุนไพรที่ผลิตขึ้นเอง จุดตะเกียงแทนแสงนีออน
ที่ต่อต้านการบริโภคนิยม ต่อต้านโลกาภิวัตน์ ก็จำต้องเข้าเป็นแกนนำการต่อสู้ให้ชาวบ้านผู้เดือดร้อน
จนกระทั่งมีการเลือกตั้งสว. ทั่วประเทศครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญ 2540 เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2543 บรรดาเอ็นจีโอผู้มีชื่อเสียงก็ลงสมัครสว.และได้รับเลือกตั้งกันหลายคน
ทั้งครูประทีปแห่งสลัมคลองเตย ครูแดง
เตือนใจ ดีเทศน์นักพัฒนาด้านชาวเขา
อาจารย์จอน
อึ๊งภากรณ์ผู้รณรงค์ต่อต้านเอดส์ อาจารย์เจิมศักดิ์ ครูสุชน ชาลีเครือ ครูหยุย วัลลภ ตังคณานุรักษ์ ครูยุ่น มนตรี สินธวิชัย และใครต่อใครจึงพาเหรดเข้าสภาสูงในยุคเริ่มต้นของรัฐบาลทักษิณ
ส่วนภูมิธรรม เวชยชัย ที่เคยอยู่สายเอ็นจีโอคุมมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม ที่จุฬา เพื่อปลุกปั้นคนรุ่นใหม่ออกไปเป็นอาสาสมัครในชนบท ก็หันมาทำงานให้นายทุนชาติที่ชื่อทักษิณ แล้วก็พาพรรคพวกจากจุฬาฯอย่างสุธรรม แสงปทุม เกรียงกมล เลาหไพโรจน์ พินิจ จารุสมบัติ อดิศร เพียงเกษ ไอ้ก้านยาว ประพัฒน์ แซ่ฉั่ว และยังมีรองประธานบริหารเครือชินแซทเทิลไลท์ หมอมิ้ง พรหมินทร์ รวมทั้งจาตุรนต์ ฉายแสงจากพรรคความหวังใหม่ เป็นภาคประชาชนสายปฏิวัติในอดีตที่มาร่วมงานกับนายทุนชาติเจ้าพ่อธุรกิจสื่อสารให้ผสมกลมกลืนเป็นอัศวินควายดำที่ยึดแนวทางตาดูดาวเท้าติดดิน ด้วยการแปลงภูมิปัญญาของเอ็นจีโอ ให้เป็นนโยบาย 30 บาททุกโรค พักหนี้เกษตรกร ธนาคารคนจน และ OTOP
แต่ฝ่ายประชาชนสายปฎิรูปหรือพวกเอ็นจีโออาชีพยังคงเดินหน้าต่อต้านโลกาภิวัตน์อย่างแข็งขืน และยืนท้าทายกระแสบริโภคนิยมอย่างทรนง มีบ้างบางส่วนที่เข้ามาเป็นสว.ภาคประชาชน ซึ่งก็ยืนตรงข้ามกับทักษิณทั้งนั้น
เมื่อพลังหลักของสังคมไทย เปิดไฟเขียวเต็มที่ให้สนธิลิ้มเดินหน้าโค่นล้มทักษิณด้วยข้อหาว่าเป็นทุนสามานย์
พวกเอ็นจีโอและภาคประชาชนสายปฏิรูปเกือบทั้งหมดต่างเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับกลุ่มพันธมารในการเคลื่อนไหวโค่นล้มทักษิณในบริบทที่แตกต่างกันไป
เนื่องจากพวกสายปฏิรูปหรือเอ็นจีโอรังเกียจกระแสบริโภคนิยม-ทุนนิยม-ทุนข้ามชาติ ที่พวกเขาเรียกว่าทุนสามานย์
และพยายามหลอกตนเองว่าการล้มล้างระบอบทักษิณนั้นมิใช่ล้มล้างระบอบประชาธิปไตย
เพราะประชาธิปไตยนั้นถูกล้มล้างไปก่อนแล้วโดยระบอบทักษิณ
แต่ก็มีพวกเอ็นจีโอบางคนที่เริ่มสับสนและไม่แน่ใจกับบทบาทของตนเอง
โดยเฉพาะเมื่อเกิดการรัฐประหาร 19 กันยา 2549 ที่เป็นเผด็จการชัดเจน จึงได้ออกโรงกลับลำมาต่อต้านผู้ยึดอำนาจทำรัฐประหารอย่างมากบ้างน้อยบ้าง
ส่วนพวกที่หลงเข้าไปเต็มตัวกลับลำไม่ได้ ก็จำต้องเลือกยืนข้างเผด็จการโบราณ
พร้อมทั้งหลอกตนเองต่อไปว่าเผด็จการทหารก็แค่ชั่วคราว เดี๋ยวก็เลือกตั้งแล้ว
ยังไงก็ยังดีกว่าทุนสามานย์อย่างระบอบทักษิณ
โดยมีแกนนำเอ็นจีโอหลายคนเสนอตัวเป็นสว.ลากตั้งรับใช้เผด็จการคมช.
เช่น ศยามล ไกยูรวงศ์ นักต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินจากจังหวัดตรัง
วิฑูรย์ เพิ่มพงศาเจริญ ประธานมูลนิธิฟื้นฟูชีวิตและธรรมชาติ
นักต่อต้านเขื่อนและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
เรวดี ประเสริฐเจริญสุข อดีตประธาน คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน
บรรจง นะแส นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย
รวมทั้งนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์
เอ็นจีโอเหล่านี้ได้ขึ้นพูดเวทีพันธมารกล่าวหาว่าผู้ที่สนับสนุนรัฐบาลทักษิณเป็นพวกที่ขาดข้อมูลซึ่งเป็นทัศนะที่ดูถูกคนจนและให้ความชอบธรรมกับรัฐประหาร
แต่พอไปเสนอตัวเป็นสว.ลากตั้ง ก็ถูกเปรมิกาปฏิเสธอย่างไม่สนใจใยดี โดยเปรมิกาหันไปตั้งพวกสื่อแทน เช่น สมชาย แสวงการ ที่เคยเป็นนายกสมาคมนักข่าววิทยุทีวี หรือคำนูณ สิทธิสมาน และประสาร มฤคพิทักษ์
เอ็นจีโอพวกนี้ก็ไม่เคยสำนึกตัวว่าจะต้องเคารพต่อเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศ แต่กลับไปร่วมมือกับพันธมารอย่างเต็มที่ ทำการเลวร้ายสารพัดทั้งยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสถานีโทรทัศน์ช่อง11 เอ็นบีที ล้อมสภา บุกกองบัญชาการตำรวจนครบาล ยึดสนามบิน
ที่ชัดเจนไปกว่านั้นก็คือ พวกเอ็นจีโอที่เข้าร่วมกับสื่อและนักวิชาการยังพร้อมใจกันออกมาประณามรัฐบาลสมัคร
และเรียกร้องให้ สมัคร ลาออกและยกเลิกประกาศ พรก.ฉุกเฉิน
แต่พอเสื้อแดงชุมนุมให้รัฐบาลมาร์คแมลงสาบที่แพ้เลือกตั้งให้ยุบสภา ในตอนเมษาเลือด 2552 แล้วรัฐบาลออกประกาศพรก.ฉุกเฉิน ทหารถืออาวุธมาเต็มที่กราดยิงพวกเสื้อแดงระนาว
แต่พวกเอ็นจีโอก็ออกแถลง การณ์ไปคนละเรื่องเลย มีองค์กรด้านเอดส์ของนิมิตร์ เทียนอุดม
ไปลงชื่อด้วย ตอนนั้นจับมือกับสารี อ๋องสมหวัง ที่จบพยาบาลจุฬา
เป็นผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ที่ใกล้ชิดกับรสนา โตสิตระกูล
พากันออกแถลงการณ์บอกว่า ขอให้คุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเคารพกฎหมาย
และต่อสู้ภายใต้กรอบกระบวนการยุติธรรม ยุติการอ้างประชาธิปไตยและใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาผลประโยชน์ของตนเอง
ส่วนกลุ่มแนวร่วมประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต้องชุมนุมโดยสงบ
และไม่สร้างเงื่อนไขยั่วยุให้มีการใช้ความรุนแรง โดยแถลงการณ์นี้ออกดักหน้าตั้งแต่การชุมนุมกันหน้าทำเนียบวันที่
8 เมษายน 2552
และพอทหารเริ่มปราบปรามประชา ชนเสื้อแดงในวันที่13 เมษายน 2552 แทนที่เอ็นจีโอพวกนี้จะออกแถลงการณ์คัดค้านการออกประกาศพรก.ฉุกเฉิน
และห้ามทำร้ายผู้ชุมนุมแบบที่เคยทำตอนที่พันธมารทำสิ่งเลวร้ายสารพัด กลับไปร่วมมือกับสมาคมนักข่าวออกแถลงการณ์ว่า ผู้ชุมนุมอย่ารุนแรง แถมออกบัตรเชิญให้มีการปราบปรามด้วยคำสวยหรูว่า หากรัฐบาลจะควบคุมสถานการณ์ก็ให้ทำเท่าที่จำเป็นอย่าให้บาดเจ็บล้มตาย
ในปีต่อมาก่อนการนัดชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดง น.ส. สารี อ๋องสมหวัง นายวีรพงษ์ เกรียงสินยศ แห่งมูลนิธิสุขภาพไทย
และ นายนิมิตร์ เทียนอุดม ในนามเครือข่าย หยุดทำร้ายประเทศไทย
หยุดใช้ความรุนแรงออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับการที่นปช.
จะจัดชุมนุมในกรุงเทพในวันที่ 14 มีนาคม
2553 โดยอ้างว่าเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน
ทั้งยังอาจจะนำไปสู่ความรุนแรงด้วย
โดยพยายามเชิญชวนให้ประชาชนร่วมกันแสดงพลังของสังคมไทยในการระงับยับยั้งความรุนแรงด้วยการใช้สัญลักษณ์
เช่น ธงชาติ หรือใช้ สีขาว ใส่เสื้อขาว
ทั้งนี้ก็เพื่อสกัดกั้นกระแสการเรียกร้องมาร์คแมลงสาบที่จัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหารให้รีบคืนอำนาจให้แก่ประชาชน
ศึกษาข้อเรียกร้อง
ของเอ็นจีโอไทย
- ต่อต้านโรงไฟฟ้า
และไม่ให้วางท่อก็าซ
http://www.mediafire.com/listen/ls651wwj1u6laid/NGO_Conspiracy_.mp3
http://www.youtube.com/watch?v=mehn0FREv3o&feature=youtu.be
เปิดตำนานเจ้าพ่อเอ็นจีโอ : ไม่โง่ไม่บ้าแต่ว่าจมปลักดักดาน NGO Conspiracy
ที่มาและที่ไปของเอ็นจีโอ
กาชาดช่วยเชลยสงครามชาวโปแลนด์ เม.ย.2488 |
ร้านอ๊อกแฟม Oxfam Shop ขายของบริจาค เพื่อนำเงินไปใช้ในการกุศล |
แต่เดิมสหรัฐไม่ค่อยให้ความสนใจต่อกลุ่มเอ็นจีโอในประเทศด้อยพัฒนานัก
องค์กรบรรเทาทุกข์แคร์ CARE Relief Agency |
เด็กกำพร้าในค่ายเขมรอพยพ 2522 |
ป๋วย ก่อตั้งมูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทย 2510 |
ลูกศิษย์ของดร.ป๋วยรุ่นแรกๆก็ยังวนเวียนอยู่และเป็นใหญ่เป็นโตในวงการเอ็นจีโอหลายคน เช่น บำรุง บุญปัญญา นักพัฒนาอาวุโส เจ้าของสมญาราชสีห์อีสาน พิศิษฐ์ ชาญเสนาะ เจ้าพ่อเอ็นจีโอปักษ์ใต้ ประธานมูลนิธิหยาดฝน จ.ตรัง ผู้ร่วมก่อตั้งโครงการอนุรักษ์ป่าชายเลนโลก เตือนใจ ดีเทศน์ เจ้าแม่เอ็นจีโอทางเหนือ ผู้ต่อสู้เรียกร้องเพื่อชาวเขา ที่ต่อมาได้เป็น สว.ลากตั้งโดยคมช. แต่เอ็นจีโอในรุ่นต่อๆมาได้ย้ายจุดยืนไปเป็นขุนนางตัวใหม่ที่ดูหมิ่นดูแคลนคนรากหญ้า
อุดมคติของเอ็นจีโอ
ลักษณะทั่วไป ของคนในขบวนการเอ็นจีโอ ก็คือ
โกมล คีมทอง ต้นแบบครูชนบท 2489- 2514 |
บำรุง บุญปัญญา ราชสีห์อิสาน |
บำรุง คะโยธา เครือข่ายองค์กรชุมชน เพื่อการปฏิรูป |
-พวกเอ็นจีโอมักจะรณรงค์ให้ประชาชนกลับไปใช้ภูมิปัญญาดั้งเดิม ต่อต้านกระแสทุนสมัยใหม่ที่กำลังมาแรงขึ้นทุกที ดังนั้นเขื่อนทุกเขื่อนจึงเป็นเรื่องที่ต้องต่อต้าน เพราะไฟฟ้าไปสู่เมืองและไปสู่โรงงานอุตสาหกรรมของกลุ่มทุน หรือบรรษัทข้ามชาติ สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ก็รณรงค์ตั้งสหกรณ์ครูและชาวนาให้เป็นเกียรติแก่ครูที่เสียสละในการต่อสู้กับกลุ่มทุนท้องถิ่น อภิชาต ทองอยู่ เขียนหนังสือ คำตอบอยู่ที่หมู่บ้าน บำรุง บุญปัญญา รณรงค์ให้ชาวนาทำเกษตรผสมผสานแบบทำอยู่ทำกิน ที่ต่อมากลายเป็นเศรษฐกิจพอเพียง พิศิษฐ์ ชาญเสนาะ ประธานมูลนิธิหยาดฝน จ.ตรัง นักอนุรักษ์ก็พาชาวมุสลิมในสิเกาชายฝั่งอันดามันจังหวัดตรังฟื้นฟูป่าชายเลน
สืบ นาคะเสถียร ( 2492 - 2533 ) |
ประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ |
จอน อึ๊งภากรณ์ ลูกชายดร.ป๋วย |
ส่วนภูมิธรรม เวชยชัย ที่เคยอยู่สายเอ็นจีโอคุมมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม ที่จุฬา เพื่อปลุกปั้นคนรุ่นใหม่ออกไปเป็นอาสาสมัครในชนบท ก็หันมาทำงานให้นายทุนชาติที่ชื่อทักษิณ แล้วก็พาพรรคพวกจากจุฬาฯอย่างสุธรรม แสงปทุม เกรียงกมล เลาหไพโรจน์ พินิจ จารุสมบัติ อดิศร เพียงเกษ ไอ้ก้านยาว ประพัฒน์ แซ่ฉั่ว และยังมีรองประธานบริหารเครือชินแซทเทิลไลท์ หมอมิ้ง พรหมินทร์ รวมทั้งจาตุรนต์ ฉายแสงจากพรรคความหวังใหม่ เป็นภาคประชาชนสายปฏิวัติในอดีตที่มาร่วมงานกับนายทุนชาติเจ้าพ่อธุรกิจสื่อสารให้ผสมกลมกลืนเป็นอัศวินควายดำที่ยึดแนวทางตาดูดาวเท้าติดดิน ด้วยการแปลงภูมิปัญญาของเอ็นจีโอ ให้เป็นนโยบาย 30 บาททุกโรค พักหนี้เกษตรกร ธนาคารคนจน และ OTOP
แต่ฝ่ายประชาชนสายปฎิรูปหรือพวกเอ็นจีโออาชีพยังคงเดินหน้าต่อต้านโลกาภิวัตน์อย่างแข็งขืน และยืนท้าทายกระแสบริโภคนิยมอย่างทรนง มีบ้างบางส่วนที่เข้ามาเป็นสว.ภาคประชาชน ซึ่งก็ยืนตรงข้ามกับทักษิณทั้งนั้น
สนธิลิ้ม นำพันธมารเคลื่อนพลล้มล้างการปกครอง |
ใจ อึ๊งภากรณ์ ประท้วงการรัฐประหาร หน้าสยามพาราก้อน 22 กย. 2549 |
ศยามล ไกยูรวงศ์ ตรัง |
เช่น ศยามล ไกยูรวงศ์ นักต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินจากจังหวัดตรัง
วิฑูรย์ เพิ่มพงศาเจริญ -ฟื้นฟูชีวิตและธรรมชาติ |
เรวดี ประเสริฐเจริญสุข การพัฒนาที่ยั่งยืน |
เรวดี ประเสริฐเจริญสุข อดีตประธาน คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน
บรรจง นะแส ทรัพยาการชายฝั่งภาคใต้ |
นิมิตร์ เทียนอุดม |
เอ็นจีโอเหล่านี้ได้ขึ้นพูดเวทีพันธมารกล่าวหาว่าผู้ที่สนับสนุนรัฐบาลทักษิณเป็นพวกที่ขาดข้อมูลซึ่งเป็นทัศนะที่ดูถูกคนจนและให้ความชอบธรรมกับรัฐประหาร
แต่พอไปเสนอตัวเป็นสว.ลากตั้ง ก็ถูกเปรมิกาปฏิเสธอย่างไม่สนใจใยดี โดยเปรมิกาหันไปตั้งพวกสื่อแทน เช่น สมชาย แสวงการ ที่เคยเป็นนายกสมาคมนักข่าววิทยุทีวี หรือคำนูณ สิทธิสมาน และประสาร มฤคพิทักษ์
เอ็นจีโอพวกนี้ก็ไม่เคยสำนึกตัวว่าจะต้องเคารพต่อเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศ แต่กลับไปร่วมมือกับพันธมารอย่างเต็มที่ ทำการเลวร้ายสารพัดทั้งยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสถานีโทรทัศน์ช่อง11 เอ็นบีที ล้อมสภา บุกกองบัญชาการตำรวจนครบาล ยึดสนามบิน
ทพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี สมัชชาอิสาน ประณามสมัครปราบพันธมาร 2 กย.2551 |
แต่พอเสื้อแดงชุมนุมให้รัฐบาลมาร์คแมลงสาบที่แพ้เลือกตั้งให้ยุบสภา ในตอนเมษาเลือด 2552 แล้วรัฐบาลออกประกาศพรก.ฉุกเฉิน ทหารถืออาวุธมาเต็มที่กราดยิงพวกเสื้อแดงระนาว
สารี อ๋องสมหวัง กับ นิมิตร์ เทียนอุดม |
ทหารพร้อมอาวุธร้ายแรงเข้าปราบคนเสื้อแดง ช่วงสงกรานต์ 2552 |
10 มีค.2553 เครือข่ายหยุดทำร้ายประเทศไทย ออกแถลงการณ์ |
ศึกษาข้อเรียกร้อง
ของเอ็นจีโอไทย
- ต่อต้านโรงไฟฟ้า
และไม่ให้วางท่อก็าซ
โรงไฟฟ้าแม่เมาะ ลำปาง ใช้ถ่านหินลิกไนท์ |
เทศกาลท่องเที่ยวโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ลำปาง |
รถบรรทุกก๊าซขนาดใหญ่ที่เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย และค่าใช้จ่ายสูง |
การชุมนุมคัดค้านท่อก๊าซไทย-มาเลย์ ใกล้โรงแรมเจบีหาดใหญ่ 20 ธค. 2545 |
- เขื่อนปากมูล
การเรียกร้องที่ไม่รู้จบ
เขื่อนปากมูล อ.โขงเจียม อุบลราชธานี |
จึงได้มีการสร้างเขื่อนปากมูลโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จากการสนับสนุนของธนาคารโลก สร้างเสร็จในปี 2531 ด้วยเงิน 240 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 7,000 ล้านบาท
เขื่อนปากมูล กั้นน้ำที่ไหลเชี่ยวเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า |
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตได้จ่ายเงินเป็นค่าเวนคืนมากกว่า 1,500 ล้านบาท รวมทั้งชดเชยค่าสูญเสียรายได้จากการประมงอีกกว่า 500 ล้านบาท แต่ก็ยังมีปัญหาที่อ้างว่าชาวบ้านได้รับเงินชดเชยไม่ครบถ้วน มีการเรียกร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่จบไม่สิ้น รวมทั้งการอ้างค่าชดเชยสารพัดจากการสูญเสียอาชีพประมงและการจับปลาได้น้อยลง บางรายได้ค่าชดเชยหลายครั้งเป็นเงินหลายแสนบาทหรือถึงล้านบาทก็มี การต่อสู้เรียกร้องจึงยืดเยื้อต่อมาในนามของสมัชชาคนจน โดยเปลี่ยนมาเป็นเรื่องผลกระทบต่อระบบนิเวศและการฟื้นฟูวิถีชีวิตชุมชน ให้ยุติการใช้เขื่อนปากมูลด้วยการเปิดประตูระบายน้ำทั้งหมดให้น้ำไหลลงสู่แม่น้ำโขงโดยตรงเหมือนก่อนที่มีเขื่อน อ้างว่าเพื่อให้ปลาจากแม่น้ำโขงสามารถขึ้นมาวางไข่เหนือเขื่อนและคืนสภาพความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติให้กลับคืนมา
เขื่อนปากมูลช่วงเปิดประตูให้หาปลา |
ทำไมเอ็นจีโอไทย
จึงเปลี่ยนไป
จึงเปลี่ยนไป
พิภพ ธงไชย สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ สนธิลิ้ม และสมศักดิ์ โกสัยสุข |
พรรคไทยรักไทยได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม |
ไฮ ขันจันทาขอบคุณนายกทักษิณ คืนที่ 62 ไร่ 21 ตค. 2547 |
รสนา นำขบวนต่อต้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ โดยอ้างว่าเป็นการขายชาติ |
เอ็นจีโอพาชาวบ้านเข้าพบนายกทักษิณ ปี 2544 |
เอ็นจีโอจึงกลายเป็นพวกนักอุดมคติที่แปลกแยกแตกต่างไปจากวิถีชีวิตของประชาชนทั่วไป ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วบรรดาเจ้าพ่อและเจ้าแม่เอ็นจีโอทั้งหลายก็มีอำนาจในการต่อรองมากกว่าคนทั่วๆไปและหลายคนก็ได้รับการแต่งตั้งให้มีตำแหน่งหน้าที่จนกลายเป็นอาชีพอย่างหนึ่ง
บ้านพักพล.อ.สุรยุทธ์ ในเขตป่าสงวน
เขายายเที่ยง นครราชสีมา |
สนามกอล์ฟสอยดาวไฮแลนด์ กอล์ฟคลับ
|
อานันท์ ปันยารชุน : เจ้าพ่อเอ็นจีโอ
อานันท์ ปันยารชุน ขวัญใจคนชั้นกลาง |
อานันท์เคยเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายกกรรมการธนาคารไทยพาณิชย์ ของเครือสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มีผลงานงานด้านสังคมสงเคราะห์ ทั้งในองค์กรของไทยและนานาชาติหลายองค์กร รวมทั้งเคยเป็นประธานทีดีอาร์ไอหรือสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย และได้รางวัลแมกไซไซ ในปี 2540
นายอานันท์ยังเป็นที่ปรึกษาบริษัทประกันชีวิตยักษ์ใหญ่เอไอจี บริษัทคาร์ไลล์ กรุ๊ป ( The Carlyle Group ) ที่เป็นบริษัทเงินทุนระดับโลก เป็นสมาชิกของคณะกรรมการไตรภาคีหรือ Trilateral Commission ที่ก่อตั้งโดยมหาเศรษฐีสหรัฐ David Rockefeller เป็นองค์กรเอกชนเพื่อกระชับความร่วมมือในอเมริกา ยุโรปและญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในเครือข่ายองค์กรใต้ดินของสหรัฐ
อานันท์และภรรยา มรว.สดศรี จักรพันธุ์ |
ญาติๆและลูกๆของนายอานันท์ก็แต่งงานกับตระกูลผู้ดีใหญ่ๆหลายตระกูล จึงมีคนให้ฉายานายอานันท์ว่าผู้ดีรัตนโกสินทร์
อานันท์ นายกพระราชทานสองสมัย |
ส่วนเครือข่ายอำนาจรัฐโบราณก็ยกย่องนายอานันท์เป็นตัวแทนของพวกตนถึงขนาดให้เป็นนายกพระราชทานสองครั้ง ในขณะที่กลุ่มนักเก็งกำไรจากตะวันตกก็ถือว่านายอานันท์ เป็นตัวแทนหรือหุ้นส่วนถาวรของพวกตน
นายอานันท์
และทีดีอาร์ไอ
ทีดีอาร์ไอก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2527 ในสมัยนายกเปรมิกาจากความช่วยเหลือของรัฐบาลแคนาดา (CIDA) และของสหรัฐ (USAID) รวมทั้งภาคเอกชนในรูปของมูลนิธิ
นายอานันท์เคยเป็นทูตไทยประจำแแคนาดา สหรัฐ เป็นผู้แทนไทยประจำสหประชาชาติ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และในปี 2522 ได้ลาออกมาเป็นรองประธานและเป็นประธานกรรมการบริษัท สหยูเนี่ยน และเป็นกรรมการบริษัทต่างๆรวมทั้งบริษัทข้ามชาติหลายบริษัท เคยเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นประธานสภามหาวิทยาลัยเอไอที หรือเทคโนโลยีแห่งเอเซีย เป็นประธานทีดีอาร์ไอ ประธานสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ฯลฯ ทั้งยังเคยดำรงตำแหน่งที่สำคัญในอดีตอีกมากมาย เป็นนายกรัฐมนตรีสองสมัย เป็นประธานยกร่างรัฐธรรมนูญ 2540 นายอานันท์มักอ้างว่าตนมีธรรมาภิบาลสูง เป็นคนซื่อสัตย์และทันสมัย พร้อมทั้งชอบดูถูกและกล่าวหาว่านักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งไม่มีธรรมาภิบาล ไม่โปร่งใส เอาแต่โกงกิน
อานันท์ และอัมมาร งาน โปร่งใสยามบ่าย: คนไทยไม่โกง 13 ธค. 2555 |
อัมมาร สยามวาลา และ สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ |
เกษม จาติกวณิช ( 2467 - 2553 ) |
ในช่วงรัฐบาลอานันท์ 2 ได้เร่งขายโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่ง ให้กับบ.ไทยออยล์ ของนายเกษม จาติกวณิช ในราคาเพียง 8,764 ล้านบาท ด้วยการรับเช็คส่วนตัว ในวันเซ็นสัญญา ทั้ง ๆ ที่มีหลายฝ่ายคัดค้าน ในขณะที่นายอานันท์ เป็นเพียงรัฐบาลรักษาการหลังวิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่ ปี 2540 ได้มีการขายทรัพย์สินขององค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน หรือปรส. ของ 56 สถาบันการเงินที่ถูกปิดกิจการ มูลค่า 851,000 ล้านบาท เพื่อแยกหนี้ดี-หนี้เสียออกจากกัน แล้วค่อยประมูลขาย แต่รัฐบาลนายชวนกลับนำสินทรัพย์ทั้งหมดไปประมูลขายเพียง 190,000 ล้านบาท โดยโกล์ดแมนแซคส์ ( Goldman Sachs Group Inc.) ร่วมกับจีอีแคปิตอล ( GE Capital Corporation) ที่นายอานันท์ไปนั่งเป็นประธานที่ปรึกษา เข้าประมูลซื้อสินทรัพย์ปรส.หนึ่งในสามด้วยเงิน 23,600 ล้านบาทหรือ 645 ล้านเหรียญสหรัฐหรือราว 21% ของมูลค่าทรัพย์สินซึ่งส่วนใหญ่มีอสังหาริมทรัพย์ค้ำประกัน จากลูกหนี้ 13000 รายในมูลหนี้ 384,000 ล้านบาท โดยปฏิเสธที่จะเจรจาต่อรองกับลูกหนี้ ขณะที่เลแมนบราเธอร์ Lehman Brothers Holding ซื้อทรัพย์สินปรส.มูลค่า 24,600 ล้านบาทที่ราคา 11,500 ล้านบาท
อมเรศ ศิลาอ่อน และ วิชรัตน์ วิจิตรวาทการ |
อานันท์เป็นห่วงธรรมาภิบาลภาครัฐอ่อนแอ 26 มิย. 2556 |
โสภณ สุภาพงษ์
โสภณ สุภาพงษ์ |
โสภณ สุภาพงษ์ ตอนเป็นผู้บริหารอยู่บางจาก นำงบประชาสัมพันธ์ของบริษัทมาใช้โฆษณาเผยแพร่ตนเองจนคนส่วนใหญ่รู้จักนายโสภณมากกว่าบางจาก แต่นายโสภณคงทนไม่ได้ ที่เห็น ปตท. เติบโตไปได้เรื่อยๆส่วนบางจากยังไปไม่ถึงไหนเลย ราคาหุ้นบางจากก็มีแต่ตกลง จนต้องดึงมือการเงินจาก ปตท.มาปรับโครงสร้างหนี้ครั้งใหญ่ เพราะความผิดพลาดในการบริหารที่ต่อต้านการลงทุนเพื่อสร้างโรงแคร็กเกอร์เพื่อเพิ่มปริมาณเบนซินและดีเซล แต่นายโสภณกลับเอาเงินไปหว่านกับสหกรณ์และโครงการโฆษณาตัวเอง โรงกลั่นบางจากมีแต่น้ำมันเตาราคาถูกเต็มไปหมด เลยไม่มีเงินใช้หนี้ โสภณคิดจะกระจายหุ้นเพิ่มเพื่อหาเงินล้างหนี้ โดยไปหลอกตั้งชมรมคนรักบางจาก อ้างว่าจะให้บางจากเป็นของคนไทย
นายกทักษิณ เคยพูดในที่ประชุมครม.เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2549 ว่านายโสภณ เคยชวนไปกินข้าวที่บ้านแล้วขอเงินตั้งกองทุน 10,000 ล้านบาท แต่นายกทักษิณไม่ให้ จึงทำให้นายโสภณไม่พอใจ และออกมาโจมตีนายกทักษิณเรื่อยมารวมทั้งการกุข่าวเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์
โสภณ สุภาพงษ์ เมื่อเป็นส.ว. |
มล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักเล่านิทานพลังงานและรสนา |
ประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ซีอีโอยอดเยี่ยม 30 มค.2555 |
กรกสิวัฒน์ เดินสายเล่านิทานพลังานแบบโสภณ สุภาพงษ์ |
โสภณ สนช.2550 หนุนคุณธรรมและเศรษฐกิจพอเพียง |
ประเวศ วะสี
: ราษฎรโกโรโกโส
หมอประเวศเป็นประธานและรองประธานหรือกรรมการขององค์กรต่างๆ
ทั้งในและต่างประเทศรวมกว่า 60 ชุด เป็นประธานมูลนิธิไทย มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ
เป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยหลายแห่ง
เป็นราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์
เป็นเสาหลักของวงการปัญญาชน นักวิชาการ เอ็นจีโอ ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายระบอบกษัตริย์
เป็นคนธรรมะธรรมโม เป็นคนดีตามแบบแผน อยากช่วยบ้านเมือง แต่ก็ต้องเป็นบ้านเมืองที่แกเห็นว่าดี คือในบ้านเมืองนั้นมีทั้งคนดีและคนไม่ดี แต่บังเอิญแกมองไปว่านักการเมืองทุกคนดันเลวทั้งหมดในสายตาของแก แกจึงเห็นว่าทางที่ดีควรยกบ้านเมืองกลับไปให้พระเจ้าอยู่หัวท่านดูแลจัดการจะดีกว่า เพราะในหลวงองค์นี้ท่านดีเลิศแต่ผู้เดียว
ความไม่พอใจของหมอประเวศส่วนหนึ่งมาจากเรื่องของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
หรือ สสส. ที่ใช้เงินจากภาษีสรรพสามิตสุราและยาสูบร้อยละ 2 เป็นเงินราว 1600
ล้านบาทในตอนนั้น ถูกตรวจพบว่ามีการทุจริตโดยหมอประเวศและหมอประกิต
วาทีสาธกกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
นายกทักษิณได้มอบหมายให้ รตอ. ปุระชัย รองนายกในฐานะประธานสสส. ดำเนินการสอบสวน
โดยปุระชัยได้สั่งปลดหมอประกิตออกจากรองประธานสสส.
เป็นเหตุให้หมอประเวศและบรรดาเอ็นจีโอที่หากินกับสสส. ไม่พอใจกันมาก
ว่าไปแล้วรตอ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เป็นคนที่สร้างภาพได้เก่งมาก เมื่อเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยได้จัดระเบียบสังคมเข้มงวดกับสถานบริการบันเทิงจนได้ฉายาว่ามือปราบสายเดี่ยว
แต่มักชอบมีเรื่องขัดแย้งแบบไม่เลือกหน้าทั้งกับพวกสถานบันเทิง
รวมถึงมีเรื่องกับหมอประกิต วาทีสาธกกิจ และหมอพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ซึ่งเรียกกันว่าสงครามคนดี
โดยยกย่องตนเองว่าเป็นคนดีไม่มีเสื่อม
แต่หลังการรัฐประหารในปี 2549
กลับได้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติของโจรคมช. แม้ว่าปุระชัยจะได้รับฉายาว่ามิสเตอร์ไม้บรรทัด
แต่เมื่อ 19 ก.พ.2549 ได้แสดงบัญชีทรัพย์สินต่อปปช.ทั้งปุระชัย และภรรยา มีทรัพย์สินรวมกันกว่า
300 ล้านบาท
ทั้งๆที่ปุระชัยเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของคุณทักษิณ ที่เคยร่วมก่อตั้งมหาวิทยาลัยชินวัตรและพรรคไทยรักไทยและเป็นเลขาธิการพรรคไทยรักไทยคนแรก และถนัดในสร้างภาพว่าเป็นคนซื่อสัตย์ที่ยอมหักไม่ยอมงอ แต่ในที่สุดก็ยอมทำงานเป็นสนช.ให้โจรคมช.เหมือนกับเอ็นจีโอและพวกนักสร้างภาพทั่วไป รวมทั้งการทำหน้าที่เป็นศัตรูกับฝ่ายประชาธิปไตยโดยได้ยืนยันว่าคุณทักษิณต้องรับโทษตามกฎหมู่ของพวกโจรคมช.ก่อน ถึงจะมีสิทธิได้รับการเสนอชื่อให้ได้รับการอภัยโทษ
หมอประเวศ
กับชมรมแพทย์ชนบท
ชมรมแพทย์ชนบท เกิดจากการรวมตัวกันของแพทย์เพื่อทำประโยชน์ให้คนชนบท
ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2523 และได้จัดตั้งมูลนิธิแพทย์ชนบทขึ้นมาในปี 2525 โดยมีที่ปรึกษาคนสำคัญคือ
หมอประเวศ วะสี ซึ่งได้ก่อตั้งมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ โดยโอนงานมาจากคณะกรรมการระบาดวิทยาที่ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิร็อกกี้เฟลเล่อร์แห่งสหรัฐ
กลุ่มคนเหล่านี้มีการประชุมกันเป็นประจำที่สวนสามพราน มีความคิดจะพัฒนาระบบสาธารณสุขโดยจัดตั้งองค์กรที่ไม่อยู่ในภาคราชการ
แต่มีงบประมาณแผ่นดินมาใช้ในการทำงานตามแนวคิดของพวกตน โดยอาศัยทฤษฎีสามเหลี่ยมเขยื้อนภูขา
หรือบันได 3 ขั้น ของหมอประเวศ คือ
1.อ้างผลการวิจัย จากสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข สวรส. ที่จัดตั้งสมัยนายกอานันท์ โดยมีหมอสุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ เป็นประธานคณะอนุกรรมการกำหนดยุทธศาสตร์การวิจัย
2.การออกมาทำให้คนในสังคมตื่นตระหนก โดยหมอประเวศ เป็นผู้มีบทบาทสำคัญ
3.ผลักดันรัฐบาลออกฎหมาย เพื่อให้มีเงินกองทุนมาบริหารงานตามกฎเกณฑ์ที่พวกตนต้องการ
โดยการดึงเอาการทำงานไปไว้ในองค์กรอิสระนอกเหนือการควบคุมของกระทรวงสาธารณสุข เช่น จัดตั้งสำนักงานปฏิรูประบบสุขภาพแห่งชาติ (สปรส.) สมัยรัฐบาลชวนสอง แล้วมาแตกแขนงเป็นสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สมัยทักษิณ
ในช่วงรัฐบาลคมช.สุรยุทธ์ได้จัดตั้งสำนักงานสุขภาพแห่งชาติ (สช.)
โดยมีหมอมงคล ณ สงขลาเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุขและได้สั่งให้เลิกจ่าย 30 บาท เพื่อลบภาพของคุณทักษิณออกจากระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หมอมงคลยังได้เพิ่มอำนาจการสั่งจ่ายเงินของเลขาธิการสำนักงานปฏิรูประบบสุขภาพแห่งชาติ
(สปรส.) ถึงครั้งละ 1,000 ล้านบาท และได้ร่วมกับ นพ.อำพล
จินดาวัฒนะ เลขานุการรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลโจรสุรยุทธ์ผลักดันให้เกิด
พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติในปี 2550
โดยหมออำพลได้เป็นเลขา ธิการ สำนักงานสุขภาพแห่งชาติ
( สช. ) คนแรก และผลักดันให้รัฐบาลมาร์คแมลงสาบตั้งสำนักงานพัฒนาระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพ
(สพคส.) ในปี 2553 เพื่อรวมกองทุนสุขภาพทั้ง 3 กองทุนเข้าเป็นกองทุนเดียวกัน โดยผู้ที่ไปมีอำนาจในการบริหารองค์กรดังกล่าว
ล้วนเป็นคนที่ใกล้ชิดกับชมรมแพทย์ชนบท และพวกเอ็นจีโอสาธารณสุขที่ใกล้ชิดกัน
พวกเขาจะกำหนดกฎระเบียบในการบริหารและใช้จ่ายเงินกองทุน
ที่ให้ค่าตอบแทนแก่ผู้บริหารกองทุนในอัตราที่สูงมาก และยังโยกเอาเงินงบประมาณเหมาจ่ายรายหัวไปจัดสรรเป็นกองทุนย่อย
จนทำให้ไม่มีเงินจ่ายให้โรงพยาบาลตามภารกิจที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
โรงพยาบาลจึงขาดเงินงบประมาณในการดูแลรักษาประชาชน โดยที่นักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยไม่ค่อยรู้เท่าทันคนพวกนี้
เพราะนักการเมืองมีอำนาจในการบริหารไม่นาน แต่คนกลุ่มนี้อยู่กับระบบราชการมานานหลายสมัย
คนพวกนี้ยังได้พยายามที่จะปฏิรูปประเทศไทยในขอบข่ายที่สูงยิ่งขึ้นไปอีก โดยให้นายกมาร์คแมลงสาบแต่งตั้งคณะทำงานปฏิรูปประเทศ
และคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปประเทศ ให้รัฐบาลจ่ายเงินงบประมาณครั้งแรก 600 ล้านบาทเพื่อใช้ดำเนินงานของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ 19 คนมีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน ส่วนคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป 27
คน มีหมอประเวศ เป็นประธาน
ทั้งสองคณะมีหมอวิชัย
โชควิวัฒน์เป็นเลขานุการ มีหมอสุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ
เป็นประธานสมัชชาปฏิรูปประเทศ แล้วส่งต่อให้สำนักงานสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ที่ มี หมออำพล
จินดาวัฒนะ เป็นเลขาธิการ รับช่วงจัดทำ สมัชชาปฏิรูปประเทศ ให้ครบทุกจังหวัดในปี 2555 โดยนายอานันท์บอกว่าจะอยู่ทำงาน 3 ปี ทั้งๆรัฐบาลมาร์คแมลงสาบที่เป็นผู้ตั้งคณะกรรมการปฏิรูปขึ้นมามีอำนาจเหลืออยู่เพียงแค่หนึ่งปีครึ่ง
และต้องใช้งบประมาณถึง 600 ล้านบาทในการปฏิรูปประเทศ
แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม 2554 คณะกรรมการปฎิรูปก็ต้องประกาศยุบตัวเองเมื่อ 15 พฤษภาคม
2554 เพราะพรรคแมลงสาบที่ตั้งคนพวกนี้ขึ้นมาได้พ่ายแพ้การเลือกตั้งอย่างผิดคาด
เมื่อเปลี่ยนมาเป็นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ของพรรคเพื่อไทย มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติชุดใหม่แทนชุดเดิมที่ครบวาระ
แต่ไม่มีรายชื่อคนจากชมรมแพทย์ชนบทและเอ็นจีโอหน้าเก่าๆในจำนวนที่มากเหมือนเดิม
ทำให้คนกลุ่มนี้พากันออกมาโจมตีการแต่งตั้งกรรมการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติอย่างต่อเนื่อง
มีการประท้วงของกรรมการในกลุ่มเอ็นจีโอโดยการไม่เข้าประชุมบ้าง
และชมรมแพทย์ชนบทได้ออกแถลงการณ์ว่ามีคนจ้องจะล้มหลักประกันสุขภาพเป็นระยะๆ เช่น หมอเกรียงศักดิ์
วัชรนุกูลเกียรติ หมอวิชัย โชควิวัฒน์ หมอสุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ นายอัมมาร
สยามวาลา น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค นายนิมิตร์
เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ ฯลฯ ซึ่งต่างก็เป็นอนุกรรมการคนละ 1-
4 คณะ ในขณะที่เป็นกรรมการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ - สปสช.
ด้วย
พวกชมรมแพทย์ชนบทของหมอประเวศจะเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐมนตรีสาธารณสุขของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยตั้งแต่สมัยนายวิทยา
บุรณศิริมาจนถึงสมัยหมอประดิษฐ สินธวณรงค์เพราะไปรู้ทันการทำมาหากินของพวกแพทย์ชนบทและเอ็นจีโอที่มีหมอประเวศเป็นหัวเรือใหญ่
จากการพยายามเข้าไปคุมการบริหารงบประมาณด้านสาธารณสุขนับแสนล้านบาทในองค์กรที่พวกเขาช่วยกันผลักดันขึ้นมา
รวมทั้งในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศและคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปประเทศ
โดยที่กลุ่มคนเหล่านี้ไม่เคยผ่านการเลือกตั้งตามระบอบประชา ธิปไตย
ไม่ได้เป็นผู้แทน ปวงชน ชาวไทย แต่เข้ามาใช้อำนาจรัฐโดยการตกลงกับนักการเมืองที่ไม่รู้เท่าทันแผนการของพวกเขาที่ได้สร้างและขยายเครือข่ายจากชมรมแพทย์ชนบท
ไปประสานกับเอ็นจีโอและนักการเมืองได้อย่างกลมกลืน ถ้ารัฐมนตรีสาธารณสุขคนใดยอมร่วมมือด้วย
ก็จะไม่ถูกโจมตี แต่ถ้ารัฐมนตรีคนใด ไม่ทำตามความต้องการของพวกเขา ก็จะถูกเปิดโปงความทุจริตทั้งที่เป็นจริงหรือไม่จริงก็ได้
ลักษณะที่คนกลุ่มนี้ผลักดันให้มีการออกกฎหมายเพื่อตั้งองค์กรอิสระที่ไม่ขึ้นต่อรัฐบาล และพรรคพวกของตนเข้าไปผูกขาดดำเนินงานก็คงไม่ต่างจากขบวนการตุลาโกงวิบัติที่มาในนามพวกองค์กรอิสระหรือองค์กรขยะ เช่น พวก กกต. ปปช. ศาลโปกคลอง ศาลรัดทำมะนวย หรืออาจรวมถึงพวก กสทช. โดยคนพวกนี้มาในนามของคนดี คนมีคุณธรรม เป็นกลาง มีความเป็นอิสระ อยากจะทำอะไรก็ได้ ต่างจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่มักถูกกล่าวหาถูกโจมตีทั้งๆที่มีการตรวจสอบสารพัดมากมาย
สมัยที่คุณทักษิณเป็นนายกฯใหม่ๆ พวกหมอประเวศ หมอเสมก็เห็นว่าทักษิณเป็นความหวัง
เพราะเป็นเศรษฐีมาทำงานให้คนจน คงจะได้คนดีใจบุญขอกันกินได้ง่ายๆแบบพระเวสสันดร แต่ต่อมาก็เริ่มเห็นกันว่าคุณทักษิณไม่ใช่หมูอย่างที่คิด
แถมโดนคุณทักษิณด่าอีกว่า พวกของหมอประเวศเป็นพวกแผ่นเสียงตกร่อง เป็นนายหน้าค้าความจน
ต่อไปนี้รัฐบาลทักษิณจะทำงานถึงลูกถึงคนกับคนจนเอง ไม่ต้องผ่านนายหน้าแบบพวกหมอประเวศ
พวกนายอานันท์ เมื่อหมอประเวศถูกแทงใจดำ ก็เลยถึงจุดแตกหัก จากแรกๆที่เคยเชียร์ ก็ค่อยๆผิดหวัง
สะสมจากความไม่พอใจจนกลายเป็นศัตรู จนถึงขั้นขอนายกฯพระราชทานมาตรา 7 และยังไปรับงานในสภาปฏิรูปประเทศของรัฐบาลมาร์คแมลงสาบ
ส. ศิวรักษ์ : ปัญญาชนสยอง
: ราษฎรโกโรโกโส
ประเวศ วะสี ดร.มนุษยพันธุศาสตร์สหรัฐ |
เป็นเสาหลักของวงการปัญญาชน นักวิชาการ เอ็นจีโอ ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายระบอบกษัตริย์
เป็นคนธรรมะธรรมโม เป็นคนดีตามแบบแผน อยากช่วยบ้านเมือง แต่ก็ต้องเป็นบ้านเมืองที่แกเห็นว่าดี คือในบ้านเมืองนั้นมีทั้งคนดีและคนไม่ดี แต่บังเอิญแกมองไปว่านักการเมืองทุกคนดันเลวทั้งหมดในสายตาของแก แกจึงเห็นว่าทางที่ดีควรยกบ้านเมืองกลับไปให้พระเจ้าอยู่หัวท่านดูแลจัดการจะดีกว่า เพราะในหลวงองค์นี้ท่านดีเลิศแต่ผู้เดียว
หมอประกิต โครงการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ |
ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ข้าดีคนเดียว |
ปุระชัย สนช.ของโจร คมช. |
ทั้งๆที่ปุระชัยเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของคุณทักษิณ ที่เคยร่วมก่อตั้งมหาวิทยาลัยชินวัตรและพรรคไทยรักไทยและเป็นเลขาธิการพรรคไทยรักไทยคนแรก และถนัดในสร้างภาพว่าเป็นคนซื่อสัตย์ที่ยอมหักไม่ยอมงอ แต่ในที่สุดก็ยอมทำงานเป็นสนช.ให้โจรคมช.เหมือนกับเอ็นจีโอและพวกนักสร้างภาพทั่วไป รวมทั้งการทำหน้าที่เป็นศัตรูกับฝ่ายประชาธิปไตยโดยได้ยืนยันว่าคุณทักษิณต้องรับโทษตามกฎหมู่ของพวกโจรคมช.ก่อน ถึงจะมีสิทธิได้รับการเสนอชื่อให้ได้รับการอภัยโทษ
หมอประเวศ
กับชมรมแพทย์ชนบท
หมอประเวศ ราษฎรอาวุโส |
หมอประเวศ ประธานกลุ่มสามพราน เม.ย. 2553 |
1.อ้างผลการวิจัย จากสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข สวรส. ที่จัดตั้งสมัยนายกอานันท์ โดยมีหมอสุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ เป็นประธานคณะอนุกรรมการกำหนดยุทธศาสตร์การวิจัย
2.การออกมาทำให้คนในสังคมตื่นตระหนก โดยหมอประเวศ เป็นผู้มีบทบาทสำคัญ
สสส.สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ แหล่งหากินสำคัญ |
โดยการดึงเอาการทำงานไปไว้ในองค์กรอิสระนอกเหนือการควบคุมของกระทรวงสาธารณสุข เช่น จัดตั้งสำนักงานปฏิรูประบบสุขภาพแห่งชาติ (สปรส.) สมัยรัฐบาลชวนสอง แล้วมาแตกแขนงเป็นสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สมัยทักษิณ
หมอมงคล ณ สงขลา รมต.สาธารณสุขของโจร คมช. |
หมออำพล จินดาวัฒนะ เลขาธิการสำนักงานสุขภาพแห่งชาติ |
อำพล จินดาวัฒนะ สนช.2550 สนับสนุนองค์กรชุมชน |
อานันท์และประเวศ แถลงเรื่องปฏิรูปประเทศ 8 กค. 2553 |
หมอวิชัย โชควิวัฒน์ |
หมอสุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ |
เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ไล่่ล่าหมอประดิษฐ์ สินธวณรงค์ |
สารี อ๋องสมหวังและวิฑูรย์ เอี่ยมจำรูญ แถลงพบสารตกค้างในข้าวถุง 16 กค. 2556 |
31 มี.ค. 2556 หมอเกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท เคลื่อนไหวขับไล่หมอประดิษฐ์ สินธวณรงค์ |
หมอประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รมต.สาธารณสุข พรรคเพื่อไทย |
ลักษณะที่คนกลุ่มนี้ผลักดันให้มีการออกกฎหมายเพื่อตั้งองค์กรอิสระที่ไม่ขึ้นต่อรัฐบาล และพรรคพวกของตนเข้าไปผูกขาดดำเนินงานก็คงไม่ต่างจากขบวนการตุลาโกงวิบัติที่มาในนามพวกองค์กรอิสระหรือองค์กรขยะ เช่น พวก กกต. ปปช. ศาลโปกคลอง ศาลรัดทำมะนวย หรืออาจรวมถึงพวก กสทช. โดยคนพวกนี้มาในนามของคนดี คนมีคุณธรรม เป็นกลาง มีความเป็นอิสระ อยากจะทำอะไรก็ได้ ต่างจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่มักถูกกล่าวหาถูกโจมตีทั้งๆที่มีการตรวจสอบสารพัดมากมาย
อานันท์ และ ประเวศ สองเจ้าพ่อเอ็นจีโอไทย |
ส. ศิวรักษ์ : ปัญญาชนสยอง
ส. ศิวลักษณ์ ปัญญาชนสยาม |
ส.ศิวลักษณ์ เป็นบรรณาธิการคนแรกของวารสารสังคมศาสตร์ปริทัศน์ ในปี 2505 ซึ่งมีส่วนสำคัญทางความคิดที่นำไปสู่กรณี 14 ตุลาคม 2516 จากทัศนะที่ต่อต้านระบอบทหาร แต่มีจุดยืนอนุรักษ์นิยมที่ชื่นชมชนชั้นเจ้าและขุนนาง รวมถึงการต่อต้านนายปรีดี พนมยงค์ และคณะราษฎร เพราะถือว่าเป็นพวกเผด็จการทหาร รวมทั้งต่อต้านจีนและพวกคอมมิวนิสต์ แต่ชมชอบทะไลลามะ
ส. ศิวลักษณ์ ลอกคราบอานันท์ |
ส. ศิวลักษณ์ นักต่อสู้เรียกร้องของคนจน |
ส.ศิวลักษณ์ รู้ทันประเทศไทย เอเอสทีวี โจมตีระบอบทักษิณ 26 มิย. 2549 |
แม้ว่าส.ศิวรักษ์จะได้เคยสร้างคุณูปการให้กับสังคมไทยหลายเรื่อง โดยเฉพาะในเรื่องการวิพากษ์ระบอบศักดินา แต่การที่ ส. มีอคติต่อทักษิณ ถึงขั้นใส่ร้ายป้ายสีเกินจริง หาว่าล้มเจ้า ทำให้ส.กลายเป็นคนที่มีมิจฉาทิฏฐิมาก มีเหตุผลน้อยลง ขาดหลักวิชาการ อนุรักษ์สุดขั้วยิ่งกว่าพรรคแมลงสาบ ไม่ก้าวหน้า และไม่สอดคล้องกับยุคสมัยแม้แต่น้อย
พิภพ ธงไช ยลูกศิษย์ ส. ศิวลักษณ์ |
พิภพ และ ภรรยา รัชนี ธงไชย |
ส่วน ส. ศิวลักษณ์โดนคดีท่อก๊าซสมัยรัฐบาลชวนตั้งแต่ปี 2541 ผ่านมายุคทักษิณก็ไปขอให้ทักษิณช่วย แต่ทักษิณไม่ได้ช่วย พอ ส. ขึ้นเวทีพันธมารด่าทักษิณ ก็ไปโดนคดีหมิ่น 112 ที่ขอนแก่นแล้วโดนตำรวจตามมาเล่นงาน ทำให้ ส.เข้าใจว่าทักษิณสั่งเล่นงาน จึงผูกใจเจ็บ หวังจะแก้แค้นเอาคืน ส. ศิวลักษณ์เป็นพวกต่อต้านทุนนิยมแบบสุดขั้วอยู่แล้ว ขนาดลูกชายของแกต้องหนีไปดูทีวีข้างบ้าน เพราะบ้านแกไม่มีทีวี แกอ้างว่าไม่อยากโดนมอมเมาโดยทีวี บางทีก็โดนภรรยาด่าบ่อยๆเรื่องไม่ยอมให้มีทีวีในบ้าน
รสนา โตสิตระกูล
รสนา และ สันติสุข โสภณศิริ |
สค. 2549 รสนา-สารี อ๋องสมหวัง ยื่นศาลปกครอง เพิกถอนการแปรรูป ปตท. |
ศาลปกครองยกเลิกการแปรรูปกฟผ. 15 พย. 2548 |
รสนา และกลุ่ม 40 สว. แถลงปกป้อง การแก้รัดทำมะนวย 2550 ของโจร คมช. |
รสนาในงานศพร่มเกล้า2ปี 11เมย. 2555 กล่าวว่า คมช..ผิดพลาดที่ไม่รีบกำจัดทักษิณให้สิ้นซาก |
จำลองและสันติอโศก
โพธิรักษ์ หรือ รัก รักพงษ์ |
ในปี 2532 สังฆราช (วาสน์ วาสโน) มีคำสั่งให้โพธิรักษ์สึก แต่โพธิรักษ์อ้างว่าได้ประกาศแยกตัวไม่ขึ้นกับคณะสงฆ์ไทย ที่เรียกว่านานาสังวาส คือ ต่างคนต่างปฏิบัติตามความเชื่อของตนก่อนหน้าแล้วตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2518 และได้ไปตั้งอาศรมสันติอโศก ที่แขวงคลองกุ่ม กรุงเทพ , อาศรมศรีษะอโศก ที่ศรีสะเกษ, อาศรมศาลีอโศก ที่นครสวรรค์ และอาศรมปฐมอโศก ที่นครปฐม อาศรมทั้งสี่มีโบสถ์ ศาลา กุฏิเหมือนวัดไทย สำนักสันติอโศกรับบวชคน ตามกฎระเบียบของชาวอโศก
ต่อมาในเดือนมิถุนายน 2532 พิศาล มูลศาสตร์สาทร ปลัดกระทรวงมหาดไทยสั่งให้จับกุมโพธิรักษ์และพวกทั้งหมด รวม 105 คน ในวันที่ 8 สิงหาคม 2532 อัยการได้ยื่นฟ้อง ศาลฎีกาพิพากษายืน โดยศาลฎีกาวินิจฉัยเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2541 ว่า ให้จำคุกโพธิรักษ์ 54 เดือน โดยให้รอลงอาญามีกำหนด 2 ปี
พลตรี จำลอง ศรีเมือง ยุคก่อตั้งพรรคพลังธรรม |
ต่อมาในวันที่ 18 มิถุนายน 2547 นายกทักษิณ ลงนามประกาศจัดตั้ง ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม เป็นหน่วยงานอิสระ โดยมีจำลอง เป็นผู้อำนวยการคนแรก พร้อมทั้งให้ดูแลการจัดงานวิสาขบูชาโลก ในเดือนพฤษภาคม 2548 โดยจำลองได้ดึงเอาสันติอโศกมาร่วมจัดงาน
ผลงานของจำลองในอดีต
- ต่อต้านการแก้ไขกฎหมายทำแท้ง
การทำแท้งเถื่อนเป็นอันตรายต่อมารดาสูงมาก |
มีการเสนอแก้มาตรา 305 โดยเพิ่มข้อยกเว้นให้ทำแท้งได้ถูกกฎหมายอีก 2 อย่างหรือสองกรณี คือหากทารกในครรภ์คลอดออกมาจะพิการทางกายหรือทางจิต หรือ เมื่อการคุมกำเนิดซึ่งได้รับบริการจากแพทย์แล้วไม่ได้ผล โดยกฎหมายผ่านสภาผู้แทนราษฎร ในปี 2524 ด้วยเสียงเกือบเป็นเอกฉันท์คือ 174 เสียงต่อ 2 เสียง
พ.อ.จำลอง คัดค้านการแก้ไข กฎหมายทำแท้ง |
พบศพทารกรวมกว่าสองพันศพที่วัดไผ่เงิน 19 พย. 2553 |
พลตรีจำลอง ประธานมูลนิธิกองทัพธรรม ยังมีบทบาทในการอ้างศาสนาและคุณธรรมหลายครั้ง เช่น ต่อต้านการนำโรงกลั่นน้ำมันบางจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ทั้งๆที่มันเป็นการระดมทุนเพื่อแก้ปัญหาการขาดทุนของบางจาก
- ต่อต้านเบียร์ช้าง
เข้าตลาดหลักทรัพย์
จำลอง คัดค้านการจดทะเบียนขายหุ้นบมจ.ไทยเบเวอเรจ |
จำลอง ปรึกษาหารือสนธิลิ้ม ช่วงชุมนุมของพันธมาร |
- จำลองขอเงินทักษิณ
แค่ 2.6 หมื่นล้านบาทช่วยคนจน
จำลองปราศรัยโจมตีนายกทักษิณ |
ภูมิพลเป็นกษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก หลายปีซ้อน |
งานรับกลดที่ปฐมอโศก ผู้ผ่านอบรมผู้นำเยาวชน 2547 |
จำลองในโรงเรียนผู้นำ ต.พุประดู่ อ.เมือง กาญจนบุรี |
…………….
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น