วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ขบวนการค้ายาเสพติดของเครือข่ายลุงสมชาย



ข้อมูลส่วนใหญ่มาจากการรวบรวมของ ท่านออกญา เพชรบุรี
เมื่อ 29 กรกฎาคม 2557
เรียบเรียงใหม่ โดย
Sanmaluang2008

ฟังเสียง :


http://www.4shared.com/mp3/a1ClVE1Fba/Thai_Royal_Drug_Trafficking__.html
http://www.mediafire.com/listen/d05gf5ac2dy9g8p/Thai+Royal+Drug+Trafficking++.mp3

ฟังเสียงและดูภาพ
:


https://www.youtube.com/watch?v=eUuPdh6ZSY8&feature=youtu.be

ขบวนการค้ายาเสพติด
ของเครือลุงสมชาย



สาเหตุที่ลุงสมชายป้าสมจิต
ต้องค้ายาเสพติดเป็นอาชีพ

ลุงถ่อสังขารพาหมาออกมาดูแม่น้ำ 2556

แม้ลุงสมชายจะพยายามโฆษณาชวนเชื่อว่าตนมีฐานะสูงส่ง เป็นพ่อของปวงชนชาวไทย จนทำให้คนไทยจำนวนมากลุ่มหลงอย่างบ้าคลั่งชนิดยอมตายถวายชีวิตทั้งในชาตินี้และในชาติต่อๆไปขณะที่นิตยสารฟอร์บส ได้จัดลำดับให้ลุงสมชายเป็นเทวดาที่มั่งคั่งร่ำรวยที่สุดในโลก



ไปทุ่งมะขามหย่อง 5-5-2555 เอาฤกษ์


แต่หลายคนรู้ดีว่าวงศ์ตระกูลของลุงสมชายมิได้ร่ำรวยมหาศาลมาก่อนแต่อย่างใด แล้วเหตุใดจึงได้มั่งคั่งร่ำรวยผิดหูผิดตากลายเป็นอภิมหาเศรษฐีที่ไม่มีผู้ใดทัดเทียมได้ทั้งในด้านทรัพย์สินและเดชานุภาพที่ไม่มีใครกล้าวิพากษ์วิจารณ์ไม่ว่าลุงจะทำตัวชั่วช้าสามานย์เพียงใด 




สว่าง สุนันทาและเสาวภา 3 พี่น้องมเหสีเอกร.5
เรื่องนี้ต้องเล่าย้อนกลับไปท่านประธานรามาองค์ที่ 5 ที่เมียต่างอิจฉาริษยาแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันระหว่างพระนางสว่าง และพระนางเสาวภา พอลูกของพระนางเจ้าสว่าง รัชทายาทวชิรุณหิศตาย ลูกของพระนางเจ้าเสาวภาคือวชิราวุธ


สายเสาวภาผ่องศรีขึ้นนั่งบัลลังก์
จึงได้ขึ้นมาเป็นรามาที่ 6 แทน ทำให้เจ้าสายเสาวภามีอำนาจในราชสำนัก เจ้าสายสว่างตกต่ำ จึงต้องผลักดันให้ลูกหลานของตนเององค์ชายมหิดอนพาหลาน คืออานานและพูมลำพอง ไปอยู่เมืองนอก เพราะกลัวราชภัยจากเจ้าสายเสาวภาและรามาที่ 6
รัชกาลที่ 8 อานันทมหิดล สายสว่างวัฒนา
แต่ต่อมาเกิดเหตุการณ์ผันแปรจากการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง2475 เมื่อรามาที่ 7 สละราชสมบัติ คณะราษฎร จึงเสนอให้เจ้าสายสว่างคือเจ้าชายอานานที่ไปเรียนอยู่ต่างประเทศให้กลับมาเป็นกษัตริย์ รามาที่ 8 เพราะเห็นว่าเจ้ารชายอานานยังเป็นเด็กและเจ้าสายสว่างไม่มีอิทธิพลในราชสำนักแล้ว คงจะควบคุมให้เป็นกษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญได้ไม่ยาก เมื่อเจ้าชายอานานขึ้นเป็นรามา 8 ก็กษัตริย์ที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญที่ดี



อภิเษกสมรส 28 เม.ย. 2493
แต่พระอนุชาพูมลำพองที่มีความริษยาอยากเป็นกษัตริย์เสียเอง ได้ลั่นไกสังหารรามาที่ 8 ผู้เป็นพี่ชายของตน จึงทำให้กษัตริย์พูมลำพองจำเป็นต้องเร่งสร้างฐานอำนาจและบารมีเพื่อเอาไว้ เพื่อปกป้องความผิดของตัวเอง บวกกับความต้องการของพวกเชื้อสายราชวงศ์ ที่ต้องการชิงอำนาจคืนจากคณะราษฎร ทำให้พวกราชวงศ์ต่างพร้อมใจกันปกป้องพระอนุชาพูมลำพอง และสนับสนุนให้เป็นกษัตริย์องค์ต่อไป โดยโยนความผิดไปให้ นาย ชิต นายบุศย์ นายเฉลียว ว่าเป็นผู้ร่วมสังหารกษัตริย์รามาที่ 8

Lysandre C Seraidaris พ่อเลี้ยงเชื้อสายกรีซ
ในขณะที่ครอบครัวของลุงสมชายได้ไปอยู่ต่างประเทศเสียนาน ทำให้อำนาจและบารมีรวมทั้งเงินทองก็ยังมีน้อย และพวกเจ้าก็ทำมาค้าขายไม่เป็นอยู่แล้ว ดังนั้นการที่จะหาเงินมาเพื่อสร้างฐานอำนาจและบารมี จึงทำได้ยาก ประกอบกับพระบิดาคือเจ้าชายมหิดอนก็มาเสียชีวิตเมื่ออายุได้เพียง 37 ปี พระนางสังวอนมีสามีใหม่และมีบริษัทอยู่ในสวิสเซอร์แลนด์ ส่งมอร์ฟีน ให้กับโรงพยาบาลต่างๆในสหรัฐและอีกหลายประเทศ กลายเป็นช่องทางค้ายาเสพติดประเภทฝิ่นและเฮโรอีน


แหล่งผลิตผงขาว
แผนที่เมืองยอน ศูนย์กลางยาเสพติดโลก
เฮโรอีนหรือผงขาวที่วงการตำรวจเรียกว่าแป้งที่บริสุทธิ์ที่สุดมีแหล่งผลิตในรัฐฉานของพม่า บริเวณชายแดนติดกับมณฑลยูนานของจีน โดยมีพวกว้าแดง ที่ใช้เมืองยอนเป็นแหล่งผลิต เป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับการปลูกฝิ่น พวกปลูกฝิ่น เป็นชาวจีนที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานมีทั้งจีน ลีซอ มูเซอร์ อีก้อ  โดยเรียกตัวเองว่าเป็นพวกโกกั้ง แปลว่าว่า ดอย 9 ยอด
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
พรรคก๊กมินตั๋งของเจียงไคเช็ค ได้ได้ถอยทัพหนีพรรคคอมมิวนิสต์จีนไปตั้งรัฐบาลใหม่ยังเกาะฟอร์โมซาหรือไต้หวัน


นายพลต้วนซีเหวิน
โดยได้วางกำลังป้องกันการไล่ล่าไว้ที่มณฑลยูนนาน แต่ถูกกองทัพของพรรคคอมมิวนิสต์ตีแตกพ่ายและถอยร่นไปยังลาว เวียดนาม และพม่า โดยมีกองกำลังนับหมื่นคน รัฐบาลพม่าดำเนินการปราบปรามกองกำลังทหารจีนพลัดถิ่นเหล่านี้อย่างจริงจัง ในปี 2504 คงเหลือแต่กองทัพที่ 3 ของนายพลหลี่ เหวิน ฝาน และกองทัพที่ 5 ของนายพล ต้วน ซี เหวิน ที่นำกำลังอพยพหนีการกวาดล้างของพม่าเข้าสู่ภาคเหนือของประเทศไทย โดยกองทัพที่ 3 ก็มาถึงอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ และกองทัพที่ 5 มาปักหลักอยู่ที่ดอยแม่สลอง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย



นายพลต้วนซีเหวินเยี่ยมคำนับกษัตริย์ภูมิพล
ต่อมาสหรัฐอเมริกาได้สร้างแนวยับยั้งคอมมิวนิสต์โดยขอความร่วมมือจากรัฐบาลไทยให้สนับสนุนกองพล 93 ของเจียงไคเช็ค ที่ตกค้างอยู่ในประเทศไทยประมาณ 3 หมื่นคน มีการตั้งโรงเรียนการสอนภาษาจีนที่ดอยแม่สะลอง คณะรัฐมนตรีมีมติในปี 2521 ให้จัดตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้สัญชาติแก่อดีตทหารจีนคณะชาติ เมื่อกองพล 93 ได้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสมกับการปลูกฝิ่น และอาศัยที่เป็นคนจีนด้วยกันจึงได้ประสานงานกับกลุ่มโกกั้งที่อยู่ในรัฐฉานหรือที่เรียกว่ารัฐว้าของพม่า โดยกองพล 93 รับจ้างลำเลียงฝิ่น การตั้งด่านภาษีเถื่อนและการค้าอาวุธสงคราม

โรงแรมรินคำ Amari Rincome เชียงใหม่
โดยมีการประสานงานกับรัฐบาลและทหารไทยที่ทาง อเมริกาสนับสนุนให้ต่อต้านคอม มิวส์นิสต์ ทำให้ลุงสมชายเห็นช่องทางในการหาเงินเพื่อสร้างฐานอำนาจให้กับราชวงศ์ซึ่งกำลังอ่อนไหวอยู่ในเวลานั้น จึงได้ร่วมมือกับทหารไทยและพวกกองพล 93 รวมทั้งพวกโกกั้ง เพื่อค้าฝิ่น

โรงพยาบาลแมคคอร์มิค  McCormic เชียงใหม่
กลุ่มโกกั้งที่ได้ร่วมมือกับลุงสมชาย โดยส่งนายจิมมี่ หยาง มาสร้างโรงแรมรินคำที่เชียงใหม่ในปี 2512 โดยนายจิมมี่ หยาง ประสานงานกับโรงพยาบาลแมคคอร์มิคเชียงใหม่ ที่อเมริกาให้การสนับสนุน ใช้เป็นศูนย์กลางในการติดต่อการค้าผงขาวในภาคเหนือ โดยลุงสมชายได้สร้างศูนย์สงเคราะห์ชาวเขาขึ้นมาเพื่อประสานงานกับสองศูนย์กลางนี้โดยใช้โครงการหลวงและการปลูกพืชทดแทนฝิ่นบังหน้า เป็นที่มาของเส้นทางยาเสพติดโกกั้งสู่ประเทศไทย หรือ มาลีวัวปา 4 เส้นทาง

เส้นทางแรก:
มาลีวัวปา-วัดพระธาตุผาเงา-ดอยตุง


เส้นทางลำเลียงยาเสพติดจากแดนโกกั้งมาพักที่วัดพระธาตุผาเงา ดอยตุง
จากฝิ่นดิบ-มอร์ฟีนผลิตเป็นผงขาวเฮโรอีน จากโกกั้งสู่วัดพระธาตุผาเงา-ดอยตุงในเส้นทางนี้ เป็นผลประโยชน์ของพระนางสังวอน ปัจจุบันผลประโยชน์ได้ถูกถ่ายโอนไปให้ถั่วปากอ้าจุลาพอง มีกองกำลังตำรวจตระเวนชายแดนคุมเส้นทาง


วัดพระธาตุผาเงา อ.แม่สาย เชียงใหม่
ใช้วัดพระธาตุผาเงา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายเป็นจุดพักยา ก่อนลำเลียงเข้าสู่ดอยตุง โดยมีทหารที่ปลอมบวชเป็นพระจากวัดบวรนิเวศน์วิหารมาประจำอยู่ที่วัดธาตุผาเงา เพื่อทำหน้าที่ดูแลยาเสพติดที่ส่งมาจากพวกโกกั้ง โดยทุกครั้งที่ครอบครัวมหิดอนเสด็จมาดอยตุงก็จะต้องแวะมาที่วัดพระธาตุผาเงานี้ด้วยเสมอ โดยมีเมียน้อยของ เว่ย เซียะกัง สร้างบ้านอยู่ติดกับวัดพระธาตุผาเงานี้

พ่อค้ายาเสพติด
ในพระบรมราชูปถัมภ์



เหว่ย เซียะกัง Wei Hsueh Kang
ประสิทะิ์ หรือชาญชัย นิธิปัญญา
เหว่ย เซียะ กัง เป็นพ่อค้ายาเสพติดที่มีชื่อเสียงระดับโลกคน แต่มาถูกทางการไทยจับตัวได้ขณะหลบมาอยู่ที่บ้านเมียน้อย เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2531 โดยมีสายข่าวแจ้งตำรวจ กก.7 กองปราบปราม และ เจ้าหน้าที่ ปปส. จับกุมตัวได้ขณะแฝงตัวเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านโชตนานิเวศน์ ตรงข้ามสนามกอล์ฟล้านนาเชียงใหม่ ตามหมายจับที่1000/263 คดีครอบครองเฮโรอีน


รางวัลนำจับเหว่ยเซียะกัง 2 ล้านเหรียญสหรัฐ


ระหว่างคดี ทนายได้ยื่นขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปขึ้นศาลสหรัฐ ในชั้นอุทธรณ์ แต่ก่อนที่ทางการไทยจะส่งตัวไป เว่ย เซียะ กัง ก็ได้รับการช่วยเหลือจากนายพลทหารผู้หนึ่งให้หนีออกจากเรือนจำ ด้วยเงินจำนวน 30 ล้านบาท

สุรชัย เงินทองฟู(บังรอน)  - สุภาพ สีแดง ( ภาพ 70 ไร่ )

นายสุรชัย เงินทองฟู หรือบังรอน และนาย ภาพ 70 ไร่ พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ของไทย ก็ได้ลอยนวลหลบหนีการถูกคุมขังจับกุมไปได้อย่างสบาย แต่ก็ไม่เคยมีนักข่าวไทยคนไหนกล้าที่จะขุดคุ้ยเรื่องนี้ ทั้งๆที่คนพวกนี้เป็นนักค้ายาระดับโลก เพราะวงการนักข่าวไทยรู้กันดีว่า คนพวกนี้ได้รับการปกป้องจากในวัง


เหว่ยเซียะกังประกาศขายคฤหาสน์หรูหลังภาพถ่ายเผยแพร่
และมีข่าวว่าทั้งบังรอน และภาพ 70 ไร่ ได้หลบหนีไปอยู่ในคฤหาสน์หรูของเหว่ย เซียะ กัง ภายใต้อิทธิพลของพวกว้าแดงในเขตเมืองยอนของพม่า โดยเหว่ย เซียะ กัง ปล่อยข่าวว่าได้ขายคฤหาสน์หรูไปในราคา 1,500 ล้านบาท


ดอยตุงฐานการผลิตฝิ่นในพระราชดำริ

โดยใช้เพียงมติของคณะรัฐมนตรีเท่านั้น

มรว.ดิศนัดดา ดิศกุล
และนอกจากยาเสพติดที่นำมาจากโกกั้งแล้ว ยังมีการปลูกฝิ่นในพื้นที่ดอยตุงอีกด้วย ผู้ที่ดูแลโครงการดอยตุงและเลขาสมเด็จย่าคือ มรว.ดิศนัดดา ดิศกุลเลขาของคุณย่าสังวอนเป็นผู้ดูแลโครงการพัฒนาดอยตุงและโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติเป็นโครงการบังหน้า ในนามมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง โดยร่วมมือกับพ่อค้ายาเสพติดและยังได้ส่งมอร์ฟีนไปยังบริษัทในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ที่เคยเป็นของพ่อเลี้ยงของลุงสมชาย ซึ่งเป็นเอเยนต์ค้ามอร์ฟีนรายใหญ่ของโลกที่ส่งมอร์ฟีนให้โรงพยาบาลทั้งในอเมริกาและยุโรป


ด้านหน้าและด้านหลัง โครงการหลวงดอยตุง
โครงการดอยตุงครอบครองเนื้อที่มากถึง 93,515 ไร่ โดยวังอ้างว่าเป็นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมจากการตัดไม้ทำลายป่าส่วนใหญ่ของชาวไทยภูเขา เพื่อทำไร่เลื่อนลอยและการปลูกฝิ่นบริเวณใกล้ชายแดน วังอาศัยมติคณะรัฐมนตรีเข้ายึดพื้นที่โดยเฉพาะในสมัยรัฐบาลพลเอกเปรม ใช้บริเวณชายแดนที่ติดกับประเทศพม่าเป็นพื้นที่ปลูกฝิ่น

เส้นทางที่สอง
: มาลีวัวปา-ดอยอ่างขาง

จากโกกั้ง ลำเลียงมาดอยอ่างขาง

ฝิ่นดิบและเฮโรอีนจากโกกั้งสู่ดอยอ่างขางในเส้นทางนี้ เป็นผลประโยชน์ของลุงสมชายและคนในราชสำนัก รวมทั้งดอยอ่างขางเองก็ปลูกฝิ่นในโครงการหลวงด้วยเช่นกัน

ปัจจุบันลุงสมชายถ่ายโอนธุรกิจนี้ให้สิรินเทพ ภายใต้การคุ้มครองของทหารที่ทางวังจัดหามาโดยเฉพาะ ภายใต้การกำกับดูแลโดยพระสหายสนิทผู้ที่เป็นผู้อำนวยการโครงการหลวงสงเคราะห์ชาวเขา คือ ม.จ.ภีศเดช รัชนี เพื่อนำฝิ่นดิบจากโกกั้งมาผลิตเป็นมอร์ฟีน พร้อมทั้งนำเข้าและผลิตเฮโรอีน



สภาพเมืองยอนใหม่ Mong Yawng Township
ลุงสมชายเข้าเป็นหุ้นส่วนใหญ่ในการค้ายาเสพติด พร้อมทั้งส่งปูนซีเมนต์เพื่อใช้ก่อสร้างเมืองยอนแหล่งผลิตเฮโรอีนตราสิงห์โตคู่เหยียบโลกของพวกโกกั้งในเขตประเทศพม่าใกล้ชายแดนไทยตรงข้ามเขตอำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย การส่งออกปูนซีเมนต์ ก็ได้รับการยกเว้นภาษี โดยสวมโควต้าส่งออกปูนซิเมนต์ไปลาวและเขมรเพื่อรับการยกเว้นภาษี  ผงขาวในเส้นทางนี้ส่วนใหญ่จะถูกส่งไปยังอเมริกาและยุโรปควบคู่ไปกับการเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศ โดยได้รับเอกสิทธิ์ไม่ต้องถูกตรวจค้นทั้งสนามบินภายในประเทศและสนามบินในต่างประเทศ

กรณีจับยุวธิดา
ที่สนามบินลอนดอน

ครอบครัวยุวธิดาหรือสุจาริณี
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่การขนผงขาวของครอบครัวลุงสมชายที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษเกิดผิดพลาด จากธุรกิจที่ยุวธฺดาหรือหม่อมสุจาริณีผู้เป็นเสี่ยอู ร่วมมือกับ ลูกสาวเจ้าของบริษัทไทยช็อป ที่ อ.สันกำแพงจังหวัดเชียงใหม่ ผู้ส่งออกเครื่องทองเหลือง โดยซุกซ่อนผงขาวในเครื่องทองเหลือง โดยโดยยุวธิดานำลูกทั้ง 5 คนไปรับตู้คอนเทนเนอร์ที่สนามบินฮีทโธรว์ ( Heathrow Airport ) โดยได้สิทธิ์พิเศษยกเว้นการตรวจค้น แต่บังเอิญมีสุนัขตำรวจ เดินหลุดออกมายังจุดพักตู้สินค้าในสนามบินและเห่าไม่ยอมไปไหน


จุดขนถ่ายสนามบิน Heathrow ลอนดอน
จนตำรวจตามมาเจอ จึงโทรแจ้งหน่วยตำรวจสอบสวนกลางหรือสก๊อตแลนด์ยาร์ด และทำการตรวจอย่างละเอียด ก็เจอผงขาว ราชินีอลิซาเบทจึงต้องโทรสายตรงติดต่อลุงสมชาย ทางการไทยต้องส่งคนมาเจรจากับทางอังกฤษเพื่อปกปิดข่าว และให้ส่งตัวลูกสาวเจ้าของบริษัทไทยช๊อปกลับมาเข้าเรือนจำในประเทศไทย โดยมีรถของสำนักพระราชวังมารับตัวออกจากเรือนจำ และหายสาบสูญไป ด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้ครอบครัวของลุงสมชายต้องตัดตอนยุวธิดาออกจากครอบครัวและบรรดาลูกชายของยุวธิดาทั้งสี่คนก็ถูกถอดยศเจ้าไปด้วย

โสภาวลีทำงามหน้า
ในอิตาลีและฝรั่งเศส


โสภาวลีเปิดสนง.ซูเลียน โคราช 22 ก.ย. 2557
ต่อมาเรื่องการค้าผงขาวยาของครอบลุงสมชายก็เป็นข่าวฉาวโฉ่ขึ้นมาอีก เมื่อโสภาวลีซึ่งได้ถือหุ้นลมของบริษัทขายตรงขนาดใหญ่ ที่ชื่อซูเลียน (
Zhulian ) เชื้อสายจีนสัญชาติมาเลเซียซึ่งมีสาขาทั่วโลก โสมสวลีต้องไปเปิดงาน แจกโล่ มอบรางวัล ทำกิจกรรมร่วมกับบริษัทนี้เป็นประจำ



โสภาวลีขณะเสด็จเยือนยุโรป
มีครั้งหนึ่งที่โสภาวลีเดินทางพร้อมทีมงานไปอิตาลี แต่ถูกจับฐานลักลอบขนผงขาว นักข่าวอิตาลีพากันเสนอเป็นข่าวใหญ่ว่าลุงสมชายและป้าสมจิตเป็นเจ้าของผงขาวล็อตนี้ ทำให้ทางราชสำนักไทยต้องส่งคนมารีบปิดข่าวกันพัลวัน และมีข่าวเล็ดลอดออกมาว่าราชสำนักไทยต้องเสียเงินให้กับทางการอิตาลีเพื่อไม่ให้ดำเนินคดีโสภาวลี และจ่ายค่าปิดปากสำนักข่าวอิตาลี รวมเป็นเงินหลายร้อยล้านบาท


โสภาวลีเสด็จนอรเวย์  2  ส.ค.  2553
ต่อมาในปี 2553 สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ โสภาวลีและทีมงานก็ไปพลาดท่าถูกจับที่สนามบินในฝรั่งเศสอีกครั้ง โดยโสภาวลีถูกทางการฝรั่งเศสกักตัวไว้สอบสวนภายในสถานทูต ทางราชสำนักไทยจึงส่งนายกษิต ภิรมย์ รมต.ต่างประเทศไปแก้ตัวกับทางการฝรั่งเศสว่า เป็นเพราะเด็กติดต้นขั้วกระเป๋าผิดใบ พร้อมทั้งสั่งให้ทีมงานของเนวิน ชิดชอบและการบินไทย จัดการแก้ไขข้อมูลทั้งทางคอมพิวเตอร์และต้นฉบับพร้อมสำเนาผู้โดยสาร และสัมภาระให้เรียบร้อย อย่าให้โยงถึงครอบครัวของลุงสมชายเป็นอันขาด


เจ้าหน้าตรวจเช็คกระเป๋าผู้โดยสารอย่างละเอียด
โดยให้โยนความผิดไปให้พนักงานลำเลียงกระเป๋าขึ้นเครื่อง อ้างว่าต้นขั้วที่ติดกระเป๋าหลุด ก็เลยหยิบมาแปะ ไม่ได้ตรวจให้ดีก่อน ทั้งๆที่เป็นผู้โดยสารเครื่องบินชั้นหนึ่ง ซึ่งต้องดูแลเป็นพิเศษ จึงไม่ค่อยมีใครเชื่อข้ออ้างนี้ แต่พวกนายสนธิ ลิ้มทองกุล กลับไปปล่อยข่าวว่าเป็นกระเป๋าของทักษิณ เพราะดูไบกำลังมีปัญหาขาดเงิน ทำให้ทักษิณสินต้องการใช้เงิน จึงต้องค้าผงขาว



เปิดอาคารเรียนเรจินาโคลี เชียงใหม่ 29 มค.2555
แต่ผงขาวที่ถูกจับเป็นล๊อตใหญ่มาก ทางการฝรั่งเศสจึงให้ประกันตัวกลับเมืองไทยได้เพียงสองคนรวมทั้งโสภาวลีด้วย แต่ผู้ติดตามโสภาวลีทั้ง 28 คน ยังถูกทางการฝรั่งเศสจับตัวไว้ และยังติดคุกอยู่ที่ฝรั่งเศสต่อไป การนำตัวโสภาวลีกลับไทยและการปิดข่าวที่ฝรั่งเศสในครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งเช่นกัน ที่ทางราชสำนักไทยต้องสูญเสียเงินเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นจำนวนมหาศาล แต่คงมีอีกหลายครั้งที่ลูกหลานของลุงสมชายสามารถเล็ดรอดการตรวจค้นไปได้ เพราะคนตระกูลนี้ มีเอกสิทธิ์ โดยการใช้ข้ออ้างพระราชกรณียกิจในการเดินทางไปเยือนต่างประเทศ

พล.อ.คณิต เพิ่มทรัพย์รองสมุหราชองครักษ์ตรวจสถานที่เสด็จ
โดยเฉพาะสิรินเทพจะมีทหารระดับนายพลที่เป็นราชองครักษ์ของตนและเป็นผู้ติดตามสิรินเทพไปเยือนต่างประเทศทุกครั้ง ว่าเป็นผู้ที่ค้ายาเสพติด โดยนายพลคนนี้จะเป็นผู้ประสานงานกับฑูตไทยในต่างประเทศเพื่อให้หน่วยงานของต่างชาติในประเทศนั้นๆทำหนังสือเชิญสิรินเทพให้ไปเยือน ในขณะที่นายพลคนนี้ก็จะติดต่อลูกค้าที่ต้องการผงขาวในประเทศนั้นๆ เมื่อมีผู้รู้ความจริงทำหนังสือเปิดโปงพฤติกรรมของนายพลคนนี้ส่งไปยังพลเอกเปรมิกา แต่หนังสือร้องเรียนก็ถูกตีกลับหมด


พล.อ.คณิต เพิ่มทรัพย์รองสมุหราชองครักษ์
ต่อมาผู้ร้องเรียนถูกทหารตามมาข่มขู่ถึงบ้านมิให้เข้ามายุ่งเรื่องการค้าผงขาวโดยเด็ดขาด และยังกล่าวหาว่าผู้ร้องเรียนซึ่งเป็นถึงคุณหญิงเป็นคนวิกลจริต แต่ผู้ร้องเรียนก็ยังไม่หยุดดำเนินการ จนหนังสือร้องเรียนของท่านไปถึงมือนายกทักษิณ แต่นายกทักษิณก็ตอบกลับมาว่า เกินกำลังที่จะทำอะไรได้ จากนั้นไม่ถึงเดือน รัฐบาลของนายกทักษิณก็ถูกรัฐประหาร ต่อมาคุณหญิงท่านนี้ก็มีโอกาสได้บอกกับนายกสมัครด้วยตนเอง นายกสมัครจึงขอให้เอาเอกสารหลักฐานมาให้ดู และนายกสมัครถึงกับอึ้งเมื่อเห็นเอกสารหลักฐานแต่ไม่ได้พูดอะไรอีก


สิรินเทพว่าที่รัชกาลที่ 10 ประธานม็อบ กปปส.ตัวจริง
คุณหญิงท่านนี้จึงสรุปได้ว่า สิรินเทพรู้เห็นและเกี่ยวข้องกับการผงขาวมาโดยตลอด ทั้งที่ก่อนหน้านี้คุณหญิงท่านหลงเชื่อมาโดยตลอดว่าสิรินเทพไม่ได้รู้เห็นด้วย หลังจากนั้นเป็นต้นมาคุณหญิงท่านนี้ก็ต้องระวังตัว ไม่กล้าแสดงตัวในที่สาธารณะหรือออกงานการกุศลอีกเลย

เส้นทางที่สาม
:มาลีวัวปา-เวียงแหง-แม่แตง-แม่ริม

เส้นทางลำเลียงยาจากโกกั้งมาเวียงแหง - แม่แตง - แม่ริม

ฝิ่นดิบ-เฮโรอีนและยาบ้าจากโกกั้ง รวมทั้งที่มาจากโครงการหลวงในดอยอ่างขางลำเลียงผ่านเส้นทางนี้ โดยวังเปิดให้ตำรวจภูธร ภาค 5 รวมทั้งนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์และเครือข่ายเป็นผู้ควบคุมดูแล ป้าสมจิตเคยเป็นผู้ดูแลจัดสรรค์แบ่งบันผลประโยชน์ด้วยตัวเองก่อนที่จะป่วยหนัก


โดยมีองคมนตรีที่เป็นอดีตประธานศาลฎีกาทั้ง 4 คน คือนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ นายจำรัส เขมะจารุ นายอรรถนิติ ดิษฐอำนาจ และนายศุภชัย ภู่งาม เป็นคนสั่งการไปยังอธิบดีผู้พิพากษาในชั้นต่างๆ เพื่อช่วยให้พ่อค้ายาเสพติดในพระบรมราชูปถัมภ์ได้พ้นผิดในกรณีที่ถูกจับกุม

สจ. ออด หรือ พนม ทรัพย์เอนก
เส้นทางขนถ่ายยาเสพติดภายใต้การดูแลของนายตำรวจตำรวจภูธรภาค 5 จะลำเลียงเข้าจังหวัดลำปาง ผ่านเครือข่ายของ สจ. ออด หรือ นายพนม ทรัพย์เอนก เจ้าพ่อรถบรรทุกที่ใหญ่ที่สุดแห่งเมืองลำปาง นักค้ายาเสพติดรายใหญ่ ที่มั่งคั่งร่ำรวยจนสามารถสร้างบ้านทรงไทยที่ใหญ่ที่สุด ในประเทศไทย โดยใช้รถตราโล่ห์ของตำรวจ และรถของนายพนมที่เป็นเจ้าของกิจการขนส่ง หจก.ลำปางรุ่งเรืองทรานสปอร์ต เป็นรถขนยาเสพติด


เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านนายพนม ทรัพย์เอนก
จากนั้นก็จะประสานกับคนในขบวนการของพรรคประชาธิปัตย์ที่ค้ายาเสพติดอีกหลายคน และยาเสพติดที่มาจากภาคเหนือจะมาสิ้นสุดที่ร้านอาหารเพื่อนเดินทาง ใกล้กับสวนโมกขพลารามจังหวัดสุราษฏร์ธานี เพื่อกระจายต่อไปยังให้เครือข่ายค้ายาเสพติด




สจ.ออดหรือนายพนม ทรัพย์อเนก ได้ร่วมกันค้ายาเสพติดกับนายเล่าต๋า แสนลี่ ลูกน้องคนสนิทของนายจาง ซี ฟู หรือขุนส่า ราชาเฮโรอีนระดับโลก รวมทั้งลูกชายของนายเล่าต๋าอีกสองคน ก็เคยถูกจับในความผิดฐานร่วมกันค้ายาเสพติด เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2544 ถึงปลายปี 2546 แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์รวมทั้งศาลฏีกา ได้ตัดสินยกฟ้องคนเหล่านี้ทั้งหมด ทั้งๆที่มีพยานและหลักฐานชัดเจน สจ.อ็อดหรือนายพนม ทรัพย์อเนกเคยถูกลอบยิงด้วยปืนไรเฟิลระยะไกลกระสุนปืนเจาะอก ตามแผนตัดตอนของพ่อค้ายาระดับสูงในสมัยที่รัฐบาลทักษิณประกาศสงครามปราบพ่อค้ายาเสพติด แต่นายพนมรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด

ยาเสพติด
กับสุเทพ เทือกสุบรรณ
นายณรงค์ เสมียนเพชร
ญาติสนิทของนายสุเทพ เทีอกสุบรรณ ชื่อนายณรงค์ เสมียนเพชร เจ้าของ ร้านอาหารเพื่อนเดินทาง และปั๊มน้ำมันใกล้สวนโมกขพลาราม ทั้งยังเป็นเจ้าของรีสอร์ทและโรงแรมรวมทั้งสวนปาล์มในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานวัฒนธรรมอำเภอไชยาและไวยาวัจกรวัดธารน้ำไหล ( สวนโมกข์ ) ถูกตำรวจสกดรอยตามจับยาเสพติดได้ที่ร้านเพื่อนเดินทาง และในขณะที่ญาตินายสุเทพถูกควบคุมตัวอยู่ในโรงพัก


ชำนิ และเทพไท ขุนใหญ่ฝีปากเอกของพรรคแมงสาบ
ได้มีสส.ของพรรคประชาธิปัตย์สองคน คือ นายชำนิ ศักดิ์เศรษฐ และ นายเทพไท เสนพงศ์ มาติดต่อตำรวจให้เปลี่ยนหลักฐานจากยาเสพติดเป็นมันสัมปะหลังแทน ทำให้ญาตินายสุเทพ รอดตัวไป แต่คนในพื้นที่ทราบกันดีว่า ร้านอาหารเพื่อนเดินทางและปั๊มน้ำมันที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณและญาติเป็นเจ้าของเป็นศูนย์กระจายยาเสพติดในจังหวัดสุราษฎร์ธานีและพื้นที่ใกล้เคียง


ร้านอาหารเพื่อนเดินทาง สุราษฎร์ธานี
ต่อมานายณรงค์ เสมียนเพชร ได้ให้ลูกน้องคือผู้ใหญ่หยัด เป็นคนดูแลกิจการค้ายาเสพติด โดยหญิงเทพสิรินเทพมักจะแวะมากินอาหารที่ร้านเพื่อนเดินทางทุกครั้งที่มีพระราราชกรณียกิจผ่านมาในพื้นที่


อูลริค วูล์ฟกัง  Wolfgang Ullrich
มาเฟียเยอรมันถูกจับ 2 พย.2549
ต่อมาตำรวจได้จับตัวนายอูลริค วูล์ฟกัง ( Wolfgang Ullrich ) พ่อค้ายาเสพติดระดับโลกอีกรายได้ที่พัทยาเมื่อวันที่ 2พฤศจิกายน 2549 แต่นายอูลริค วูล์ฟกังได้หายตัวไปจากโรงพักอย่างไร้ร่องรอยก่อนที่ตำรวจพัทยาจะนำตัวนายอูลริคไปฟ้องต่อศาล โดยมีการแถลงข่าวว่าตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนายอูลริค วูล์ฟกัง ถูกลงโทษ ซึ่งไม่เป็นความจริง และนายตำรวจเหล่านั้นก็ได้เงินไปคนละหลายล้านบาท

ยาเสพติดจากมาเลเซีย
กับความร่ำรวย
ของสส.พรรคแมงสาบ

สุรเชษฐ์ แวอะแซ สส. นราธิวาส พรรคแมงสาบ
ยาเสพติดอีกสายหนึ่งมีบางส่วนผลิตในมาเลเซีย ลำเลียงเข้าไทยที่ ต.มูโน๊ะ อ.สุไหงโกลก จังหวัดนาราธิวาส มี นายสุรเชษฐ์ แวอะแซ สส.พรรคแมงสาบและน้องชายคือ นาย อาซิ  แวอะแซ เป็นหัวหน้ากองกำลังติดอาวุธ คุ้มครองการลำเลียงทั้งยาเสพติด อาวุธสงครามและน้ำมันเถื่อน



แพปลาสมบัติวัฒนาขนส่ง ปัตตานี


โดยใช้รถขนส่งของห้องเย็น แพปลาสมบัติ ในจังหวัดปัตตานี ยาเสพติดจากมาเลเซียนี้จะกระจายขายกันในบริเวณสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และจังหวัดสงขลา โดยมีนายเส่ง  สจ.นราธิวาส ในปี 2553เป็นพ่อค้ายารายใหญ่อีกคนหนึ่งในเขตนี้



สส.ส่วนใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ในภาคใต้ ส่วนใหญ่ล้วนร่ำรวยมาจากการค้ายาเสพติด เช่น นายอภิชาติ สุภาแพ่ง นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายถาวร เสนเนียม นายชำนิ ศักดิ์เศรษฐ นายเทพไทย เสนพงษ์ นายสุรเชษฐ แวอะแซ นายนิพนธ์ บุญญามณี ฯลฯ


นิพนธ์ บุญญามณี สส.สงขลา พรรคแมงสาบ
โดย สส.พวกนี้มักจะมีกิจการค้าเป็นของตัวเองในธุรกิจอื่นๆบังหน้า แต่รายได้หลักล้วนมาจากการค้ายาเสพติดและของเถื่อนทั้งสิ้น เช่น นายนิพนธ์ บุญญามณี มีโรงงานผลิตปลาโอขนาดใหญ่ และทีมฟุตบอลสงขลายูไนเต็ด
ในส่วนของที่ดินสวนปาล์มหลายพันไร่ ที่เนิน 491 ในอำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ นายชำนิ ศักดิ์เศรษฐ เป็นเจ้าของ ก็เป็นสวนปาล์มที่ได้เงินทุนมาจากการค้ายาเสพติดเช่นกัน

ยาเสพติด
กับตำรวจสายวัง
ผลประโยชน์ของยาเสพติดในเส้นทางสายนี้ นอกจากตัวใหญ่ๆในตำรวจภูธรภาค 5 และตำรวจในขบวนการแล้ว ป้าสมจิตก่อนป่วยยังได้แบ่งให้กับตำรวจของวังคนอื่นๆอีกด้วย เช่น พล.ต.อ. สล้าง บุนนาค และอดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.อ. สุนทร ซ้ายขวัญ


แต่ได้เกิดเป็นข่าวใหญ่ครึกโครมเมื่อนายศุภฤกษ์ เรือนใจมั่น หรือโจ ด่านช้าง หัวหน้าแก๊งค์ค้ายาเสพติดและพวกรวม 6 คน ร่วมกับเครือข่ายตำรวจขนยาเสพติด แต่ถูกตำรวจอีกสายงานหนึ่งไล่ล่าจน โจ ด่านช้าง หนีไปติดอยู่ที่กระท่อมกลางน้ำพร้อมตัวประกัน ในจังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจล้อมไว้หมดทุกด้าน พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค รองอธิบดีกรมตำรวจ ในขณะนั้น ได้รุดเดินทางมาด้วยเฮลิคอปเตอร์เพื่อบัญชาการ และสั่งพ.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บังคับการกองปราบปรามในขณะนั้น ถอดเครื่องแบบเดินถือโทรโข่งลุยน้ำเข้าไปเจรจา


วิสามัญโจ ด่านช้าง 27 พ.ย. 2539
หลังเจรจานานประมาณ 1 ชั่วโมง คนร้ายทั้ง 6 คน จึงยอมปล่อยตัวประกัน และขอมอบตัวโดยถูกใส่กุญแจมือ และพาเดินลุยน้ำมาจนถึงฝั่ง แต่ตำรวจอ้างว่าคนร้ายได้ขอให้ตำรวจนำตัวกลับเข้าในบ้านอีกรอบ เพื่อค้นหาอาวุธของกลาง แต่ตำรวจได้จัดการสังหารคนร้ายทั้ง 6 คน ภายในบ้านโดยอ้างว่ามีการต่อสู้แย่งอาวุธทั้งๆคนร้ายทุกคนถูกจับสวมกุญแจไว้หมดแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นการฆ่าปิดปากตัดตอนสังหารอย่างเหี้ยมโหดภายใต้การนำทีมของพล.ต.อ.สล้างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แต่สื่อไม่กล้าขุดคุยเพราะทราบกันดีว่าพล.ต.อ.สล้าง เป็นคนของวังโจรในเครื่องแบบตำรวจ



พล.ต.ท. สมคิด บุญถนอม
ส่วนนายตำรวจอีกคนหนึ่งที่เป็นคนใกล้ชิดกับวังสายป้าสมจิต คือพล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ที่เป็นคนอุ้มฆ่านายอัลลู ไวรี นักธุรกิจซึ่งเป็นญาติกับกษัตริย์ซาอุ ที่มาตามสืบหาเพชรสีน้ำเงิน
พล.ต.ท. สมคิด บุญถนอม มีอิทธิพลในเรื่องการจัดการเรื่องยาเสพติดและมือปืนรับจ้างในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ ทั้งการรับจ้างฆ่าและให้ความคุ้มครองขบวนการค้ายาเสพติดบริเวณชายแดน โดยเฉพาะที่ อ.แม่สายและ อ.เชียงแสนในจังหวัดเชียงราย



ในปี 2543-2544 พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ได้ค้ายาเสพติดร่วมกับ นายมงคล จงสุทธนามณี อดีต สส. เชียงราย 8 สมัย พรรคชาติไทย-พรรคชาติพัฒนา และนายสำเริง บุญโยปกรณ์ อดีตผู้ว่าเชียงราย โดยสั่งลูกน้องไปคุมตามจุดต่างๆ
เช่น พ.ต.อ.ทิวธวัช นครศรี คุมที่ อ.แม่สายและอ.เชียงแสน แต่ที่อ.แม่สาย มีกำนันและผู้ใหญ่บ้านไม่ยอมร่วมมือในการขนยาบ้าล๊อตใหญ่ ผ่านท่าน้ำทางการเกษตรของกำนันแดง หรือนายแสงสนิท ไชยศรี สามีเก่า ดาราสาวต่าย สายธาร นิยมกาจน์  แต่กำนันแดงกับลูกน้องที่ชื่อ ผู้ใหญ่แดงน้อย ไม่ยอมร่วมมือ


พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม จึงสั่งให้ พ.ต.อ. ทิวธวัช นครศรี และ พ.ต.ท. เรวัต ยืนธรรม ใช้ปืนติดกล้องลอบยิงกำนันแดง ที่ท้ายหมู่บ้านปางห้า ต.เกาะช้าง ห่างจากชายแดนประมาณ 200 เมตร เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544  แล้วก็ทำคดีเองโดยยัดข้อหายาเสพติดให้กำนันแดง และในเดือนต่อมาตำรวจชุดเดิม คือพ.ต.อ.ทิวธวัช นครศรี และ พ.ต.ท.เรวัติ ยืนธรรม ก็ไปไล่ยิงผู้ใหญ่แดงน้อย ลูกน้องคนสนิทกำนันแดงตาย ในพื้นที่แม่กรณ์ อ.เมือง เชียงราย โดยยัดข้อหายาเสพติดให้ผู้ใหญ่แดงน้อยอีกเช่นกัน

 ตำรวจโจรในพระบรมราชูปถัมภ์
สั่งฆ่ารัฐมนตรี

พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ยังร่วมมือกับนายมงคล จงสุทธนามณี อยู่เบื้องหลังการตายอย่างมีเงื่อนงำของนายสันติ ชัยวิรัตนะ อดีต รมช.มหาดไทย เจ้าของฉายา รัฐมนตรีถนนควายเดิน ที่ไปแย่งประมูลการก่อสร้างโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียในจังหวัดเชียงราย โดยมีนายสำเริง บุญโยปกรณ์ ผู้ว่าเชียงรายในตอนนั้นร่วมรู้เห็นด้วย โดยมือปืนคือนายจำรัส สมพงษ์พรรณ หรือโอฬาร ผ้าเจริญ หรือรู้จักกันในวงการว่าลุงหนวด ประธานชมรมชาวไทยลื้อแม่สายวัย 60 ปี ลูกน้องคนสนิทของนายมงคล จงสุทธนามณี และนายจำรัส มือปืนคนนี้ ก็คือคนที่นายหน่อคำใช้ให้ไปวางแผนร่วมกับทหารกองกำลังผาเมือง สังหารโหดพ่อค้าชาวจีน 13 คน บริเวณแม่น้ำโขง ช่วงอ.เชียงแสน จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2554



ตำรวจชั่วยัดยาเสพติด
เพื่อแย่งเมียคนอื่น
ในปี 2544 พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ยังยัดข้อหาโดยตั้งข้อสงสัยว่ากำนันตี๋ หรือ นายฤทธิรงค์ มานะมนตรี กำนันคนดังแห่งอ.เชียงแสน ว่าเป็นพ่อค้ายาเสพติด โดยสั่งให้ตำรวจวิสามัญกำนันตี๋ เพื่อหวังแย่งภรรยาของกำนันตี๋ชื่อนางมล เป็นอดีตนางงามเชียงราย แต่กำนันตี๋หนีไปอยู่กับครูบาบุญชุ่มที่ฝั่งพม่า พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม จึงสั่งวิสามัญลูกน้องของกำนันตี๋ เพื่อปิดคดีที่บริเวณห้างบิ๊กซี เชียงราย ต่อมากำนันตี๋ได้กลับไทยและได้รับเลือกตั้งให้มาเป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลเวียงเชียงแสน เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2550 และเปลี่ยนชื่อเป็นนายพลภพ มานะมนตรีกุล

เส้นทางที่สี่ :
มาลีวัวปา-สบเปิง-แม่แตง
-ดอยปุย-ภูพิงค์ราชนิเวศน์



เป็นเส้นทางฝิ่นดิบ - เฮโรอีนและยาบ้าจากกลุ่มโกกั้ง และบางส่วนจากโครงการหลวงในดอยอ่างขางและดอยแม่สลอง โดยวังให้เป็นผลประโยชน์และรายได้แก่ทหารสายราชสำนัก เช่น บูรพาพยัคฆ์และวงศ์เทวัญ

กองกำลังผาเมืองทั้งปราบและคุ้มครองขบวนการค้ายา
โดยเฉพาะกลุ่มจงรักภักดีสายราชนิกูลจะได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ควบคุมกองทัพภาคที่ 3 และ กองกำลังผาเมือง เป็นการให้ผลประโยชน์ตอบแทน แก่กองกำลังรักษาความมั่นคงของระบอบเจ้า ด้วยการควบคุมการค้ายาเสพติดทางภาคเหนือตอนบน โดยใช้รถทหารยีเอ็มซีในการลำเลียง และซื้อขายเป็นทองแท่ง ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของทหารไทยมาก


โดยทหารเหล่านี้ร่วมมือกับกองพล 93 สังกัดกองทหารจีนคณะชาติพลัดถิ่นในอดีต ที่ดอยแม่สลอง มีนายพลหลุย อี่ เทียน นายพลเลา ลี และนายพลต้วน ซีเหวินหรือนายชีวัน คำลือจะมีความสนิทสนมกับลุงสมชายเป็นพิเศษ โดยเริ่มทำการค้าฝิ่นร่วมกันมาตั้งแต่สมัยจอมพลผิน ชุณหะวัณ พลเอกเผ่า ศรียานนท์ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

เจ้ายอดศึก 2555
รวมทั้งพลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ที่เป็นเพื่อนสนิทร่วมค้ายาเสพติดกับขุนส่าพ่อค้ายาระดับโลก โดยเจ้ายอดศึก ซึ่งเป็นหลานแท้ๆของขุนส่ารับช่วงกิจการค้ายาเสพติดกับทหารไทยมาจนถึงปัจจุบัน


พื้นที่ปลูกฝิ่นในประเทศไทย
ในนามโครงการหลวง



ได้แก่ ดอยปุย  - ดอยอินทนนท์ - ดอยอ่างขาง - ดอยแม่สลอง - ดอยตุง - ดอยกิ่วฝิ่น - ดอยแม่ตะมาน - ดอยในจังหวัดแม่ฮ่องสอน - ดอยที่สันป่าเกี๊ย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ฯลฯ
โดยใช้แรงงานชาวเขาเผ่าม้ง หรือแม้ว เป็นส่วนใหญ่ โดยชาวเขาเหล่านี้รู้กันดี ฝิ่นที่ปลูกเป็นของพ่อหลวง-แม่หลวง เพราะฝิ่นทุกต้นบนดอยของประเทศไทย ล้วนอยู่ในโครงการหลวงที่วังได้ใช้มติคณะรัฐมนตรียึดพื้นที่บนภูดอยมาทั้งสิ้น

หอฝิ่น สามเหลี่ยมทองคำ
ทางวังต้องการตบตาคนไทยและคนทั้งโลกโดยทางสำนักพระราชวัง จัดตั้งหอฝิ่นที่สามเหลี่ยมทองคำ ใช้ชื่อพิพิธภัณฑ์บ้านฝิ่น มีโครงการวิจัยฝิ่น อ้างว่ามีวัตถุประสงค์ เพื่อให้คนไทยและนักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ศึกษาเรื่องของฝิ่น แต่ภายในหอฝิ่นมีสถานที่หวงห้ามสำหรับเก็บรักษาฝิ่น โดยขุดเป็นอุโมงค์และห้องใต้ดิน เพื่อเก็บรักษาและลำเลียงฝิ่นมาจากพวกโกกั้งทางฝั่งพม่า เพื่อต้องการเป็นศูนย์กระจายแจกจ่ายฝิ่นและผงขาว รวมทั้งยาเสพติดอื่นๆ  โครงการหลวงอันเนื่องจากพระราชดำริจึงสามารถครองครองยาเสพติดได้อย่างถูกกฎหมายแต่เพียงโครงการเดียวเท่านั้น
กองกำลังผาเมือง
กับขบวนการค้ายาเสพติด


กองกำลังผาเมืองในจังหวัดเชียงราย 9 นาย ที่นำโดย พ.ต. เชิดพงษ์ ช่วยบำรุง หน. ฝ่ายข่าวกรอง กองกำลังผาเมือง
หน่อคำราชายาเสพติดชาวพม่าแห่งลุ่มน้ำโขง
ได้ร่วมกับ นายหน่อคำ ราชายาเสพติดชาวพม่า เจ้าของฉายาโจรสลัดแห่งลุ่มแม่น้ำโขง กระทำการฆ่าหมู่ 13 ศพลูกเรือจีน บริเวณแม่น้ำโขง ช่วงอ.เชียงแสน จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2554

ศพลูกเรือชาวจีนที่ถูกสังหาร 5 ต.ค. 2554
เป็นคดีที่สะเทือนขวัญและเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก ทำให้ชาวจีนโกรธแค้นมาก โดยการสอบสวนในเบื้องต้นทั้งจากตำรวจไทยและจีนมีทั้งพยานและหลักฐานชัดเจนว่า ทหารทั้ง 9 นายของกองกำลังผาเมือง ได้เป็นผู้ร่วมสังหารลูกเรือชาวจีนทั้ง 13 ศพ และได้มีการดำเนินคดี ทหารทั้ง 9 นาย โดยพล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร.เป็นผู้ดูแลคดีแต่เรื่องก็เงียบไป โดยไม่มีแม้แต่การสั่งฟ้องในชั้นอัยการ รัฐบาลจีนและพรรคคอมมิวส์จีนมีมติจะทำทุกวิถีทางในการนำตัวนายหน่อคำ และทหารไทยทั้ง 9 นายมาลงโทษให้ได้ ต่อมาก็มีแต่นายหน่อคำและพรรคพวกเท่านั้นที่ถูกทางการจีนจับได้ในลาวและถูกตัดสินประหารชีวิตเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2556
ส่วนเรื่องที่ทางการจีนสั่งติดตามคดีที่ทหารกองกำลังผาเมืองสังหารลูกเรือชาวจีนก็เงียบหายไปหลังจากที่หญิงกลางสิรินเทพไปเจรจากับทางการจีนด้วยตัวเองหลังจากเกิดคดีนี้ไม่นาน โดยเอาผลประโยชน์บางอย่างไปแลกกับรัฐบาลจีน เพื่อไม่ให้ทหารกองกำลังผาเมืองต้องตกเป็นจำเลย
เส้นทางค้ายาเสพติดใหม่

เครือข่ายเจ้าพยายามเปิดเส้นทางค้ายาเสพติดใหม่ในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่ติดกับชายแดนพม่า  โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจาก นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ผู้ต้องสงสัยในคดีสั่งฆ่าครูป๊อด หรือนายทัศน์กมล โอบอ้อม เมื่อวันที่ 10 กย. 2554 และเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีการหายตัวไปของผู้นำกระเหรี่ยงคนหนึ่ง

เพราะครูป๊อดเคยเปิดเผยว่านายชัยวัฒน์ร่วมมือกับทหารค้ายาเสพติดกับชนกลุ่มน้อยในพม่า เป็นสาเหตุที่ทำให้เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบกแบบ ฮิวอี้ และแบล็คฮอว์ก ตกที่แก่งกระจาน เมื่อวันที่ 17-19 กรกฎาคม 2554 ตามลำดับ เพราะถูกชนกลุ่มน้อยยิงตก เนื่องจากมีการหักหลังกันในเรื่องค้ายาเสพติด โดย ฮ.ลำแรกที่มีทหาร 5 คน ไปนั้น ถูกยิงตกในระยะต่ำ แล้วชนกลุ่มน้อยก็ฆ่าตัดคอ

พลตรี ตะวัน เรืองศรี (สวมหมวกดำ) ขึ้นฮ.ไปไถ่ตัว
หลังจากนั้นก็วิทยุหลอกให้ทหารนำเงินมาไถ่ตัว พอ ฮ.ลำที่สองมีทหารไปกันทั้งหมด 8 นาย นักข่าวอีก 1คน ที่นำโดย พลตรี ตะวัน เรืองศรี นำเงินมาไถ่ตัว ก็ถูกชนกลุ่มน้อยหลอกมาฆ่าจนหมด โดยแทบทุกศพถูกตัดหัว หลังเกิดเหตุ ฮ.ของทหารตกได้เพียงเดือนกว่า ครูป๊อด ก็ถูกยิงตาย และหนึ่งในผู้ต้องหาจ้างวานที่ตำรวจจับได้ก็เป็นคนขับรถของนายชัยวัฒน์ ซึ่งคาดว่าเป็นการฆ่าปิดปาก และคดีของนายชัยวัฒน์ และมือปืน ก็รอดเงื้อมมือกฎหมายไทยอีกเช่นเคย
ทักษิณกับการทำสงคราม
ปราบปรามยาเสพติด
นายกทักษิณประกาศสงครามปราบยาเสพติด
ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ได้มีการทำข้อตกลงกับพวกว้า และขอให้จีนทำข้อตกลงกับว้า ประสานการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจังในประเทศไทย เช่น การขยายผลไปยึดทรัพย์พ่อค้ายาเสพติด ทำให้พวกที่ค้าและเกี่ยวพันกับยาเสพติดรายใหญ่กลัวภัยจะมาถึงตัว จึงมีการสั่งฆ่าตัดตอนคนในขบวนการยาเสพติดด้วยกันเองเป็นจำนวนมาก จน บังรอน ลูกน้อง เหว่ย เซียะ กัง ประกาศให้เงิน 80 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าจ้างให้สังหารนายกทักษิณ เพราะความสำเร็จในการทำสงครามกับยาเสพติดอย่างจริงจังและเป็นระบบของนายกทักษิณ
แต่หลังจากเครือข่ายลุงสมชายโค่นล้มรัฐบาลทักษิณได้สำเร็จแล้ว ก็จัดการยกเลิกข้อตกลงทั้งหมด เพื่อเปิดทางให้ขบวนการค้ายาเสพติดในพระบรมราชูปถัมถ์ได้ดำเนินกิจการต่อไปได้ได้สดวกเหมือนที่เคยเป็นมาแต่เดิม


ไต้หวันพบเฮโรอีนซุกซ่อนมากับดอยคำสินค้าจากไทย
ต่อมาก็ยังมีข่าวการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดที่พัวพันมาถึงกิจการในของลุงสมชาย เพียงแค่ต้นเดือนสิงหาคม 2557 ทางการไต้หวันสามารถตรวจจับยาเสพติดเฮโรอีน ได้ถูกนำเข้าจากประเทศไทยสู่ประเทศไต้หวัน ถึง 3 ครั้ง เป็นจำนวนเกือบ 24 กิโลกรัม ทำไมยาเสพติดจำนวนมากเช่นนั้นจึงผ่านการตรวจสอบออกจากประเทศไทยโดยสดวกได้อย่างไร

รถบรรทุกปูนตราเสือซุกซ่อนเฮโรอีนจากฝั่งพม่า
เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2557 ก็มีรายงานว่าทหารพม่าที่ท่าขี้เหล็กได้สกัดจับรถขนปูนตราเสือบนถนนเลาะชายแดน ตรงข้ามเชียงราย-เชียงใหม่ พบซุกเฮโรอีนถึง 655 ห่อ หนักกว่า 230 กก. หากหลุดเข้าไทยราคาพุ่งกว่า 700 ล้าน บนถนนเชื่อมเขตอิทธิพลของว้า - มูเซอ ตรงข้าม อ. แม่ฟ้าหลวง จ. เชียงราย  
   
ลุงสมชายถูกนำตัวส่งศิริราช เมื่อ 6 ส.ค. 2557
คงไม่มีใครบอกได้ว่า ลุงสมชายและครอบครัว รวมทั้งเครือข่ายจะยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจค้ายาเสพติดต่อไปอีกมากแค่ไหนและนานเพียงใด  เพราะความโลภไม่เคยปรานีใคร แม้ว่าลุงสมชายจะได้ชื่อเป็นกษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกและทรงอิทธพลยั่งยืนนานที่สุดแบบเสร็จเด็ดขาด แม้จะมีอาการเจ็บป่วยกึ่งทุพพลภถาพถาวรมาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม หรือว่ามวลมหาประชาชนชาวไทยจำเป็นต้องโค่นล้มระบอบเผด็จการทรราชย์ที่มีลุงสมชายเป็นหัวขบวนชนิดถอนรากถอนโคนให้หมดสิ้นไปเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในนานาอารยประเทศทั่วโลก หรือว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศพิเศษที่เหลืออยู่เพียงประเทศเดียว ที่ประชาชนยังคงหลงไหลดื่มด่ำในความเป็นทาสไพร่จนโงหัวไม่ขึ้น หรือมีแต่ความหวาดกลัวจนเกินกว่าที่จะลุกขึ้นยืนหยัดประกาศความเป็นเสรีชนโดยพร้อมเพรียงกัน
......

ไม่มีความคิดเห็น: